เรื่องมันฟ้อง
โดย...กรงเล็บ
มีคำถามกันมากว่าทำไมเสื้อแดงจึงเลือกเคลื่อนไหวใหญ่อีกครั้งในวันเสาร์ที่ 27 มีนาคม ทั้งที่ไม่ได้มีนัยยะทางโหราศาสตร์ในเรื่องเสาร์ห้าเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ทว่าวันดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญไม่น้อยกับผู้บงการอยู่ต่างประเทศ
อย่าลืมว่า ลูกชายและลูกสาวของ นช.ทักษิณ ชินวัตร กำลังจะยื่นอุทธรณ์คดียึดทรัพย์ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ ซึ่งกระบวนการของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมิองก็ต้องเริ่มต้นพิจารณาคำร้อง โดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะทำการคัดเลือกองค์คณะ 5 คน ด้วยการลงคะแนนลับ
ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 278 ให้โอกาสกับผู้ต้องคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งอาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ อาจยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้
โดยคนแรกที่ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรานี้ คือ วัฒนา อัศวเหม ที่ต้องคำพิพากษาจำคุกในคดีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน แต่ศาลฎีกายกคำร้องเนื่องจากไม่ได้มีหลักฐานใหม่ที่อาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป ทำให้คดีถึงที่สุดไปแล้ว
ขณะที่ตระกูลชินวัตรกำลังขอใช้สิทธิ์นั้นตามรัฐธรรมนูญปี 50 ที่พวกเขาชิงชังและพยายามฉีกทิ้ง ทั้ง ๆ ที่ทนายความก็ยอมรับว่าไม่ได้ปรากฏหลักฐานใหม่ แต่ข้ออ้างที่ใช้เป็นเหตุผลเพื่อขอให้ศาลฎีกาฯรับอุทธรณ์ คือ มีหลายประเด็นที่องค์คณะมิได้พิจารณา
ต้องบอกว่า ขาดน้ำหนักโดยสิ้นเชิงที่จะทำให้ศาลฎีกาฯรับอุทธรณ์ตามคำร้องนี้
เพราะการจะหยิบเรื่องใดมาไต่สวนหรือไม่นั้นเป็นดุลพินิจขององค์คณะ เมื่อไม่ได้นำมาพิจารณาก็แสดงว่าประเด็นเหล่านั้นไม่ได้มีน้ำหนัก หรือมีผลทางคดีที่ศาลจะต้องนำมาไต่สวน
แล้วทำไมตระกูลชินวัตรจึงยังตั้งความหวังที่จะใช้ช่องทางนี้ ทั้งที่เห็นชัดเจนว่าหมดทางเดิน แถมยื่นในช่วงเวลาที่ใช้คนเสื้อแดงป่วนเมือง มีเกมเขย่าขวัญคนกรุงรายวันผ่านการก่อวินาศกรรมท้าทายอำนาจรัฐหลายจุด ขณะที่บนเวทีเสื้อแดงก็ยังคงทำลายกระบวนการยุติธรรม ให้ร้ายองค์คณะที่ตัดสินยึดทรัพย์โจรที่ปล้นชาติมาคืนให้กับแผ่นดินว่า ถูกแทรกแซงจากมหาอำมาตย์
ถ้า ทักษิณ คิดว่าศาลถูกแทรกแซงได้เพื่อกลั่นแกล้งเขา แล้วอะไรดลใจให้เขายื่นอุทธรณ์ต่อกระบวนการยุติความเป็นธรรมที่เขาไม่เชื่อมั่น หรือเป็นเพราะด้วยความเชื่อที่คิดว่าศาลถูกแทรกแซงได้โดยมหาอำมาตย์เขาจึงใช้ความเดือดร้อนของประชาชนและความมั่นคงของชาติมาเป็นตัวประกัน เพื่อนำไปสู่การเจรจาลับกับคนที่เขาคิดว่า สามารถพลิกคดีได้ แลกกับการให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ภาวะปกติ
ด้วยเหตุนี้ใช่ไหมเวทีหางแดงจึงเริ่มออกลายพาดพิงขอเจรจากับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ทั้ง ๆ ที่ท่านไม่ได้อยู่ในวิสัยที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองและกระบวนการยุติธรรมใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ทักษิณและสมุนรับใช้ก็บิดเบือนข้อเท็จจริงจนทำให้ประชาชนคนซื่อจำนวนหนึ่งหลงเชื่อ
การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงคราวนี้จึงมีความชัดเจนในตัวของมันเองว่า เป้าหมายสุดท้ายไม่ใช่การยุบสภา แต่คนกลุ่มนี้กำลังวางแผนบันได 7 ขั้น
ขั้นที่ 1 กดดันให้รัฐบาลยุบสภาสำเร็จ กลับไปสู่สนามเลือกตั้ง
ขั้นที่ 2 มั่นใจว่าได้อำนาจรัฐหลังการเลือกตั้ง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ขั้นที่ 3 ใช้อำนาจรัฐที่ได้มาออกกฎหมายนิรโทษกรรมทางการเมืองให้กับ ทักษิณ และ ซากเดนการเมือง 111 ศพ รวมทั้งคืนทรัพย์ที่ปล้นชาติไปให้กับคนที่ทรยศต่อแผ่นดิน
ขั้นที่ 4 ให้ ทักษิณ กลับประเทศโดยไร้มลทิน กลับมากุมบังเหียนบริหารประเทศอีกครั้ง ซึ่งนั่นเท่ากับว่า
ทักษิณต้องกลืนน้ำลายตัวเองที่เรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้ ด้วยการฉีกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทิ้งเสีย เพราะตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ คนอย่างทักษิณหมดสิทธิ์กลับเข้าสู่เส้นทางการเมือง เนื่องจากคนที่ถูกยึดทรัพย์จะขาดคุณสมบัติในการสมัคร ส.ส. เมื่อเป็น ส.ส.ไม่ได้ก็เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ สิ่งเดียวที่จะทำให้ ทักษิณ กลับมามีอำนาจอีกครั้ง คือ ทำลายกติกาของชาติแล้วร่างกติกาใหม่เพื่อตัวเอง
ขั้นที่ 5 หาก ทักษิณ กลับมามีอำนาจจริงก็อย่าหวังว่า 6 เดือนแรกเขาจะแก้หนี้ 6 เดือนที่สองให้ประชาชนใช้เงินเต็มที่ 6 เดือนที่สามหางานให้คนทำทั้งประเทศได้สำเร็จ เพราะเกือบ 6 ปีของการบริหารงาน ทักษิณ ไม่เคยทำให้หนี้ของประชาชนหมดไปมีแต่ทำให้หนี้ของราษฎรเพิ่มพูนมากขึ้น แต่แน่นอนว่าเขาคงออกนโยบายประชานิยมลด แลก แจก แถม ใช้ภาษีประชาชนไปสร้างหนี้บุญคุณกับชาวบ้านมากกว่าเดิม
ขั้นที่ 6 ล้างผลาญทุกองค์กรที่เป็นศัตรูของตัวเอง รวมถึงบรรดาอำมาตย์ทั้งหลาย แต่อย่าหวังว่าความเป็นธรรมจะเกิดขึ้นและความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นจะหมดไป เพราะ ทักษิณ นั่นแหละที่จะฉายธาตุแท้ให้เห็นว่า
เขาคืออำมาตย์สันดานไพร่
ขั้นที่ 7 เปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่รัฐไทยใหม่ชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน กดดันมหาอำมาตย์แก่ที่เขาเรียกขานให้ถอยห่างออกจากประชาชน ดำรงตนเป็นผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ของประชาชนเพื่อให้ความจงรักภักดีทั้งหมดมาอยู่กับคนที่ชื่อ ทักษิณ
คงยังจำกันได้ติดตากับภาพชาวบ้านตามรายทางโบกธงทรงพระเจริญ ยกมือไหว้ขณะ ทักษิณ เดินทางผ่าน ในช่วงที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรี
คงยังจำกันได้กับภาพอำมาตย์เต็มยศของทักษิณ ที่พยายามจะให้นำไปติดตั้งในทุกหน่วยราชการ
คงยังจำกันได้กับการเข้าไปประกอบพิธีในวัดพระแก้วอย่างมิบังควร
คงยังจำกันได้ถึงบทสัมภาษณ์ล่าสุดผ่านไทม์ ออนไลน์ ของ ทักษิณ ว่ามีเนื้อหาอย่างไร
คงยังจำกันได้กับวาทกรรมผ่านวีดีโอลิงค์ของ ทักษิณ ที่บอกว่าให้อำมาตย์คืนประเทศให้ประชาชน ได้อำนาจแล้วจะจัดสรรพื้นที่ให้
อำมาตย์แก่ซึ่งมอบมรดกให้กับลูกหลานหมดแล้ว ได้มีที่ยืนในสังคมอย่างสุขสลายมากกว่าอำมาตย์ในยุโรป ทักษิณ หมายถึงใครเพราะแน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เนื่องจากท่านไม่มีลูก แล้วอำมาตย์แก่ของทักษิณคือใคร?
ด้วยแผนชั่วของคนเลวชาติข้างต้น จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่คนไทยทั้งชาติต้องร่วมกันก้าวข้ามสถานการณ์นี้ไปให้ได้ เพราะหากปล่อยให้คนเหล่านี้กลับมามีอำนาจรัฐ กลียุคของแท้จะกลับมาอีกครั้งและคราวนี้คงยากยิ่งที่จะหนีพ้นการนองเลือด
เนื่องจากคนไทยคงไม่ยอมให้ ทักษิณ ย่ำยีประเทศ ทำลายระบบ เปลี่ยนแปลงกติกาเพื่อตัวเองเป็นแน่ ซึ่งจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของภาคประชาชน และเชื่อได้เลยว่า ถ้าทักษิณมีอำนาจอีกครั้ง เขาคงใช้วิธีรุนแรงปราบปรามประชาชนและอาจฉวยโอกาสที่บ้านเมืองปั่นป่วน วุ่นวาย ปฏิวัติตัวเองเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศแบบพลิกฟ้า คว่ำแผ่นดิน ย้อนกลับไปสู่การปฏิวัติ 2475
ลองถามใจเราในฐานะคนไทยว่าจะยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้หรือไม่ ถ้ายอมไม่ได้ก็ต้องร่วมมือ ร่วมใจนำพาชาติผ่านสถานการณ์ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน