แกนนำไพร่แดง หน้าสลอนตั้งโต๊ะปูดแผนลับรัฐ เตรียมล้อมสลายการชุมนุม ลั่นไม่หลงติดกับสุนัขจิ้งจอกพาม็อบล้อม สธ.สั่งตรึงพื้นที่ราชดำเนิน คนกรุงเตรียมกระอักเจอแผนใช้ จยย.ป่วนเมือง แจกสติเกอร์รณรงค์ยุบสภา 4 เส้นทาง พรุ่งนี้ พร้อมตั้งปราการเฝ้าระวัง 10 จุด กันถูกโจมตีใต้ดิน ขู่เจอไพร่แดงยึดถนน กทม.27 มี.ค.นี้อีกรอบ หัวหดหวั่น จนท.พกอาวุธได้เสี่ยงรุนแรง ซัดยิงอาร์พีจี สร้างสถานการณ์ชัด
วันนี้ (22 มี.ค.) นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่ม นปช.ได้อ่านแถลงการณ์ นปช.ฉบับที่ 3 โดยยืนยันข้อเรียกร้องให้มีการยุบสภาและพร้อมเจรจากับนายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งนำพาประเทศไปสู่สภาวะความสงบโดยเร็ว ทั้งนี้ จากชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ได้เคลื่อนทัพคารวะชาวกรุงเทพฯ เพื่อเสนอแนวความคิดยุบสภาแก้ปัญหาชาติด้วยวิธีสันติ อหิงสา ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี ซึ่ง นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ก็ขอขอบคุณทุกฝ่ายด้วยความจริงใจ แต่เนื่องจากรัฐบาลมาด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องตามครรลองประชาธิปไตย เมื่อบริหารประเทศก็ใช้สองมาตรฐาน ปล่อยให้มีการทุจริตคอร์รัปชัน เป็นศูนย์กลางความขัดแย้ง ไม่อาจสร้างความสามัคคีได้ ดังนั้น จึงขอเรียกร้องต่อนายอภิสิทธิ์ 1.ยืนยันให้ยุบสภาทันทีเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน 2.นปช.ไม่มีข้อเรียกร้องอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้อย่างที่กล่าวอ้างกันลอยๆ
3.นปช.ยินดีให้มีการเจรจาโดยผู้เจรจา คือ ผู้มีอำนาจเต็มของแต่ละฝ่าย โดยฝ่ายรัฐบาลต้องเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เพราะเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจในการยุบสภา 4.เมื่อยุบสภาแล้วทุกกลุ่มทุกฝ่ายต้องเลิกชุมนุม และเพื่อทำสัญญาประชาคมให้ทุกพรรคสามารถเข้าไปหาเสียงได้ในทุกพื้นที่โดยไม่มีการสกัดกั้น 5.ให้การเลือกตั้งที่สุจริตยุติธรรม เป็นเครื่องตัดสิน ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ทุกฝ่ายต้องยอมรับเพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่ม นปช.กล่าวว่า ตนได้ติดตามสถานการณ์ เชื่อว่ารัฐบาลมีการวางแผนเพื่อเล่นงานกลุ่มคนเสื้อแดง โดยพบว่าในวันพรุ่งนี้ รัฐบาลมีวิธีการเดียวกันกับกรณีที่เคยประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งอยากให้ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำไมใช้ชีวิตอยู่ในราบ 11 ตลอด เหมือนช่วงเหตุการณ์สงกรานต์ที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ดังนั้น ในวันที่ 23 มี.ค.ก็เช่นเดียวกัน แทนที่จะมีการประชุมในกรมทหารราบ 11 กลับมีการใช้พื้นที่ของกระทรวงสาธารณสุข ในการจัดประชุม ครม.แต่ทั้งนี้ ทราบว่า รัฐบาลไม่ได้เตรียมการไว้ที่กระทรวงสาธารณสุขเพียงอย่างเดียว แต่จะใช้พื้นที่รัฐสภาด้วย ซึ่งตนเกรงว่า จะมีความรุนแรง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งให้ทุกหน่วย ใช้พื้นที่ ถ.ราชดำเนิน เป็นสถานที่ซ้อมรบ โดยมีการเคลื่อนกำลังทั้งหมดมารอเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในวันที่ 23 มี.ค.โดยมีการเตรียมเฮลิคอปเตอร์ไว้ถึง 3 ลำ มีการเตรียมชุดสไนเปอร์ไว้อยู่บนชุดเฮลิคอปเตอร์ด้วย และเตรียมลานจอดไว้ที่พระที่นั่งวิมานเมฆ โรงเรียนวชิราวุธ และมีการเตรียมรถเกราะเพื่อบรรทุกวีไอพี มีการใช้ชื่อเรียกหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษว่า เดลต้า 101 หัวหน้าชุดโจมตีเรียกว่า อัลฟ่า 4 และชุดที่อยู่ที่โรงเรียนวชิราวุธเรียกว่า 3 ยอด 31 ชุดที่พระที่นั่งวิมานเมฆ เรียกว่า 3 ยอด 32 โดยจะใช้กำลังส่วนใหญ่จากหน่วย ฉก.90 นอกจากนี้ ยังมีการใช้ชุดมอเตอร์ไซค์เคลื่อนที่เร็วเพื่อสร้างสถานการณ์ในบริเวณพื้นที่ชุมนุมของคนเสื้อแดงด้วย เพื่อเป็นเหตุให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากนั้นกำลังเจ้าหน้าที่ที่เตรียมไว้จะเริ่มสลายการชุมนุม
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ถ้าเราไปที่กระทรวงสาธารณสุข เชื่อว่า รัฐบาลจะมาประชุมที่รัฐสภา และจะมีแดงเทียมเข้ามา ซึ่งจะทำให้เกิดการแตกหักกันที่นี่ และเราจะกลายเป็นผู้ร้ายเหมือนที่กระทรวงมหาดไทย ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการทั้งหมด และคนเสื้อแดงจะกลายเป็นจำเลยสังคม หลังจากนั้น ก็จะมีการปิดล้อมประชาชน เพราะเท่าที่พบทหารมีพฤติการณ์นำกระดาษไปปิดทะเบียนรถทหาร เห็นได้ชัดว่า เป็นการปกปิด เพื่อดำเนินการเข่นฆ่าประชาชนรอบที่ 2 และที่ นายสุเทพ พลิกเกมระบุให้ทหารติดอาวุธได้ ความจริงติดอาวุธมานานแล้ว เช่นที่วัดโสมนัส มีการซุกอาวุธไว้ที่ศาลา 80 ปี เห็นชัดว่ามีการสร้างสถานการณ์เพื่อบิดเบือนอารมณ์ประชาชน สร้างภาพให้คนเสื้อแดงเป็นผู้ร้าย การยิงจรวดกำลังจะหายไปในสายลม เหมือนกรณีรถก๊าซซึ่งถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินคดี ดังนั้น เห็นชัดว่า รัฐบาลมีการวางแผนสร้างสถานการณ์ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นเพราะคนเสื้อแดงยึดสันติวิธี จึงไม่มีเหตุที่รัฐบาลอ้างได้”
“ถ้าเราจะเอาความรู้สึกสะใจ เราก็จะไปทุกที่ แต่หากต้องการชนะ จะใช้วิธีการนัดชุมนุมใหญ่ในวันเสาร์นี้ เพื่อแสดงพลัง ซึ่งจะถือเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ดังนั้น เมื่อรัฐบาลเตรียมสร้างสถานการณ์ และเราก็ไม่เล่นด้วย เมื่อมีการวางแผนใส่ร้าย เราก็ไม่ไป โดยคนเสื้อแดงจะตรึงพื้นที่อยู่ที่นี่ เพื่อไม่ให้รัฐบาลมีความชอบธรรมในการล้อมปราบประชาชน และจะรอให้ถึงวันเสาร์ที่ 27 มี.ค.เพื่อรอแสดงพลัง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะตรึงฐานที่มั่นที่ราชดำเนินให้แข็งแกร่ง เพื่อรอพี่น้องมาสบทบ และจะถือเป็นการชุมนุมเพื่อลบสถิติเมื่อวันเสาร์ที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา คนเสื้อแดงจะต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ให้ความชอบธรรมยังอยู่ที่คนเสื้อแดง และการต่อสู้กับสุนัขจิ้งจอก ต้องจับให้มั่นคั้นให้ตาย ดังนั้น จะต้องชัวร์และมั่นใจไว้ก่อน เชื่อว่า พรุ่งนี้รัฐบาลคงจะชกแต่ลม ส่วนการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม อยากเชิญชวนประชาชนว่าหากมาร่วมชุมนุมไม่ได้ให้ไปร่วมชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัด หากมาได้ก็ขอให้มาร่วมชุมนุมกันมากๆ เพราะขณะนี้เรากำลังสู้อยู่กับสุนัขจิ้งจอก รวมทั้งอยากเตือนทหารว่าอย่าใช้วิธีลอบกัดประชาชน และเราจะสู้ในสนามเพื่อให้เราชนะเท่านั้น” นายจตุพร กล่าว
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่ม นปช.กล่าวว่า เพื่อให้บรรยากาศการประชุม ครม.คึกคัก กลุ่มคนเสื้อแดงจะจัดหน่วยรถจักรยานยนต์อาสากว่า 500 คัน ไปแจกสติกเกอร์รณรงค์ให้มีการยุบสภา อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนเสื้อแดง มีการจัดตั้งหน่วยเฝ้าระวังกำลังเป็นปราการใน 10 ทิศ และกระจายแกนนำไปรับผิดชอบแต่ละด่าน เพื่อป้องกันการโจมตีทั้งบนดินและใต้ดินด้วย ยืนยันว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจะดำเนินการทุกทางโดยสันติวิธี และอยากประกาศว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นในสถานที่ที่รัฐบาลเตรียมไว้ ทั้งที่กระทรวงสาธารณสุข และบริเวณรัฐสภา ไม่ใช่ฝีมือของกลุ่มคนเสื้อแดง
นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่รัฐบาลเตรียมกำลังพล และจัดประชุมคณะรัฐมนตรี กลุ่มคนเสื้อแดงจะจัดให้มีการทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อเป็นสิริมงคลและอุทิศให้นายอภิสิทธิ์มีดวงตาเห็นธรรมด้วย
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า ในเวลา 09.00 น. ถึง 15.00 น.จะใช้รถจักรยานยนต์รณรงค์แจกสติกเกอร์ใน 4 เส้นทาง ที่กลุ่มคนเสื้อแดงเคยเคลื่อนขบวนไปแล้ว ได้แก่ 1.เส้นทางไปราบ 11 2.ทำเนียบรัฐบาล และ ถ.พระราม 6 3.เส้นทางไปบ้านนายกรัฐมนตรี และ 4.เส้นทางที่เคยเคลื่อนขบวนเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ มั่นใจว่า ในวันที่ 23 มี.ค.จะไม่เกิดความรุนแรง และจะได้รับการตอบรับจากคนกรุงเทพฯเป็นอย่างดี โดยระหว่างทางจะมีหน่วยสันติวิธีร่วมขบวนไปด้วย
ขณะที่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้แถลงว่า ตามที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้แถลงผลการประชุม ศอ.รส.ว่า ศอ.รส.ได้มีคำสั่งให้ชุดลาดตระเวนทั้งตำรวจและทหาร สามารถพกพาอาวุธปืนได้ โดยผู้พกพาจะต้องใส่เครื่องแบบให้ชัดเจนว่าเป็นทหารหรือตำรวจ นั้น การมีคำสั่งดังกล่าว เป็นเรื่องที่อันตราย เพราะให้เจ้าหน้าที่พกอาวุธได้ เท่ากับเป็นการสั่งกลายๆ ว่า ให้สามารถใช้กำลังได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร มีจำนวนมาก การควบคุม ดูแล ไม่ให้มีการใช้อาวุธปืน จึงเป็นไปได้ยาก
เมื่อมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวเป็นหน่วยที่มีอาวุธครบมือจึงไม่ควรให้อำนาจเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นพกพาอาวุธได้อีก การอ้างเหตุผลว่า มีเหตุระเบิดกระทรวงกลาโหมเกิดขึ้นจึงต้องให้เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนติดอาวุธนั้น เป็นข้ออ้างที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะข้อเท็จจริง มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายเฝ้าระวังอยู่ทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล หากไม่ใช่เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐกระทำเองแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาทำ เพราะโอกาสที่จะขนอาวุธสงครามผ่านด่านเจ้าหน้าที่ เข้ามาก่อเหตุถึงกลางพระนครนั้นเป็นไปได้ยาก
“ดังนั้น การสั่งให้เจ้าหน้าที่ติดอาวุธ จึงเป็นไปด้วยเหตุผลเดียว คือ การเตรียมพร้อมสำหรับการใช้กำลังของ ศอ.รส.เป็นการสร้างความหวาดกลัวให้กับพี่น้องประชาชน เพราะโอกาสที่จะมีการใช้อาวุธโดยปราศจากความระมัดระวัง และความรอบคอบเป็นไปได้สูง ประกอบกับการชุมนุมของประชาชนมีผู้ชุมนุมเป็นจำนวนมาก การกระทบกระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมจึงอาจมีขึ้นได้ แต่การที่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธได้นั้น อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่นำไปสู่ความรุนแรงที่รัฐบาลไม่อาจควบคุมได้” โฆษกพรรคเพื่อไทย ย้ำ
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีเหตุยิงเครื่องยิงจรวด อาร์พีจี เข้าใส่กระทรวงกลาโหม เมื่อคืนวันที่ 20 มี.ค.มีพยานหลักฐานทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ เป็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ แล้ว โฆษก ศอ.รส.ได้ออกมาแถลงสรุปว่า น่าจะเป็นการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เกิดจากความขัดแย้งกันในแนวทางการต่อสู้นั้น คิดว่า ศอ.รส.ด่วนสรุปผลเร็วเกินไป ทั้งที่ยังไม่มีการตรวจสอบและพิสูจน์พยานหลักฐานที่ชัดเจน เรื่องนี้มีพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุมาก การสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด จึงไม่ใช่เรื่องยาก เบื้องต้นทราบว่ารถยนต์โตโยต้า วีโก้ ที่ใช้ก่อเหตุใช้แผ่นป้ายทะเบียนปลอม จากการตรวจสอบพบว่า เป็นรถที่เจ้าของเดิมเสียพนันในบ่อนที่กรุงเทพฯ จากนั้นมีการจำนำและซื้อขายกันมา 5 ทอดแล้ว โดยคนสุดท้ายที่ครอบครองชื่อเล่นว่า โก้ เป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์กับนายตำรวจใหญ่ในนครบาลบางครั้งไปนั่งอยู่หน้าห้องนายตำรวจใหญ่ดังกล่าว จึงขอให้ ศอ.รส.และเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา เพื่อเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังให้ได้ อยู่ที่ว่าจะกล้าจับกุมผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ เพราะเกิดเหตุกลางกรุงที่เต็มไปด้วยทหาร และตำรวจรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มแข็ง การที่บุคคลธรรมดาจะเข้ามาก่อเหตุจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ดังนั้น สันนิษฐานว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการจงใจสร้างสถานการณ์ของฝ่ายรัฐเอง เพื่อทำให้เห็นว่าเหตุการณ์รุนแรง เพื่อสร้างความชอบธรรมในการประกาศขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรืออาจถึงขั้นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน อีกทั้งมีข้อน่าสังเกตว่า เหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้ เกิดขึ้นถึง 7 ครั้งใน 1 สัปดาห์ แต่ไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้แต่ครั้งนี้มีพยานหลักฐานชัด จึงต้องรอดูว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้หรือไม่
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การที่ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีการจ้างรถปิกอัพและประชาชนเข้าร่วมชุมนุม และจ้างประชาชนไปโบกมือให้กำลังใจบริเวณริมถนนตลอดเส้นทางการเดินขบวนประท้วงของผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 20 มี.ค.นั้น นายเทพไท ยังใช้นิสัยและคำพูดเดิมที่เคยดูถูกประชาชนผู้ชุมนุม และ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นสันดานที่แก้ไม่หาย ไม่คิดจะแก้ ทั้งที่แต่ละเรื่องที่ออกมาพูดไม่เป็นความจริง แม้แต่เรื่องเดียว
นายเทพไท ก็ไม่เคยออกมาขอโทษ กลับสร้างเรื่องใหม่มาหาว่าผู้มาชุมนุมถูกจ้างมาอีก ถือว่านายเทพไทเป็นยิ่งกว่าเด็กเลี้ยงแกะ เป็นโมฆะบุรุษไปแล้ว คำพูดไม่มีความน่าเชื่อถือ ขอเรียกร้องให้นายเทพไท หยุดดูถูกประชาชน และพูดจาในทางสร้างสรรค์ให้มากขึ้น อย่าพูดอะไรที่จะทำให้ความขัดแย้งขยายวงกว้างขึ้นอีก