xs
xsm
sm
md
lg

กสม.ชี้ประตูเจรจาหย่าศึกเปิดแล้ว แต่ “ตู่” เลิกตั้งเงื่อนไขยุบสภา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กก.สิทธิฯเรียงหน้าโต้ไม่สน “แม้ว” ดิสเครดิต ไม่เป็นกลาง ชี้ประตูแห่งการเจรจาเปิดแล้ว แต่ “จตุพร” ต้องไม่เอาเงื่อนไข “ยุบสภา” เป็นตัวตั้ง ยอมรับไพร่แดงอ้างสันติวิธี แต่กลัวม็อบแดงบางกลุ่มที่อยู่คุมไม่อยู่ ด้าน “หมอแท้จริง” เผยขอเวลา 1 สัปดาห์ ก่อนระดมสมองกำหนดกติกาหย่าศึก ขณะที่เลขา กสม.รับสนิท ผบ.ทอ.ฉันท์ญาติ แต่ยันไม่เคยเอามาเกี่ยวข้องกับหน้าที่การงาน วอน “ทักษิณ” เลิกบิดเบือน หวั่นทำกระบวนการเจรจาสันติภาพหยุดชะงัก

วันนี้ (19 มี.ค.) นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่า กรรมการสิทธิฯไม่มีความเป็นกลาง จึงไม่สมควรทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่างคนเสื้อแดงกับรัฐบาลว่า ก็แล้วแต่เขา กรรมการสิทธิจะทำอะไรได้ แต่การที่กรรมการสิทธิฯไปพูดคุยทั้ง 2 ฝ่าย ก็เพื่อต้องการเปิดพื้นที่ให้มีการแลกเปลี่ยน โดยประเด็นที่กรรมการสิทธิห่วงใยจริงๆ คือ อยากให้การชุมนุมไม่มีความรุนแรง ดังนั้นสิ่งที่เขาว่าเราคงทำอะไรไม่ได้ เพราะก็มีกรรมาการฯแค่ 7 คนนี้และเป็นประเด็นเกินกว่าที่เราจะโต้แย้ง

นอกจากนี้ กรรมการสิทธิฯไม่เคยบอกว่าจะเป็นคนกลางในการเจรจา แต่ขอทำหน้าที่เป็นคนเชื่อม ซึ่งเวลานี้เราได้เปิดประตูให้ทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว ก็อยู่ที่เขาว่าจะทำอย่างไรต่อ กรรมการสิทธิฯก็จะพยายามพูดคุย โดยใครคุยกับใครได้ก็ไปคุย เพื่อนำไปสู่การคลี่คลายปัญหาเท่าที่ทำได้ ถ้าเดินหน้าไปแล้วตรงไหนมันตีบตันก็หยุด แต่ถ้าเดินต่อไปได้ก็เดินต่อไป เพราะต้องเข้าใจว่า ปัญหาที่ขัดแย้งมีมายาวนาน การจะเจรจาให้ยุติโยเร็วทำได้ยาก อีกทั้งสันติวิธีต้องหาทางเลือกหลายๆ ทาง ไม่มีสูตรสำเร็จหรือมีเส้นทางเดียวให้เดิน จึงต้องไม่เร่งรัด เร่งเร้าทำงาน แต่ ต้องรอดูสถานการณ์

เมื่อถามว่า เปิดประตูให้ 2 ฝ่ายแล้วจะทำอะไรต่อเพื่อให้ปัญหายุติ นางอมรา กล่าวว่า เบื้องต้นก็จะดูว่ามีประเด็นอะไรที่ทั้ง 2 ฝ่ายสนใจและสามารถพูดคุยหาจุดร่วมได้ เช่น ตอนแรกกรรมการสิทธิฯไปขอทั้ง 2 ฝ่ายไม่ใช้ความรุนแรงเขาก็ตอบรับ ต่อมารัฐบาลก็อยากจะขอว่า จะขอใช้พื้นที่ของถนนราชดำเนินเพื่อจัดงานกาชาด ทางคนเสื้อแดงยินดี หรือคนเสื้อแดงจะไปชุมนุมที่หน้ารัฐสภา รัฐบาลก็ขออย่าให้มีการปิดทางเข้าออกสถานที่ราชการ อย่างนี้เป็นต้น ดังนั้นประเด็นของการเจรจาก็จะค่อยๆขยับออกไป แต่ถ้าเกิดใครชูประเด็นขึ้นมาแล้วอีกฝ่ายไม่รับก็ยังไม่ต้องนำมาพูดกัน ก็ให้พักเอาไว้ก่อน

ส่วนที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ หนึ่งในแกนนำ ระบุว่า จะเข้าสู่กระบวนการเจรจาก็ต่อเมื่อนายกฯต้องยุบสภาและพร้อมเจรจากับคนเสื้อแดงโดยไม่มีเงื่อนไข นางอมรา กล่าวว่า สิ่งที่ นายจตุพร ตั้งเงื่อนไข ก็คือ ให้นายกฯไม่มีเงื่อนไขในการเจรจา ดังนั้น ตัว นายจตุพร ควรตัดเงื่อนไขที่นายกฯต้องยุบสภาออกไปก่อน แล้วคุยกันในประเด็นที่คุยกันได้เสียก่อน อย่างไรก็ตาม แม้ทั้ง 2 ฝ่ายรับปากว่าจะไม่รุนแรงแต่ในสถานการณ์ขณะนี้ มีผู้เล่นรายอื่นที่เราควบคุมไม่ได้ จึงเป็นห่วงและอยากให้สังคมช่วยกันเฝ้าติดตามเพื่อไม่ให้สถานการณ์รุนแรง

นพ.แท้จริง ศิริพานิช กรรมการสิทธิฯ กล่าวว่า เชื่อว่า ขณะนี้สังคมขานรับกับการที่ทั้งคนเสื้อแดงและรัฐบาลจะได้มีการเจรจากัน ดังนั้น การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาบอกเช่นนี้ก็จะถูกตั้งคำถามว่า คุณไม่อยากเจรจาเพราะอะไรในเมื่อสังคมก็ไม่อยากเห็นความรุนแรง แต่คนที่พยายามให้มีความรุนแรงสังคมก็จะไม่ยอมรับในที่สุด

อย่างไรก็ตาม จากที่ได้พบปะรัฐบาล ซึ่งพร้อมจะเจรจากับคนเสื้อแดง ก็ได้ขอให้คณะกรรมการสิทธิฯช่วยกำหนดกติกากลางที่เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับ รัฐบาลก็พร้อมที่จะเข้าสู่โต๊ะเจรจา ขณะนี้จึงเป็นเรื่องที่กรรมการสิทธิฯกำลังประสานกับทุกภาคส่วนของสังคม ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน นักสันติวิธี นักการเมือง ภาคประชาสังคมให้เข้ามาร่วมกำหนดกติกากลาง คาดว่าน่าจะใช้เวลา 1สัปดาห์น่าจะทราบว่า ใครที่สามารถเข้ามาร่วมในการกำหนดกติกากลาง

“เวลานี้เรื่องของการเจรจามันจุดติดแล้วในสังคม ซึ่งผมก็อยากให้มีการทำโพลล์ ถามคนในสังคมว่าอยากให้การชุมนุม ไม่เป็นไปด้วยความรุนแรงหรือไม่ และถ้า 2 ฝ่ายจะเจรจากันควรจะเริ่มจากประเด็นอะไรดี เชื่อว่าผลโพลล์จะออกมาในทางบวกแล้วจะเป็นตัวไปกดดันทั้งรัฐและคนเสื้อแดงให้เข้าสู่กระบวนการสันติวิธี ซึ่งถ้าถึงตรงนั้นใครบอกว่าไม่คุยก็หมาแล้ว”

เมื่อถามว่า การทำหน้าที่ตัวเชื่อมอาจทำให้กรรมการสิทธิฯเสียคนได้ นพ.แท้จริง กล่าวว่า ถ้ากรรมการสิทธิฯไม่ทำอะไรเลยคนก็บอกว่า เขาจะรบกันอยู่แล้วทำไมถึงยังได้อยู่เฉย ส่วนตัวจึงคิดว่าเราควรที่จะทำอะไรสักอย่าง ให้ประเทศชาติสงบ ถ้าให้ไปกราบใครแล้วประเทศสงบก็จะทำ เพราะการที่ต่างฝ่ายต่างรบไป คนแพ้ก็คือประเทศชาติ เผลอๆ ถ้าสถานการณ์เลวร้าย สหประชาชาติเข้ามาเราก็จะซวยกันไปหมด ดังนั้นจึงไม่กลัวว่าใครจะว่า และไม่มองว่าการทำเช่นนื้ทำให้กรรมการสิทธิฯเสียคน เพราะไม่เช่นนั้นสื่อคงไม่ลงข่าวในลักษณะนี้ และตนคงไม่ต้องรับโทรศัพท์มากมาย แม้กระทั่งจาก ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยที่ก็โทรมาบอกว่าดีมากขอให้รีบๆทำเพราะเวลานี้จะตายกันไปหมดแล้ว

ด้าน พล.ต.อ.วันชัย ศรีนวลนัด กรรมการสิทธิฯ กล่าวว่า กรรมการสิทธิฯ มีหน้าที่จะต้องนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาอธิบายและชี้ให้สังคมเห็นว่าการชุนนุมแบบไหนที่เรียกว่าสงบ หรือไม่สงบ เพราะไม่ใช่หน่วยปฏิบัติการเชิงสนาม แต่มีหน้าที่เฝ้าดูติดตามตรวจสอบ ซึ่งการจะคลี่คลายเหตุการณ์ได้นั้นต้องมียุทธศาสตร์คือยึดสันติวิธี และการนำจะไปสู่จุดนั้นได้ก็คือยุทธวิธีในการเจรจา ซึ่งผู้ที่จะเจรจานั้นจะต้องปรับจุดยื่นของตัวเอง เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถหาจุดยื่นร่วมกันได้

นายแพทย์ ชูชัย ศุภวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิฯ กล่าวรับว่า ตนกับ ผบ.ทอ.มีความสนิทคุ้นเคยกันฉันท์ญาติแต่ไม่ได้เอาเรื่องหน้าที่การงานมาเกี่ยวพันกัน การที่กรรมการสิทธิไปพบนายกฯ ผบ.ทอ.ก็ไม่ทราบเรื่อง ซึ่งการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่า กรรมการสิทธิฯไม่เป็นกลาง จึงเป็นการกล่าวหาที่มีข้อมูลไม่ครบถ้วน และเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะก่อนพบรัฐบาล กรรมการสิทธิฯได้หารือกับ นายวีระ มุสิกพงศ์ และแกนนำ นปช.อีก 2 คน ที่ขอให้กรรมการสิทธิฯเป็นคนเชื่อม และสื่อข้อความไปถึงรัฐบาล และเมื่อประสานงานไปยังรัฐบาลถึงเรื่องสถานที่ที่จะหารือกันแต่รัฐมีปัญหาและขอให้หารือที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ทางกรรมการสิทธิที่ต้องการทำหน้าที่รับใช้สังคมในการป้องกันความรุนแรง จึงไม่มีปัญหาที่จะไปหารือกันในสถานที่ดังกล่าว ซึ่งผลของการเชื่อมความเข้าใจของกลุ่มผู้นำ นปช.กับนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่ออกมาน่าพอใจ และเริ่มมองเห็นทางออกร่วมกันที่จะป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง ดังนั้น ขอวิงวอน พ.ต.ท.ทักษิณ ให้หยุดบิดเบือนและทำให้กระบวนการเจรจาต้องหยุดชะงักลง เพราะเท่ากับเป็นการรื้อสะพานแห่งสันติภาพที่เริ่มก่อตัวขึ้น ตนไม่อยากเห็นทั่วทั้งแผ่นดินต้องลุกเป็นไฟเช่นที่เกิดขึ้นที่ปลายด้ามขวานจนยากแก่การเยียวยา
กำลังโหลดความคิดเห็น