แกนนำ นชป.สุมหัวโต้เหตุยิงถล่ม สธ.แผนชงเองกินเอง โยนบาปให้เสื้อแดง เสี้ยม ส.ส.-ส.ว.เอาผิดนายกฯ สั่งปิดกั้นทางเข้าสภา ขัดขวางการทำงานฝ่ายนิติบัญญัติ ส่งสัญญาณอาจออกมาตรการเร่งด่วน หากพรุ่งนี้ไม่รื้อถอนสิ่งกีดขวาง
วันนี้ (23 มี.ค.) แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ได้เปิดแถลงข่าว โดย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.กล่าวว่า ในการประชุม ครม.วันนี้ คนเสื้อแดงไม่ได้เคลื่อนไปที่กระทรวงสาธารณสุข เพราะเห็นสัญญาณกับดัก จึงใช้วิธีจัดกำลังเผยแพร่สติกเกอร์ยุบสภา และประชาชนก็ตอบรับอย่างดี ส่วนกรณีที่หลังประชุมมีการยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้ากระทรวงสาธารณสุข 2 ลูกนั้น สิ่งที่เราสังเกต คือ คิดว่า เป็นกระบวนการรัฐบาลชงเอง กินเอง เก็บแต้มสะสม สร้างความชอบธรรมเพื่อทำลายการชุมนุมของเสื้อแดง เหมือนวันที่ 20 มี.ค.ที่เราเคลื่อนขบวนทั่วกรุงเทพฯ แต่พอตกดึก ก็มีเหตุยิงระเบิดอาร์พีจี ทำให้เบียดบังหน้าข่าวพลังเสื้อแดงเคลื่อนไหวในวันรุ่งขึ้น ถ้าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลจริง ในช่วง 3-4 ชั่วโมงที่รัฐบาลประชุม ครม.ก็สามารถทำได้ แต่นี่รอจนประชุม ครม.เสร็จจึงลงมือ และยิงที่ลานจอดรถไม่ให้โดนคน รัฐบาลควรต้องลากคอคนทำมาให้ได้แล้ว เพราะตอนนี้ยิงกันทุกเอ็ม เหมือนประเทศไทยไร้รัฐ ไร้การปกครอง จะระเบิดกันเมื่อไหร่ก็ได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ปรากฏว่า บริเวณรอบๆ ถนนที่จะมารัฐสภา ซึ่งเป็นเส้นทางคาบเกี่ยวกับเส้นทางมาชุมนุม มีกำลังทหารมากมายมหาศาล มียุทโธปกรณ์ปิดกั้นถนน ทั้งแท่งปูน บังเกอร์ ลวดหนาม เหมือนเป็นสัญญาณล้อมผู้ชุมนุมเช่นเดียวกับเหตุการณ์สงกรานต์ในปีที่ผ่านมา ที่เอากำลังปิดถนน เสบียงอาหารเข้าไม่ได้ คนเข้าไม่ได้ ส.ส. ส.ว.ที่จะเข้าไปทำงานก็เข้าไม่ได้ สิ่งที่ทำไปถือว่าไม่เคารพเกียรติสภา และการชุมนุมของเสื้อแดงที่ชุมนุมสันติ จึงขอเรียกร้องให้ลดกำลังทหาร แต่เชื่อว่า ผ่านการประชุมสภาไปแล้วก็ไม่มีการรื้อ และอาจขยายการปิดกั้นมากขึ้น นปช.จะไม่งอมืองอเท้ารอให้มาปราบปราม ถ้าพรุ่งนี้รัฐบาลยังทำเกินกว่าเหตุ ตั้งด่านขู่ชุมนุมเช่นนี้ เราจะประเมินสถานการณ์ และประกาศมาตรการเร่งด่วน เราจะทำทุกอย่างปกป้องชีวิตผู้ชุมนุม อาจมีมาตรการอาจต้องยืดเส้นยืดสายกันบ้างในวันพรุ่งนี้ ก็ขอให้ประชาชนมาร่วมกับเรา ทั้งนี้ ในการปิดล้อมนั้น หากมีการปิดอีกสองจุด คือ แยกการเรือน และสะพานปิ่นเกล้า ก็จะทำให้คนเสื้อแดงไปไหนไม่ได้
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า การใช้กำลังทหารปิดล้อมรัฐสภา ชี้ให้เห็นว่า ฝ่ายบริหารแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติ วิธีการเอาลวดหนามออกไม่ยาก เพียงเอาไม้หน้าสามผูกเชือกให้รถยนต์ลากไป แท่งปูนก็ใช้รถยก แต่พวกตนจะยังไม่ไปรื้อลวดหนาม หรือบังเกอร์ แต่จะให้ ส.ส. ส.ว.ปกป้องสิทธิของตัวเองก่อน สมาชิกรัฐสภา ต้องดำเนินคดีกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ฐานที่ฝ่ายบริหารก้าวล่วงนิติบัญญัติ เราคืนพื้นที่เพราะตำรวจขอใช้จัดงานกาชาด แต่พอเราคืน กลับโดนให้ทหารปิดล้อม นายอภิสิทธิ์ คงฟังผิด ที่เราบอกให้ยุบสภา เป็นยุบสภา รั้วและลวดหนาม ไม่ควรอยู่เกินพรุ่งนี้ ซึ่งตนจะเข้าสภาในวันที่ 24 มี.ค.นี้หรือไม่นั้น ขอดู นายอภิสิทธิ์ ก่อน แต่การปิดล้อมเป็นเรื่องไม่บังควร เพราะรถตามขบวนเสด็จฯ ก็ยังเข้าไปเติมน้ำมันที่สนามเสือป่าไม่ได้ ส่วนมาตรการนั้น ขอประเมินสถานการณ์ก่อน คาดว่า เวลา 10.00 น.วันที่ 24 มี.ค.ก็จะชัดเจน ซึ่งยังยืนยันมาตรการสันติวิธี
ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ กล่าวว่า ต้องขอเตือน นายอภิสิทธิ์ ว่า เป็นเรื่องไม่บังควรที่ตั้งบังเกอร์สงครามในเขตพระราชฐาน กองทัพปฏิบัติตามคำสั่งนี้ได้อย่างไร การที่อ้าง ม.18 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้น พ.ร.บ.นี้ไม่อาจโต้แย้งสิทธิการต่อต้านโดยสันติตามรัฐธรรมนูญ ม.69 ได้ เพราะรัฐธรรมนูญมีสถานะสูงกว่า ขณะนี้มีทหารในเขาดินเป็นกองพัน และมีสังกัดในหน่วยงานต่างๆ อีกจำนวนมาก ดูราวกับ นายอภิสิทธิ์ เตรียมรบกับศัตรูสัก 30,000 คน ที่ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงปิดกั้นการจราจรนั้น รถก็ยังเดินทางผ่านพื้นที่ชุมนุมได้ แต่ตอนนี้มีการปิดสะพานซังฮี้ จนรถติดมากแล้ว