“ผ่าประเด็นร้อน”
คงปล่อยให้ระเบิดป่วนเมืองเหิมเกริมหนักกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะนับวันกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่าง จ.นนทบุรี มีระเบิดเกิดขึ้นทั้งกลางวัน-กลางคืนติดต่อกันมาแล้วหลายวัน จนทำให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส ทรัพย์สินทั้งของรัฐและประชาชนสียหาย
แต่ที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ สภาพอกสั่นขวัญแขวน หวาดกลัวภัยอันตราย ไม่มั่นใจในความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน จนสุจริตชนไม่มีความมั่นใจในยามเดินทางออกนอกบ้าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องผ่านไปในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างเช่นใกล้กับสถานที่ราชการ ซึ่งมีความสำคัญทางการเมือง หรือแม้แต่กับธนาคารบางแห่งเช่นธนาคารกรุงเทพฯในยามกลางคืน ทุกครั้งที่เข้าไปใกล้ก็เหมือนอยู่ในสมรภูมิสงคราม
สภาพกรุงเทพมหานครและปริมณฑลในเวลานี้ จึงมีสภาพใกล้เคียงกับสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าไปทุกทีแล้ว
ก็ขนาดพื้นที่เฝ้าระวังอย่างสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เมื่อคืนวันที่ 27 มีนาคม 2553 ยังโดนคนร้ายปาระเบิดชนิดขว้าง M67 แบบลูกเกลี้ยงเข้าไปในสถานีโทรทัศน์ ซึ่งเป็นพื้นที่ของกองทัพบก
เหยียบหน้าแม่ทัพนายกองทั้งหลายให้อับอายทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ.แล้วทิ้งหลุมลึก ประมาณ 10 ซม. จากผลพวงของแรงระเบิดไว้ให้ดูต่างหน้า
ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดก็คือ อาการของผู้บาดเจ็บเช่นพลทหารชัยสิทธิ์ ชาวโพธิเอน, พลทหารนฤพงษ์ อุเทนสุด ทหารสังกัด พล.ม.2 ที่กำลังเข้าเวรยามที่รั้วรอบนอก ททบ.5 นำตัวส่งโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จนต้องมีประกาศรับบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือนายทหารทั้งสองคน นี่ยังถือว่าโชคดีว่าคนร้ายคงไม่ชำนาญการ และคงรีบทำเพราะต้องรีบหลบหนีเลยทำให้ระเบิดที่ขว้างไปเกิดติดตาข่าย และเกิดระเบิดบนอากาศ ไม่เช่นนั้นคงมีผู้บาดเจ็บมากกว่านี้
คืนเดียวกันหลังเกิดเหตุที่ช่อง 5 ไม่กี่ชั่วโมง ปฏิบัติการเย้ยอำนาจรัฐ ก็เกิดขึ้นซ้ำๆ กันอีก กับการขว้างระเบิดเข้าไปภายในสวนหย่อมหน้าสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 หรือเอ็นบีที ถ.วิภาวดีรังสิต ซึ่งแรงระเบิดทำให้สนามหญ้าเป็นหลุมลึก และทำให้ทหารที่เข้าเวรรักษาการณ์ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของช่อง 11 ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย
แล้ววันต่อๆ ไปจะเป็นคิวของหน่วยงานไหน? ประชาชนผู้บริสุทธิ์ซึ่งไม่ได้อยู่ในวังวนของความขัดแย้ง ใครจะเป็นผู้โชคร้ายต้องรับเคราะห์กรรม
เพราะสภาพการที่เกิดขึ้นเห็นได้ชัดว่า ถึงตอนนี้ กลุ่มผู้ก่อการ มันกำลัง “ได้ใจ” และมันกำลังลุกลามไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ ถึงคิว “สื่อสารมวลชน” แล้ว เมื่อช่อง 5 และช่อง 11 ที่ทำหน้าที่สื่อเสนอข้อเท็จจริงถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่ามีเป้าหมายอย่างไร ใครได้ประโยชน์ จนทำให้บุคคลบางกลุ่มแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง จนนำไปด่าทออย่างเสียหายบนเวทีเสื้อแดง แล้วทั้งช่อง 5 และช่อง 11 ขนาดมีการป้องกันเฝ้าระวังกันขนาดนี้ยังโดนคนร้ายบุกไปปาระเบิดได้
แล้วองค์กรสื่ออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ โดยเฉพาะสื่อที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่าอยู่ในบัญชีดำเฝ้าระวังความปลอดภัยจะมีหลักประกันความปลอดภัยได้อย่างไร?
ล่าสุด เหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปยังกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ บางเขน เมื่อช่วงตี 4 ของวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2553 ก่อนหน้าเสื้อแดงจะเดินทางมากดดันให้อภิสิทธิ์ยุบสภาไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งราบ 11 แห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของศอ.รส.และเซฟเฮ้าส์ซึ่งเป็นทั้งที่ทำงานและที่พักหลับนอนของอภิสิทธิ์ ที่มีแกนนำรัฐบาลและผู้นำเหล่าทัพนั่งประจำการอยู่ด้วย ถือเป็นการเหยียบหน้ารัฐบาล-กองทัพอย่างแรง
สถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะมานั่งลอยลม ทำเป็นไม่สนใจหรือท่องคาถาประเภท
“รัฐบาลขอแสดงความเสียใจกับผู้ได้รับบาดเจ็บ” หรือ “รัฐบาลพยายามป้องกันดูแลอย่างเต็มที่แล้ว ไม่มีใครหรอกที่อยากให้มันเกิดขึ้น แต่หลังจากนี้คงต้องเพิ่มการดูแลกวดขันให้มากขึ้น”
เพราะนี่ไม่แตกต่างอะไรกับการปฏิเสธความรับผิดชอบของผู้นำประเทศ
อภิสิทธิ์ต้องลงมาแก้ไขปัญหาระเบิดรายวันนี้ได้แล้ว
ไม่ใช่ลอยตัวปล่อยให้สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศอ.รส.ที่ไร้ฝีมือและอ่อนหัดแต่อยากมีอำนาจในมือจนจัดตั้งศอ.รส.ขึ้นเพื่อสนธิกำลังทั้งทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายปกครองไว้ในมือทั้งหมด แต่ครั้นถึงเวลาทำงานจริงๆ มีปัญหาหนักๆให้แก้กลับทำอะไรไม่เป็น
นอกจากตีกรรเชียงหากินทางหน้าจอโทรทัศน์ไปวันๆ
รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องอย่าง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร.ที่ถึงวันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการจะได้เป็นผบ.ตร.!
เพราะทำงานแบบตั้งรับ ขาดการทำงานเชิงรุกทั้งการป้องกันและจับกุม ปล่อยให้เกิดเหตุระเบิดเกลื่อนเมืองรายวัน ทำงานไม่สมศักดิ์ศรีผู้นำสีกากีที่ต้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินของราชการและประชาชน
เช่นเดียวกับแม่ทัพนายกอง ทั้ง ประวิตร-อนุพงษ์-ประยุทธ์ ซึ่งไม่แน่ใจว่าถนัดแต่ชงเรื่องขออนุมัติงบซื้ออาวุธอย่างเดียวหรือเปล่า
เกิดเหตุร้ายแรงระเบิดติดต่อกันหลายวัน นับสถิติการเกิดระเบิดตั้งแต่เริ่มมีการก่อหวอดชุมนุมก็ปาเข้าไปหลายสิบครั้งแล้ว ทว่าทั้งป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์ ก็ทำอะไรไม่ได้ในการช่วยดูแลสถานการณ์ความสงบภายในประเทศ เลยทำให้ทั้งหมดระยะหลังไม่ค่อยโผล่มาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
เหมือนกับจะหลบหน้าหลบตา เพราะอับอายที่มีตำแหน่งใหญ่โตแต่ไร้ประสิทธิภาพในการทำงาน ปล่อยให้เมืองหลวงของประเทศกลายเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยที่ติดอันดับโลกไปแล้ว
ทั้ง อภิสิทธิ์-สุเทพ-ปทีป-อนุพงษ์-ประวิตร-ประยุทธ์ ได้แค่แก้ตัวไปวันๆ ว่ารัฐบาล-กองทัพ-ตำรวจ ป้องกันดีแล้ว แต่มันเป็นเหตุสุดวิสัย
ถ้าทำได้แค่นี้ ก็ลาออกไปดีกว่า อย่ามาทำงานกินเงินเดือน เอาตำแหน่งให้เสียภาษีประชาชน
เพราะตอนนี้ผู้คนเริ่มหมดความอดทนอดกลั้นแล้ว กับเหตุระเบิดรายวันต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ โดยที่ทั้งรัฐบาล-ทหาร-ตำรวจ ยังทำอะไรไม่ได้เลยในการสอบสวนจับกุมมือระเบิด และคนบงการได้สักคดี
แบบนี้ประชาชนก็ได้แต่คอยเฝ้าติดตามข่าวตอนกลางคืนและตอนเช้าเพื่อดูว่าเมื่อคืนระเบิดที่ไหน ใครบาดเจ็บและมีตายหรือไม่ พร้อมกับภาวนาในใจ
อย่าให้เป็นคิวของตัวเองและครอบครัวเลย
ความรู้สึกแบบนี้ อภิสิทธิ์ปล่อยให้เกิดขึ้นได้อย่างไร?