“มาร์ค” ออกทีวียืนยันพร้อมเปิดโต๊ะเจรจาแต่ต้องยึดผลประโยชน์ประเทศชาติ ระบุสังคมไม่ได้มีเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ต้องดูคนในสังคมอื่นๆ ด้วย ย้ำคำเดิมยุบสภาต้องแก้ปัญหาได้จริง เชื่อสัปดาห์หน้าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ยันระบบอำมาตย์-ไพร่ หมดจากสังคมไทยไปแล้ว ย้อนถาม “นช.แม้ว” อำมาตย์หรือไพร่ เป็นนายกฯ 5 ปีรวยเท่าตัว ขณะนี้ประชาชนมีหนี้สินเพิ่ม เตือนอย่าเอาความเลื่อมล้ำในสังคมมาสร้างความเกลียดชัง พร้อมโชว์ภาพเปรียบเทียบ “นช.แม้ว” เดินตรวจงานที่มอนเตเนโกรสบายใจเฉิบ ขณะที่สาวกหางแดงต้องนอนข้างถนนก่อม็อบช่วย
คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (19 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่พักอยู่ในกรมทหารราบที่ 11รักษา พระองค์และกองบัญชาการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ว่า เมื่อเวลา 07.00 น.นายอภิสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “สนามเป้า...เล่าข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ( ททบ.5 ) ประมาณ 40 นาทีก่อนที่จะเข้าประชุม ศอ.รส.เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวในรายการตอนหนึ่งว่า ในตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตนต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นทางเจ้าหน้าที่ หรือกลุ่มผู้ชุมนุมที่สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีความรุนแรง และต้องขอบคุณผู้ชุมนุมเพราะเมื่อวานนี้จะสละพื้นที่บางส่วนแล้ว ในช่วงนี้รัฐบาลจะพยายามที่จะเริ่มให้มีการปรับเพิ่มเติม ส่วนในวันเสาร์ที่ 20 มี.ค.นี้ที่ผู้ชุมนุมประกาศว่าจะมีการเคลื่อนขบวนนั้นรัฐบาลได้ประสานเรื่องเส้นทาง เพื่อจะได้แนะนำประชาชนได้ว่าเส้นทางจราจรเส้นทางไหนควรจะหลีกเลี่ยง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมที่บอกให้ยุบสภานั้นตนพร้อมที่จะพูดคุยและไม่เคยพูดเลยว่าจะไม่ยุบสภา แต่ถ้ายุบสภาแล้วมันแก้ปัญหาได้หรือไม่ ก็มาพูดคุยกัน แต่ การจะคุยกันต้องให้การชุมนุมอยู่ในกติกาที่คุยกันไว้เป็นกรอบกติกา ถึงแม้ว่าขณะนี้ทุกอย่างไม่ได้อยู่ในกรอบกติกา
“กรณีของพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เป็นไรเพราะ เราเอาภาพใหญ่ ๆ ก็คือว่าต้องเป็นการชุมนุมที่สงบ แต่ก็ยังปัญหาที่ไม่ค่อยสงบอยู่ 2-3 เรื่องคือ1.ยังมีการประกาศในทำนองที่ว่าไล่ล่านายกฯ หรือไล่ล่าบุคคลในรัฐบาล อย่างกรณีที่นาย อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำบอกว่า “ ดีที่นายอภิสิทธิ์ไม่อยู่ ถ้าอยู่จะเอาเลือดในหัวตนไปล้างเท้าเขา ” ผมก็บอกว่าถ้าอย่างนี้คงไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบและไม่ใช่แค่คำพูดแต่เหมือนกับการข่มขู่กลาย ๆ และ2.การพูดจาปราศรัยบนเวทีโดยเฉพาะคลิปเสียง ซึ่งพิสูจน์หลักฐานก็พิสูจน์มา 2 ครั้งแล้วว่าเป็นการตัดต่อเพื่อให้เกิดความเกลียดชังนั้น ยังมีทำอยู่ ซึ่งความจริงตนก็ฟ้องไปแล้ว ศาลก็ประทับรับฟ้องไปแล้วหนึ่งคดี ก็ต้องฟ้องเพิ่มเติม ที่สำคัญตอนหลังที่น่าเป็นห่วงมากคือเรื่องการพูดถึงอำมาตย์ ไพร่ ให้เกิดความรู้สึกแยกแตกในสังคมต้องถามว่ายุบสภาเกี่ยวกับอำมาตย์” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ตน เข้าใจว่าตนเป็นนายกฯ คนแรกที่คนเรียกร้องให้ยุบสภา และไม่ได้ออกมาบอกว่ายังไงก็ไม่ยุบ แต่เป็นคนคนแรกที่บอกว่ายุบได้ แต่ถ้าการยุบเราต้องการแก้ไขปัญหาอะไรและมันสงบจริงหรือเปล่า ในขณะที่ผู้ชุมนุมเองก็ไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันและมีความสุ่มเลี่ยงต่อความรุนแรงอยู่ตลอดเวลา การ เลือกตั้งที่มีการรุนแรงคือการทำลายประชาธิปไตย ดังนั้นถ้าแก้ไขปัญหาได้จริงผมก็ยินดี วันนี้หากเรามีความจริงใจอยากให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติผมก็ยินดีคุยแต่ ต้องไม่ใช่ลักษณะคุกคาม
นาย อภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เท่าที่ฟังดูเหมือนว่าพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไม่อยากคุยวันนี้เราจึงต้องพิสูจน์กันว่าตกลงแกนนำนปช.จะ เป็นผู้ตัดสินใจหรือพ.ต.ท.ทักษิณจะเป็นคนชี้ อย่างนี้ก็แสดงว่าการที่มีการเรียกร้องของผู้ชุมนุมไม่ได้มีหลักประกันเลย ว่าจะนำไปสู่ความสงบตราบเท่าที่พ.ต.ท.ทักษิณไม่พอใจ ดังนั้นกระบวนการพูดคุยควรจะเอาประโยชน์ของบ้านเมืองที่ตั้งและตนไม่เคยปฎิ เสธช่องทางนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึง เหตุการณ์การยิง เอ็ม79 เข้าไปที่กรมทหารราบที่ 1 ทหาดเล็กรักษาพระองค์(ร.1รอ.)ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการที่กลุ่มคนเสื้อเเดงเคลื่อนพลไปที่ ร.11รอ.ว่าตนคงไม่ไปวิจารณ์ว่าความสัมพันธ์กลุ่มไหนอย่างไร เเต่ตรงนี้เป็นอีกประเด็นหนึ่ง สิ่งที่จะบอกคือว่าสังคมไมได้มีเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ขนาดผู้ชุมนุมก็อาจมีหลายความคิดเห็น ฉะนั้นการที่จะมาคุยกันเพื่อหาทางออกให้บ้านเมืองเเละกลับไปบอกว่าเรียกร้องให้ยุบสภาจบหรือไม่ พอบนเวทีบอกว่าจบ เเต่มีเเดงอื่นบอกไม่จบ ซึ่งก็ไม่ได้นับคนในสังคมที่ไม่ได้มาชุมนุมว่ามีความเห็นอย่างไรด้วย ฉะนั้นการพูดคุยคงไม่ใช่เป็นเรื่อง ถ้านาย วีระ มุสิกพงศ์ เเกนนำคนเสื้อเเดงเห็นด้วยเเล้วมันต้องเป็นอย่างนั้น เสร็จเเล้วเกิดมีคนอีกกลุ่มหนึ่งบอกว่าตกลงกันเเบบนี้ไม่ยอม จะชุมนุมต่อเเล้วจะทำอย่างไร ดังนั้นการพูดคุยต้องมาคุยกันโดยเอาประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง หากเป็นเเบบนี้พูดคุยได้ ตนไม่เคยปฏิเสธช่องทางการพูดจา
เมื่อถามว่าตอนนี้กลุ่มผู้ชุมนุมออกมาเน้นเรื่องความเเตกต่างระหว่างชนชั้นระหว่างไพร่-อำมาตย์ โดยเฉพาะเน้นย้ำว่าเลือดที่นองเเผ่นดินตอนนี้เป็นเลือดไพร่ไล่อำมาตย์ เเละความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่คนเสื้อเเดงระบุว่าเป็นสองมาตรฐาน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องการดำเนินคดีนั้นทุกคดีความที่เกิดขึ้นในช่วง2-3ปีนี้มีจำนวนมาก เช่นการปิดสนามบิน ปิดทำเนียบรัฐบาลเป็นร้อย ทุกคดีดำเนินการตรงไปตรงมาตามมาตรฐานเดียวกันเเต่เวลาพูดว่าสองมาตรฐานหมายความว่าเป็นเรื่องเดียวกันหรือเรื่องเเบบเดียวกันเเต่ปฏิบัติไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่ามีสองกลุ่มเเล้วดำเนินการเหมือนหรือไม่ไม่เหมือนกันเพราะตนได้ยินคำนี้ตั้งเเต่สมัยคดียุบพรรคว่า หากยุบพรรคหนึ่ง ไม่ยุบอีกพรรคเป็นสองมาตรฐานนั้นไม่ใช่ เเต่พรรคไหนผิดก็ยุบ พรรคไหนไม่ผิดก็ไม่ยุบ ถ้าพรรคใดทำเหมือนกันคนหนึ่งถูก คนหนึ่งผิด เเบบนี้มันสองมาตรฐาน ทำกันคนละเเบบเเต่จะบอกว่าต้องเหมือนกันนั้นคงไม่ใช่ ซึ่งคดีมีความเเตกต่างกัน บางคดีสลับซับซ้อน บางคดีง่าย กลุ่มพันธมิตรฯนั้นคดีไหนที่ชัดก็โดน เช่นการบุกสถานีโทรทัศน์เเห่งประเทศไทย(เอ็นบีที)ก็ฟ้องกันเรียบร้อยเเล้ว รวมทั้งคดีที่มีคนยิงปืนใส่กลุ่มคนที่มาต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯย่านวิภาวดีรังสิตก็มีการออกหมายจับเเต่บังเอิญคดีที่ใช้เวลามากคือปิดทำเนียบกับปิดสนามบิน ที่ถามว่าทำไมช้านั้นตนก็เรียกให้มารายงานตลอดทุก15วันที่มันช้าเพราะต้องสือบสวนสอบสวนพยานจำนวนมากเป็นร้อยเป็นพัน
เมื่อถามว่า ล่าสุดตำรวจขนสำนวนไปถึงเชิงบันไดศาลเเต่ถูกเรียกให้กลับนั้นจริงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "คือผมต้องถามรักษาการผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติเเต่ผมให้เร่งรัดเรื่องนี้ตลอดเวลาเเละต้องรัดกุมหากทำเสร็จเเล้วส่งไปเดี๋ยวไม่ฟ้องก็จะมาบอกว่าทำสำนวนอ่อนหรือไม่ ฉะนั้นทุกอย่างต้องชัดเจน ทางกลับกันคดีของคนเสื้อเเดงก็มีทั้งที่ง่ายเช่น ไปทำความผิดซึ่งหน้า ไปปาของอะไรก็ว่าไปเเต่อีกหลายคดียังไม่เรียบร้อย เช่นเม.ย.2552 เหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็มีการดำเนินการอยู่เเต่มันไม่เร็วเพราะมันยากสลับซับซ้อนเพราะในเหตุการณ์มันชุลมุนวุ่นวาย บางคดีที่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อเเดงก็มีคนต่อว่าต่อขานว่าทำไมยังไม่เสร็จ เช่นคดีนาย จักรภพ เพ็ญเเข ฉะนั้นมันเเล้วเเต่มุมมอง พออยู่ฝ่ายหนึ่งก็มองว่าทำไมคดีของตัวเองเร็ว ของอีกฝ่ายช้า มันเป็นเรื่องความรู้สึกเเต่ข้อเท็จจริงคือกระบวนการทำงานเป็นของตำรวจ อัยการ ศาล รัฐบาลนี้ไม่มีการเเทรกเเซง เเละเน้นย้ำในความเที่ยงธรรมเเละรวดเร็ว"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องความเหลื่อมล้ำจริงตนอบลยากบอกว่า ใช้ถ้อยคำฟังดูเเล้ว คนส่วนใหญ่ งง อำมาตย์กับไพร่ฟังดูเเล้ว งงๆ เพราะมันไม่มีเเล้ว มันเป็นเรื่องของการที่ประชาชนคนไทยมีความเท่าเทียมกันตามรัฐธรรมนูญในเรื่องสิทธิเสรีภาพ ซึ่งในประเทศต่างๆก็เป็นเเบบนี้เเต่ในความเป็นจริง มันมีความเหลื่อมล้ำในสังคมอยู่ เเต่มีในลักษณะที่บอกว่าเป็นอำมาตย์ เป็นไพร่ซึ่งต้อ
เมื่อถามว่า เราสามคนเป็นอำมาตย์หรือไพร่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นอำมาตย์หรือไพร่ พ.ต.ท.ทักษิณเ คยเป็นนายกฯร่ำรวยมหาศาล เป็นอำมาตย์หรือไพร่
“ อย่างเมื่อเช้าวันนี้ตนเห็นภาพจากนสพ.มิตชนที่ผู้ชุมนุมนอนอยู่ เเต่อีกภาพ เป็นภาพพ.ต.ท.ทักษิณเ เละลูกที่เมืองนอก อย่างนี้เเเปลว่า อำมาตย์-ไพร่หรือไม่ ต้องถามว่ามันเเปลว่าอะไร ดังนั้นความเหลื่อมล้ำในสังคมนั้นมันมีเเละเป็นหน้าที่ของทุกรัฐบาลที่ต้องพยายามเเก้ไข เเละเชื่อว่า ทุกรัฐบาลเเก้ไข เเต่มันไม่ง่าย รัฐบาลของ ผมพยายามเเก้ไข เรารู้ตั้งเเต่เกิดมาสิทธิตามรัฐธรรมนูญเท่าเทียมกันเเต่โอกาสไม่ค่อยเท่าเทียม เเละพ.ต.ท.ทักษิณนำมาพูดว่ามีความเหลื่อมล้ำเป็นอำมาตย์-ไพร่นั้นได้เเก้ไขหรือไม่ หนี้สินของคนทั่วไปช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณบริหารเพิ่มขึ้นประมาณเท่าตัวเเต่ทรัพย์สินของพ.ต.ท.ทักษิณเพิ่มขึ้นเท่าตัวเช่นกันอย่างที่ศาลวินิจฉัยออกมา” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธ์ กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณทำอะไรให้ประชาชนคนจน เช่นโครงการ30บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน เเล้วพอมารัฐบาลนี้ ที่บอกว่าเป็นรัฐบาลอำมาตย์ เเล้วทำไมตนนำงานที่เห็นว่าเป็นประโยชน์มาทำต่อ เช่น กองทุนหมู่บ้าน โอทอป เเละทำมากกว่า นั้น เช่นบ้านมั่นคง เเก้ไขหนี้สินนอกระบบ ซึ่งทุกรัฐบาลพยายามเเก้ไขเเต่ไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนเเก้ไขความเหลื่อมล้ำได้ในระยะเวลาสั้นๆ ถ้าจะให้เท่ากันมีอย่างเดียวคือให้จนเท่ากัน จึงคิดว่าไม่ค่อยเหมาะสมนักที่พยายามบอกว่าความเหลื่อมล้ำที่เป็นปัญหาเรื้อรังมารวมทั้งรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณที่มีเวลานานที่สุดที่จะเเก้ ซึ่งเป็นปัญหาที่เป็นอยู่ คำถามคือยุบสภาวันพรุ่งนี้ ปัญหาก็ไม่หมด พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าหากยุบสภา กลับมา6เดือนล้างหนี้ให้หมด เเล้วถามว่าทำไมอยู่เกือบ6ปี นอกจากหนี้ไม่หมดเเละเพิ่มเป็นเท่าตัวเราก็ไม่ว่ากัน ตนก็ทำงานเเละรู้ว่าเป็นเรื่องยาก
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า รัฐบาลนี้มีหลายเรื่องที่จะทำเเละรัฐบาลอื่นไม่เคยเเตะเลยคือ วันที่30มี.ค.ในการประชุมครม.จะนำเรื่องภาษีที่ดินเเละทรัพย์สินเข้ามาพิจารณา ซึ่งเป็นตัวหลักในความเหลื่อมล้ำคือคนที่มีที่ดินมากไปหมดกับคนที่ไม่มีที่ทำกิน เราจะพยายามปรับ ถึงบอกว่าอย่าไปใช้ถ้อยคำที่ทำให้เกิดความเกลียดชังระหว่างคนที่มีมากกับคนที่มีน้อยตราบเท่าที่ทุกคนประกอบยอาชีพสุจริตเเสวงหาโอกาสให้ตัวเอง มีกติกาที่ทุกคนเคารพ สังคมต้องเป็นอย่างนี้เเละต้องช่วยคนด้อยโอกาสให้มีโอกาสมากขึ้นซึ่งทุกคนทำเเต่พยายามที่จะมาเเบ่งเเยก เเละบอกว่าใครที่มีความเดือดร้อนอยู่จะต้องมาล้มล้างต่างๆอันนี้อันตราย
เมื่อถามว่า เเต่ประเด็นที่ นปช.ยกขึ้นมาคือรัฐบาลนี้เป็นระบอบอำมาตย์เเละขอให้คืนอำนาจให้ประชาชน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องถามว่าตกลงว่าระบอบอำมาตย์ของพวกเขาคืออะไร ต้องให้คนพูดให้คำนิยาม ตนนิยามให้ไม่ได้ คำถามง่ายๆอำมาตย์ เเทรกเเซงช่วยบอกมาว่ามีเรื่องใดบ้างที่รัฐบาลนี้ตัดสินใจเเล้วอำมาตย์เเทรกเเซง ใครมาเเทรกเเซงตนยืนยันได้ว่าทำงานไม่มีใครเเทรกเเซง
เมื่อถามต่อว่าที่มีคำกล่าวว่าสัญญาณพิเศษคืออะไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นคำพูดที่กล่าวขึ้นมาลอยๆทั้งสิ้น ตนเป็นรัฐบาลมาปีกว่าการตัดสินใจเ เต่ละเรื่องไม่มีใครเลยที่จะมาเเทรกเเซงในทางที่บอกว่าเพื่อที่จะกดขี่คนส่วนใหญ่มีเเต่ว่าในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจมาตรการของรัฐบาลนี้เเปลกกว่ายุคอื่นๆ คือไม่ได้พูดถึงโครงการขนาดใหญ่สิ่งเเรกคือรีบทำให้คนยากจนเเละเดือดร้อนมีรายได้ไปก่อน เกษตรกรยุคนี้เป็นยุคเเรกที่มีหลักประกันรายได้ ทุกคนได้เหมือนกัน ไม่ใช่ระบบช่วยบางคนไม่ช่วยบางคน ถ้าเราเเก้ปัญหาได้ง่ายจริงมันคงไม่ตกมาถึงวันนี้ประเทศที่ร่ำรวยกว่าเราก็มีปัญหาความไม่เท่าเทียมกัน เเต่มันไม่เป็นความจริงเลยที่บอกว่ามีคนสองพวกในสังคม โดยอีกคนพยายามปิดทางไม่ให้อีกกลุ่มมีโอกาสลืมตาอ้าปาก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า มองเห็นเ เต่ว่าทุกคนในสังคมปราถนา เพราะสังคมไทยมีน้ำใจ อย่าว่าเเต่คนไทยด้วยกันเลย ดูอย่างเฮติ เผลอเเป๊บเดียวคนไทยระดมเงินได้ร้อยกว่าล้านบาท เเม้คนที่ยังจนยังช่วยเลย ซึ่งต้องมาคุยกันให้เข้าใจคงจะมีนักวิชาการกลุ่มคนต่างๆพูดเรื่องนี้กันมากขึ้นในเรื่องความเหลื่อมล้ำมากขึ้น เเละไม่มีใครนิ่งนอนใจในการเเก้ไขเเต่อย่าเอาเงื่อนไขของความเหลื่อมล้ำมาสร้างความเกลียดชัง เเละทำให้เป็นคำถามว่ายุบสภาเเล้วจบจริงหรือ ยุบสภาเเล้วเกี่ยวอะไรกับอำมาตย์
เมื่อถามว่า หากไม่ยุบสภาการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อหาทางออกในการเเก้ปัญหาจะมีขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ส.ว.ยื่นญัตติตามสิทธิเข้ามาก็ต้องไปพูดคุยกัน ส่วนส.ส.นั้นความจริงเเล้วจะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่เเล้ว รัฐบาลต้องตอบคำถามเเละข้อสงสัยต่างๆ โดยส.ว.ต้องตัดสิน เเต่อย่างเลวร้ายที่สุดสำหรับคนที่ไม่ชอบรัฐบาลนี้เลย ปีหน้าต้องเลือกตั้งอยู่เเล้ว เเละตนพูดมาตลอดว่าไม่ได้คิดจะอยู่ครบเทอม ตนขอย้ำอีกครั้งว่ายุบสภาหากเเก้ปัญหาได้ก็มาคุยกัน หากยุบสภาเเล้วยังไปปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังกัน ความเเตกเเยกก็ไม่จบ วันนี้ตนรอดูว่าเเกนนำผู้ชุมนุมพร้อมจะคุยกับตนโดยให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเเห่งชาติมาเป็นตัวเชื่อม พอพ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าไม่เอา ตนจะดูว่าตกลงเเล้วเเกนนำหรือพ.ต.ท.ทักษิณคือคนที่กำหนดเรื่องราวต่างๆตรงนี้เเละจะได้เห็นชัดขึ้นว่าสุดท้ายในการเคลื่อนไหวนำไปสู่อะไรเเละยุบสภาเเก้ปัญหาได้จริงไหม
เมื่อถามว่า สัปดาห์หน้าจะประชุมครม.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "มีครับ" เมื่อถามว่า จะไปประชุมสภาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไป สัปดาห์ที่ผ่านมายังสับสนเล็กน้อยเพราะเดิมนั้นตนต้องไปออสเตรเลียเเละประธานสภานัดประชุมเพิ่ม วิปรัฐบาลบอกว่าไม่อยากเป็นเงื่อนไขความขัดเเย้งที่มาล้อมกันเเละวันที่ 18 มี.ค.มีการตั้งกระทู้ถามเเต่ตนพบคณะกรรมการสิทธิฯอยู่ พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯจึงตอบกระทู้ เเละจริงๆเเล้ว 2-3วันนี้ตนต้องไปนิวซีเเลนด์ เเต่ยกเลิกไปก่อน เเละกลับมาทำงานตามปกติ เช่นตรวจภัยเเล้ง เเละ งานเอกสารก็เดินไปตามปกติ สัปดาห์หน้าจะพยายามนำกลับเข้าสู่ความเป็นปกติ เมื่อถามว่า สัปดาห์หน้าหากมีการประชุมครม.เเละประชุมสภาตามปกติเเล้วมีคนเสื้อเเดงมาล้อมจะทำอย่างไร
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การคุยเรื่องกติกากับกรรมการสิทธิฯการชุมนุมต้องสันติสงบต้องไม่มีการปิดล้อม ซึ่งศาลปกรองเคยวินิจฉัยไปแล้วว่ากรปิดล้อมไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ถ้าปิดล้อมและถ้าปฏิบัติไม่เหมือนกันอันนี้จะเป็นสองมาตรฐาน แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าตนพยายามใช้วิธีทำความเข้าใจก่อนไม่ใช่ถึงเวลาไปสร้างเงื่อนไขให้เผชิญหน้าแล้วบอกว่าสลายการชุมนุมเลยมันอาจจะตึงเครียดขึ้นมาซึ่งต้องค่อยดูไป ทั้งหมดเพราะตนเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศรวมทั้งของผู้ชุมนุมด้วยชีวิตความปลอดภัยของเขาตนต้องดูแลไม่น้อยไปกว่าของคนอื่นไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาชนะคะคานกันและก็มีความสูญเสียชีวิตของผู้คน
เมื่อถามว่า นายกฯไม่ได้กลับบ้านมากี่วันแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตั้งแต่มีการชุมนุม และไม่ได้เจอครอบครัวเลย แต่ไม่เป็นไรเพราะเป็นหน้าที่ และเวลานี้เราประกาศใช้พื้นที่ความมั่นคง ตนเป็นผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หน้าที่คือดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง และตนขอขอบคุณประชาชนในสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ที่อดทนอดกลั้นทำให้เราผ่านไปหนึ่งสัปดาห์โดยไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง และให้ความมั่นใจว่าการบริหารของรัฐบาลต่อกรณีการชุมนุมจะเป็นไปเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและความสะดวกสูงสุดของส่วนรวม ในแง่ปัญหาข้อเรียกร้องนั้นยืนจะตัดสินใจบนพื้นฐานประโยชน์ส่วนรวมตนไม่มีประโยชน์ส่วนตัวใดๆทั้งสิ้นในการตัดสินในทางการเมืองจะตัดสินใจบนพื้นฐานประโยชน์ส่วนรวมที่มองไปไกลถึงระยะยาวที่ต้องรักษาความถูกต้องด้วยไม่ใช่เพียงแค่แก้ปัญหาพ้นตัวไปวันๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรียังโชว์ภาพหนังสือพิมพ์ ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปตรวจงานการปรับปรุงโรงแรมในมอนเตเนโกร เปรียบเทียบกับภาพกลุ่มผู้ชุมนุมพักผ่อนนอนข้างถนนเอาแรงระหว่างการชุมนุมบริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ เพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ