“โฆษกมาร์ค” แขวะนาทีทองหัวโจกแดง ได้ฤกษ์เปิดมหกรรมอมเงินนายใหญ่ น้ำเลี้ยงแดงค้างท่อ แขวะสร้างภาพระดมทุนหวังกลบข่าวรับท่อน้ำเลี้ยง วอน 3 เกลออย่าเห็นแก่ตัวจนชาติพัง แนะดูผลโพลคน กทม.ต้าน นปช.ชุมนุม เกรงซ้ำรอยสงกรานต์เลือด เฉ่ง “นพเหล่” อย่าเล่นลิ้นสื่อแดงเทียมกุข่าวรายวัน
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงขณะนี้ ว่า เป็นช่วงนาทีทองของแกนนำคนเสื้อแดง ที่มีโอกาสต่อรองผลประโยชน์กับนายใหญ่ได้มากที่สุด ทำให้แกนนำทุกคนพยายามที่จะต่อสายตรงถึงนายใหญ่ด้วยตนเอง บางคนต้องบินตรงไปที่ดูไบ เพื่อไปเจรจาลักษณะตัวต่อตัวกันหลายคน ทั้งฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายฮาร์ดคอร์ ฝ่ายยุทธศาสตร์ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังใช้การบริหารงานในรูปแบบธุรกิจขายตรงไปยังกลุ่มต่างๆ ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองให้กับตนเอง ส่วนแกนนำระดับล่าง ที่ไม่มีโอกาสใกล้ชิดนายใหญ่ ก็พยายามสร้างภาพให้มวลชนเห็นว่าขาดสภาพคล่องในการเคลื่อนไหว จัดกิจกรรมระดมทุนในรูปแบบจัดเลี้ยงน้ำชา รับบริจาคเงินซึ่งเป็นจำนวนน้อย ในรายละไม่เกิน 1,000 บาท ซึ่งเป็นรูปแบบสร้างภาพให้สังคมเห็นว่า ไม่มีการสนับสนุนจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งๆ ที่เงินจากการจัดกิจกรรมไม่เพียงพอในการซื้อน้ำดื่มแจกจ่ายให้กับม็อบด้วยซ้ำไป แต่ก็พยายามอธิบายให้มวลชนเห็นว่าทุนในการเคลื่อนไหวมีจำนวนจำกัด ทั้งๆ ที่การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุด และมีเดิมพันที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายเทพไท กล่าวว่า เชื่อว่า งบประมาณที่นายใหญ่จัดส่งมาตามท่อน้ำเลี้ยง ก็คงจะค้างท่อจำนวนมาก จึงไหลสู่ปลายทางค่อนข้างน้อย จึงอยากจะให้มวลชนคนเสื้อแดงออกมาเรียกร้องทวงสิทธิ์ของตนเอง เพื่อให้นายใหญ่ได้รับรู้ว่าฝนตกไม่ทั่วฟ้า เพื่อที่จะได้บีบคั้นหรือกระทุ้งทะลวงท่อน้ำเลี้ยงที่จะอุดตัน ให้ไหลสู่มวลชนได้อย่างสะดวก ตามที่แกนนำออกมาพยายามปฏิเสธว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ไม่มีท่อน้ำเลี้ยงและการสนับสนุนจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คงไม่มีใครเชื่อ เพราะอย่างน้อยทุกครั้งที่มีวิดีโอลิงก์มายังผู้ชุมนุม พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามที่จะหลีกเลี่ยงพูดถึงงบประมาณ ถ้าหากว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สนับสนุนจริง ก็คงจะออกมาขอความสนับสนุนให้มวลชนช่วยกันลงขัน เป็นทุนในการเคลื่อนไหว ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่พูดถึง แสดงให้เห็นว่าได้มีการจ่ายเงินอย่างเต็มที่แล้ว เพียงแต่ไม่สามารถพูดอย่างเปิดเผยผ่านวิดีโอลิงก์ได้
“การชุมนุมในครั้งนี้จะเกิดมหกรรมการอมเงินของนายใหญ่อย่างมโหฬาร ในหมู่แกนนำคนเสื้อแดง และเสร็จจากการชุมนุมไปแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ประเทศไทยก็จะเกิดเศรษฐีใหม่ขึ้นมาหลายคน และคนระดับรากหญ้าก็จะมีการกระจายรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยรัฐบาลทางอ้อมด้วย” นายเทพไท กล่าว
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรค กล่าวอีกว่า อยากให้แกนนำคนเสื้อแดงระลึกถึงอนาคตของชาติ มากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง อยากให้ฟังกระแสสังคม ที่แสดงออกมาผ่านผลสำรวจของสำนักต่างๆ ว่า ไม่อยากเห็นการชุมนุมคนเสื้อแดงที่สูงถึง 47 เปอร์เซ็นต์ และขอให้สงสารคนกรุงเทพฯ ที่กำลังจะมีภาพฝันร้ายในช่วงสงกรานต์เลือดกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าภาพที่รถบรรทุกแก๊สที่เขตดินแดง ภาพการฆ่าประชาชนที่บริสุทธิ์ที่ตลาดนางเลิ้ง ภาพการยิ่งมัสยิด ซ.กิ่งเพชร ถ.เพชรบุรี หวนกลับมาหลอกหลอนประชาชนคนกรุงเทพฯอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนการที่แกนนำคนเสื้อแดงออกมาเรียกร้องคน กทม.ว่า ต้องหยุดกรุงเทพฯสักระยะหนึ่ง เพื่อจะก้าวไปสู่ข้างหน้านั้น นายเทพไท กล่าวว่า ไม่อยากให้แกนนำเหล่านั้นแสดงความเห็นแก่ตัว เอาอนาคตประเทศชาติเป็นที่ระบายอารมณ์ทางการเมือง เพราะการหยุด กทม.ครั้งนี้ จะไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า แต่จะเป็นการถอยหลังลงคลองมากกว่า พาประเทศชาติเสียหาย และเสียโอกาส ไม่สามารถที่จะเรียกกลับคืนมาได้ ตนขอเรียกร้องคนกรุงเทพฯ ได้ใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลข่าวสาร ผ่านสื่อกระแสหลักมากกว่าสื่อเทียม หรือสื่อใต้ดินของบุคคลบางกลุ่ม ที่พยายามปล่อยข่าวลวงรายวัน ทำให้ประชาชนสับสนไขว้เขวและเกลียดชังรัฐบาล ซึ่งในขณะนี้กลุ่มคนเหล่านี้พยายามเปิดสงครามข่าวสารผ่านสื่อของตนเองตลอด 24 ชั่วโมง พยายามสร้างเรื่องใส่ร้ายรัฐบาลให้ประชาชนเข้าใจผิด เช่น แบล็กลิสต์จำนวน 212 คน เพื่อสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่พระสงฆ์ ปล่อยข่าวเรื่องโรยตะปูเรือใบขัดขวางการเดินทางของคนเสื้อแดงที่จะเข้าสู่ กทม.ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวเท็จที่มีเป้าหมายให้คนเสื้อแดงเกลียดชังฝ่ายรัฐบาลมากยิ่งขึ้น
ส่วนกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ออกมากล่าวหาว่ารัฐบาลจะโหมโรงสร้างข่าวใส่ร้ายโจมตีอดีตนายกฯโดยใช้สื่อรัฐนั้น ตนขอปฏิเสธว่า รัฐบาลไม่เคยมีแนวความคิดดังกล่าว ซึ่งเป็นการปล่อยข่าวของคนเสื้อแดงทั้งสิ้น และคนเสื้อแดงต่างหากที่พยายามเคลื่อนไหว ใช้ความรุนแรงในการชุมนุม นับตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ และลิ่วล้อที่พยายามพูดถึงระเบิดพลีชีพ เรื่องนำขวดบรรจุน้ำมัน เพื่อเผาบ้านเผาเมือง การจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ คุ้มกันม็อบซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการแสดงให้เห็นว่า คนเหล่านี้เป็นฝ่ายที่สร้างกระแสเรื่องความรุนแรงตลอดเวลา