“เทพไท” อัด “นช.แม้ว” ไม่รักคนอีสานจริง สั่งระดมเสื้อแดงขวางนายกฯ ลงพื้นที่แก้ปัญหาภัยแล้งทำประชาชนเสียโอกาส เย้ยสามเกลอแค่ตัวประกอบเมื่อเจ้าขอบม็อบตัวจริงยื่นข้อเสนอเจรจา “มาร์ค” ชี้เงื่อนไขไม่ให้จับกุมเป็นไปไม่ได้เพราะผิด ม.157 ชี้ พท.ส่ง “จิ๋ว” ล็อบบี้พรรคร่วมฯ ถอนตัว แค่ดิ้นเฮือกสุดท้าย
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คนเสื้อแดงขัดขวางการลงพื้นที่ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระหว่างไปดูสถานการณ์ปัญหาภัยแล้งที่ จ.อุดรธานี และ จ.หนองคาย จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะนายกฯ มีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาภัยแล้งของคนอีสานทั้งหมด แต่กลับถูกขัดขวางจากคนเสื้อแดงเพียง 400-500 คน ซึ่งทำให้คนหลายล้านคนในภาคอีสานเสียโอกาส แต่ที่น่าเสียใจยิ่งกว่า คือ การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปากบอกว่ารักคนอีสาน แต่กลับใช้วิธีการโทรศัพท์สั่งการนายขวัญชัย ไพรพนา ให้ระดมคนเสื้อแดง จ.อุดรฯ มาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่อย่างถึงที่สุด จึงอยากถามว่าพฤติกรรมเช่นนี้เป็นการรักและช่วยเหลือประชาชนหรือไม่ ถ้ารักประชาชนจริงก็น่าจะเปิดโอกาสให้รัฐเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาภัยแล้ง โดยเฉพาะในบางพื้นที่ที่ได้รับเสียหายจนประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ จึงไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณเอาความเดือดร้อนของประชาชนมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้ตัวเอง และควรแยกแยะว่าอะไรคือความเดือดร้อนของประชาชน และอะไรคือปัญหาของตัวเอง
นายเทพไทกล่าวว่า ที่นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณ เสนอให้นายกฯ เจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณโดยตรง แต่มีเงื่อนไขว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณกลับเข้าประเทศจะต้องไม่มีการดำเนินคดีว่า ข้อเสนอดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าแกนนำคนเสื้อแดงทุกคนไม่มีน้ำยาและไม่มีอำนาจเด็ดขาดในการตัดสินใจทางการเมือง และผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของคนเสื้อแดงก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น และไม่ทราบว่าข้อเสนอดังกล่าวเป็นการโยนหินถามทางหรือไม่ เพราะตัว พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรชัดเจน ทั้งที่สามารถทวิตเตอร์และวิดีโอลิงก์มาได้ตลอดเวลา แต่เงื่อนไขที่บอกว่าจะยอมเจรจาแต่ต้องไม่จับกุมนั้นเป็นข้อเสนอที่ขัดต่อกฎหมาย เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในฐานะนักโทษหนีคดี ส่วนนายอภิสิทธิ์อยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐไปพบผู้ต้องหาอย่างซึ่งหน้า ถ้าไม่มีการจับกุมใดๆ ก็จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น ข้อเสนอครั้งนี้น่าจะทำให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณพร้อมเจรจา หลังจากเสียรังวัดจากการที่แกนนำคนเสื้อแดงล้มโต๊ะเจรจามาก่อนหน้านี้
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยจะเดินสายล็อบบี้พรรคร่วมรัฐบาลให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลและกดดันให้มีการยุบสภานั้น นายเทพไทกล่าวว่าว่า เป็นการเคลื่อนไหวเฮือกสุดท้ายของกระบวนการต่อสู้ระบอบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะทำทุกวิถีทางให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองให้ได้ โดยการระดมสรรพกำลังลิ่วล้อออกมาเคลื่อนไหวแบบเปิดหน้าเปิดตา เช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ยอมเปลืองตัวกระโดดขึ้นเวทีปราศรัยของคนเสื้อแดง โดยคาดหวังว่าจะได้รับชัยชนะเหมือนกับครั้งที่ขึ้นเวทีคนเสื้อแดงเมื่อตอนสงกรานต์เลือด รวมทั้งการเปิดตัวของ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.ทบ. ญาติผู้พี่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เวทีคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นการเปิดหน้าชกอย่างเต็มที่ โดยตนอยากเตือน พล.อ.ชวลิตที่ประกาศตัวเป็นหัวหอกเดินเกมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เพื่ออนาคตทางการเมืองของตัวเองหลังจากที่พลาดเก้าอี้นายกฯ ให้นายสมัคร สุนทรเวช มาแล้ว โดยคงหวังว่าครั้งนี้จะส้มหล่น จึงทำให้ยอมเปลืองตัวล็อบบี้พรรคร่วมรัฐบาล ทั้งที่พรรคร่วมรัฐบาลได้ประกาศจุดยืนว่าจะจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลต่อไป ทั้งนี้ อยากขอบคุณพรรคร่วมทุกพรรค ที่ได้แสดงจุดยืนชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในสังคมและตกเป็นเครื่องมือการปล่อยข่าวลือของคนเสื้อแดง
นายเทพไทกล่าวว่า การที่ ส.ว.ยืนญัตติอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 161 นั้น รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำหน้าที่ของวุฒิสภาอย่างเต็มที่ และคาดหวังว่าการอภิปรายในครั้งนี้ก็น่าจะเป็นการอภิปรายที่สร้างสรรค์ และรัฐบาลก็พร้อมที่จะนำความคิดเห็นมาใช้ในการทำงานต่อไป แต่ถ้าดูจากการอภิปรายในการประชุมวุฒิสภาเมื่อวานนี้ (22 มี.ค.) ของ ส.ว.บางคน โดยเฉพาะนายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา ที่อ้างถึงผลสรุปของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปการเมืองและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เสนอให้ลดความขัดแย้ง ลดวิวาทะการใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งคนในรัฐบาลตระหนักเรื่องนี้อยู่ตลอด แต่ที่มาพลาดพิงถึงตน โดยระบุว่าเป็นผู้ต่อยอดความขัดแย้งนั้น อยากให้กลับไปดูการทำงานที่ผ่านมาของตนว่าเป็นผู้ก่อความขัดแย้งหรือไม่ และทำไมไม่ไปดูความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณและลิ่วล้อที่ใช้เวทีคนเสื้อแดงบิดเบือนข้อเท็จจริง จาบจ้วงใส่ร้ายนายกฯ และพรรคประชาธิปัตย์ โดยถ่ายทอดสดผ่านพีเพิลชาแนล หากตนไม่ชี้แจงข้อเท็จจริงก็อาจทำให้สังคมเข้าใจผิดได้ เช่น กรณีคลิปเสียงของนายกฯ ที่ถูกตัดต่อ และการปลุกระดมว่านายกฯ สั่งฆ่าประชาชน ซึ่งถ้ารอให้เรื่องทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็อาจจะต้องใช้เวลานาน ซึ่งอาจจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้
“พวกผมเป็น ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ถ้าไม่ชี้แจงและทำความเข้าใจก็อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด และไม่ได้รับเลือกให้กลับมาทำงานอีก จึงจำเป็นต้องเอาใจประชาชนคนส่วนใหญ่ ไม่เหมือนนักการเมืองที่ได้มาจากการสรรหา ไม่ต้องแคร์กระแสสังคม ไม่ต้องคำนึงเสียงของประชาชน เพียงแต่เอาใจคณะกรรมการสรรหา 7-8 คน ก็สามารถเข้าสู่ตำแหน่งได้” นายเทพไทกล่าว