คว่ำรัฐบาลไม่สำเร็จตามราคาคุยของแกนนำเสื้อแดง-นปช.จนการชุมนุมใหญ่ที่สะพานผ่านฟ้าล่วงเลยมา 11 วันแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววชัยชนะจะเป็นจริงได้
ทว่าในช่วงที่การเมืองยังหาทางออกกันได้ยาก เพราะเป้าหมายเสื้อแดง-ทักษิณ ชินวัตร ก็ชัดเจนว่าจะเผาบ้านเผาเมืองท่าเดียวไม่สนอย่างอื่น แต่ปรากฏว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการตั้งข้อสังเกตท่าทีทางการเมืองของ
นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร จากพรรคภูมิใจไทย
ด้วยที่ชัย ชิดชอบมีความพยายามเปิดประชุมสภาฯให้ได้ในช่วงที่บ้านเมืองกำลังสับสนวุ่นวายจากพวกแดงป่วนเมือง ถือว่าการเมืองกำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน แต่กลับมีการใช้อำนาจประธานสภาผู้แทนราษฏร ทำหนังสือเรียกประชุมรัฐสภา-สภาผู้แทนราษฏร ทั้งที่ไม่มีวาระสำคัญเร่งด่วนชนิดฟ้าจะถล่มดินจะทลายหากไม่มีการประชุมรัฐสภาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งๆที่รู้ว่า คนเสื้อแดงปักหลักชุมนุมใหญ่อยู่ที่สะพานผ่านฟ้าจนถึงลานพระบรมรูปทรงม้า ห่างจากรัฐสภาไม่กี่ร้อยเมตร หากจะเดินทางมาล้อมรัฐสภาก็ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ซึ่งด้วยจำนวนคนเสื้อแดงที่มาครั้งนี้ก็มีมากพอ หากยกพลมาล้อมรัฐสภาก็สามารถปักหลักปิดทางเข้าออกได้หมดยากจะหนีออกทางประตูทุกด้าน ยกเว้นแต่จะขึ้นเฮลิคอปเตอร์เท่านั้
จนบรรดาส.ส.-สว.ต่างรุมอัด ผู้เฒ่าชัย กันอย่างหนักเพราะหากเข้าประชุมแล้วคนเสื้อแดงมาล้อมรัฐสภา และนายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรี-ส.ส.และสว.ออกไปจากรัฐสภาไม่ได้ ก็อาจเกิดเหตุซ้ำรอย 7 ตุลาทมิฬ
ซึ่งครั้งนั้นชัย ชิดชอบ ปีนรั้วรัฐสภาหนีเอาตัวรอดก่อนเพื่อน
แถมพอถูกท้วงติงและเรียกร้องให้ยกเลิกการนัดหมายดังกล่าว จนวิปรัฐบาลมีมติว่าไม่ให้ส.ส.รัฐบาลเข้าประชุมรัฐสภาและสภาผู้แทนราษฏรตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากันหากแกนนำเสื้อแดงระดมคนมาปิดล้อมรัฐสภา
แต่ประธานชัย นอกจากจะเป็นประธานสภาผู้แทนราษฏรแล้วยังเป็นรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ก็น่าจะประเมินสถานการณ์ได้ออกว่า ไม่ควรดึงดันเปิดประชุมสภาฯแต่ก็ยังดื้อรั้นจะทำให้ได้
จริงอยู่ว่า สิ่งสำคัญของการทำหน้าที่ส.ส.คือต้องเข้าประชุมสภาฯ แต่ก็ต้องดูความเหมาะสมและการประเมินสถานการณ์โดยรอบด้วย จึงไม่แปลกที่การประชุมรัฐสภาวันที่ 16 มี.ค.และประชุมสภาฯ เมื่อ 17 และ 18 มี.ค.2553 จึงเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย เกือบมีการชกต่อยกันในห้องประชุมสภาฯ
จนต้องสั่งปิดประชุมเป็นการด่วน ส่งผลให้การประชุมสภาฯทั้งสองวันดังกล่าวล่มไปโดยปริยาย
กลายเป็นว่ายิ่งทำให้คนเห็นภาพในทางลบของสภาฯมากขึ้น จนเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องการยุบสภาของคนเสื้อแดงไปเลย ทั้งที่ต้นเหตุของปัญหาวุ่นวายทั้งหมดเป็นเพราะทั้งสว.-ส.ส.ส่วนใหญ่ต่างไม่เห็นด้วยกับทีท่าของชัย ชิดชอบ ซึ่งไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนให้กับส.ส.-สว.ถึงความพยายามจะเปิดประชุมสภาฯให้ได้ เลยทำให้การประชุมรัฐสภา-สภาฯในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
สถานการณ์สุ่มเสี่ยงเช่นขณะนี้ การลดเหตุเผชิญหน้ากันของคนในสังคมย่อมสำคัญที่สุด
งดประชุมสภาฯแค่ 2 นัด ก็ไม่ได้มีผลมากมายอะไรเมื่อเทียบกับความรุนแรงและความสูญเสียที่จะตามมาหากประเมินสถานการณ์ผิด แกนนำเสื้อแดงกำลังหาช่องทางเล่นแรงอยู่แล้วด้วย ขนาดเอาเลือดคนไปเที่ยวเทราดที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์-ทำเนียบรัฐบาล-บ้านนายกรัฐมนตรี เพียงเพื่อหวังความสะใจและต้องการสร้างสิ่งอัปมงคลให้กับฝ่ายตรงข้ามก็ทำมาแล้ว
มีหรือการจะยกคนมาปิดล้อมรัฐสภา กันสัก 1-2 วัน แกนนำเสื้อแดงจะไม่คิดทำ หากมีโอกาสทำได้
นายกฯอภิสิทธิ์ที่แกนนำเสื้อแดงอย่าง อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ประกาศจะเอาเลือดอภิสิทธิ์มาล้างตีนของตัวเอง เมื่อสภาฯเปิดคงจะเดินทางมาร่วมประชุมสภาฯด้วย หากว่ามีการตั้งกระทู้สดจากส.ส.ถามนายกรัฐมนตรีโดยตรง อันเป็นสิ่งที่อภิสิทธิ์ปฏิบัติมาตลอดที่จะตอบกระทู้สดด้วยตัวเองไม่เคยให้รมต.คนอื่นตอบแทนให้ ดังนั้นก็จะเข้าทางคนเสื้อแดงจะต้องมาล้อมรัฐสภาในวันดังกล่าวแน่นอน
ความพยายามของชัย ชิดชอบในช่วงที่ผ่านมา จึงทำให้คนในซีกรัฐบาล หรือแม้กระทั่งนายกฯอภิสิทธิ์ก็คงสงสัยในตัว พ่อเนวิน ชิดชอบเหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่
เพราะเหมือนกับมีวาระซ่อนเร้นจะให้เกิดการเผชิญหน้ากันให้ได้ระหว่างฝ่ายรัฐบาล-เสื้อแดง โดยมีตำรวจซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ “ตำรวจเสื้อแดง”ที่อาจทำเกินกว่าเหตุกับคนเสื้อแดง จนทำให้เข้าทางคนเสื้อแดงนำมาอ้างในการทำลายความชอบธรรมเพื่อขับไล่อภิสิทธิ์ได้มากขึ้น
แม้กระทั่งแนวทางที่ชัย เสนอให้มีการเปิดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อหารือเรื่องปัญหาเสื้อแดงโดยเร็วที่สุด ซึ่งดูภายนอกอาจมองว่าเป็นเรื่องที่ดี
ซึ่งจริงๆ เรื่องนี้ หลายฝ่ายก็เห็นด้วย หากว่าจะนำปัญหาการเมืองนอกรัฐสภามาร่วมถกเถียงหาทางออกกันในรัฐสภา เพื่อร่วมกันคลี่คลายวิกฤตบ้านเมือง
เพียงแต่ว่าจังหวะเวลาและสถานการณ์ตอนนี้ต้องถามว่า ต่อให้รัฐสภาเปิดอภิปรายกันลากกันยาวข้ามวันข้ามคืน แล้วหากมีเสียงหรือข้อเสนอออกมาจากห้องประชุมเช่นต้องการให้คนเสื้อแดงยุติการชุมนุมไปก่อน เพื่อให้บ้านเมืองสงบเพราะรัฐบาลก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงสองปีก็ยุบสภาแล้ว ทำไมไม่รอถึงตอนนั้น ถามว่าข้อเสนอดังกล่าว แกนนำนปช.-คนเสื้อแดงจะรับฟังหรือไม่
คำตอบก็คือ เป็นไปไม่ได้
เห็นได้จากการปฏิเสธร่วมส่งแกนนำนปช.ไปหารือร่วมสามฝ่าย กับ “เสธอู้”พลเอกเลิศรัตน์ รัตนวานิช สว.สรรหา ที่โรงแรมรอแยลปรินเซส หลานหลวงเมื่อ 22 มี.ค.53 เพราะสิ่งที่เสื้อแดงต้องการมีอย่างเดียวเท่านั้น คือ “ยุบสภา”
จึงเห็นได้ชัดว่า การประชุมร่วมรัฐสภาในเวลานี้ ขณะที่คนเสื้อแดงกำลังบ้าคลั่ง เดินสายสาดเลือดแบบคนบ้า ต่อให้แต่ละฝ่ายเสนอทางออกอย่างไร แต่หากอภิสิทธิ์ไม่ยุบสภา ก็ไม่มีทางที่แกนนำเสื้อแดงจะยุติการชุมนุม หากภารกิจบีบให้อภิสิทธิ์ยุบสภาตามบัญชาการของทักษิณ ชินวัตร ยังไม่สำเร็จ
หรือหากมีการนัดประชุมกันจริง เชื่อได้ว่าแกนนำเสื้อแดง ก็ต้องยกพลเสื้อแดงมาชุมนุมหน้ารัฐสภาเพื่อฟังผลการอภิปรายและข้อสรุปต่างๆ อันเป็นการประชุมที่อภิสิทธิ์ ไม่มีทางหลีกเลี่ยง ต้องเข้าประชุมตั้งแต่ต้นจนจบการประชุม จนอาจทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการจะถูกปิดล้อมทางเข้าออกรัฐสภาของคนเสื้อแดงสูง แค่นี้ก็เห็นแล้วว่า มีโอกาสจะเกิดเหตุไม่คาดคิดได้ทุกเมื่อ
สู้รอให้ สถานการณ์คลี่คลายไปมากกว่านี้ ความร้อนรุ่นของคนเสื้อแดงค่อยเย็นขึ้นมาบ้างแล้ว เริ่มคิดและใช้เหตุผลทางการเมืองมากขึ้น แล้วรัฐสภาค่อยมาหารือร่วมกัน เพื่อร่วมแก้ปัญหาบ้านเมือง
จะเหมาะสมกว่าที่จะทำให้รัฐสภากลายเป็นสถานที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดรอยเลือด และคราบน้ำตาของผู้สูญเสีย ซึ่งแม้จะเป็นเสื้อแดง แต่ก็เป็นคนไทยด้วยกัน ไม่มีใครอยากเห็นความรุนแรงและความสูญเสียเกิดขึ้นแน่นอนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน
ทำแบบนี้จะไม่ดีกว่าหรือ? ชัย ชิดชอบ หรือว่าลึกๆ นี่จะเป็นแผนของภูมิใจไทย ซึ่งที่ผ่านมาไม่พอใจอภิสิทธิ์หลายเรื่องเช่นล่าสุดกรณีปชป.มีมติไม่เอาด้วยกับการแก้ไขรธน.ปี 50 หรือการจะให้มีการกวาดล้างเรื่องในทางลบของกระทรวงมหาดไทยหลายเรื่อง ซึ่งทั้งหมดล้วนมีศักดิ์สยาม ชิดชอบ ลูกชายชัย ถูกโยงว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ก็เลยจะใช้สถานการณ์ตอนนี้ สั่งสอนให้อภิสิทธิ์ต้องเจอทั้งศึกนอกรัฐสภา คนเสื้อแดงและศึกในรัฐสภาด้วย
ส่วนเรื่องจะหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจนนายกฯอภิสิทธิ์อยู่ไม่ได้หรือยุบสภา ยังเป็นสิ่งที่ชัยและภท.เองรู้ดีว่าคงเป็นไปได้ยาก ที่สำคัญภท.ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรหากมีการยุบสภาตอนนี้
มันก็เลยเป็นแค่การร่วมขบวนป่วนรัฐบาลไปด้วยกับเสื้อแดง เพื่อทำให้อำนาจการต่อรองของภท.ในรัฐบาลมีเพิ่มมากขึ้นก็เท่านั้นเอง