“จตุพร” พร้อมแกนนำแก๊งแดงเหิม แสดงตนถอดถอน 8 องค์คณะผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์ “นช.แม้ว” อ้างคำพิพากษาก้าวล่วงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.40 น.วันนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสุพร อัตถาวงศ์ นายพิชิฏ ชื่นบาน แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ได้เข้าแสดงตนเป็นผู้ริเริ่มรวบรวมรายชื่อประชาชนถอดถอนองค์คณะตุลาการศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีการยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 8 คน ได้แก่ นายสมศักดิ์ เนตรมัย นายพงษ์เทพ ศิริพงศ์ติกานนท์ นายไพโรจน์ วายุภาพ นายอดิศักดิ์ ทิมมาศย์ นายประทีป เฉลิมภัทรกุล นายธานิศ เกศวพิทักษ์ นายพิทักษ์ คงจันทร์ และนายกำพล ภู่สุดแสวง ต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา
นายจตุพรกล่าวว่า เป็นการยื่นเพื่อขอให้วุฒิสภามีมติถอดถอนตามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 274 ประกอบมาตรา 270 (2) โดยที่รัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมตาม มาตรา 3 มาตรา 40 มาตรา 197 และมาตรา 216 วรรค 5 ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่าในการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ปรากฏว่ามีองค์คณะจำนวนหนึ่งมีพฤติการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ส่อว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ทั้งนี้ การดำเนินการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีดังกล่าวเป็นเรื่องนำเอาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่มีประเด็นเนื้อหาที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยแล้ว มิใช่คนละเรื่อง และคนละประเด็น ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยแต่อย่างใด ทั้งประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีการตรา พ.ร.ก.เพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต กรณีภาษีสรรพสามิตในกิจการโทรคมนาคม ทำให้รัฐสูญเสียรายได้หรือไม่ รวมถึงประเด็นเรื่องการแทรกแซงเสรีภาพ หรือการกีดกันผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายใหม่หรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้หมดแล้ว ซึ่งบุคคลดังกล่าวต้องถูกผูกพันและยึดถือในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และจะต้องดำเนินการพิจารณาพิพากษาคดีนี้ให้เป็นไปโดยยุติธรรม ตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์
นายจตุพรกล่าวว่า การดำเนินการของพวกตนมีเจตนาเพื่อให้อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยได้รับการปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม เคารพสิทธิในกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้การพิจารณาพิพากษาอรรถคดี ซึ่งเป็นอำนาจของศาลให้เป็นไปโดยยุติธรรมตามรัฐธรรมนูญ ยอมรับว่าผู้พิพากษาและตุลาการ มิอิสระในการพิพากษาอรรถคดี แต่ต้องเป็นไปโดยถูกต้อง เป็นธรรม มิได้มีเจตนาล่วงเกินต่อบุคคลดังกล่าว ไม่กว่ากรณีหนึ่งกรณีใด แต่ดำเนินการให้เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ ให้บังคับใช้กฎหมายตามหลักนิติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และมีความเสมอภาค ในการตรวจสอบการใช้อำนาจของผู้พิพากษาได้
ดังนั้น ข้าพเจ้ากับพวกเห็นโดยสุจริตว่าการพิจารณาคดีนี้มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายว่าบุคคลดังกล่าว ดำเนินการก้าวล่วงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และพิจารณาพิพากษาคดีไม่เป็นไปโดยยุติธรรมตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมายในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ จึงเห็นว่ารัฐธรรมนูญได้มีบทบัญญัติในเรื่องการบังคับในด้านกฎหมายและการยุติธรรมตามมาตรา 81 และมาตรา 87 (3) จึงเห็นด้วยดำเนินการร้องถอดถอนบุคคลดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายประสพสุข ได้รับเรื่องไว้เพื่อดำเนินการต่อไป ได้มีการกล่าวขอร้องต่อนายจตุพรว่ารู้สึกเป็นห่วงกับสถานการณ์การชุมนุม ขอร้องอย่าทำรุนแรงกัน ซึ่งนายจตุพรได้กล่าวยืนยันว่า ถึงแม้ว่าการชุมนุมใหญ่จะมีปริมาณกันมาก แต่ก็จะชุมนุมโดยสงบ ขอฝากให้วุฒิสภาจับตาดูการทำงานของรัฐบาลด้วย