"เสธ.แดง" บอกบินดูไบ พบ "ทักษิณ" เสนอแผน 3 วันเผด็จศึกได้ชัยชนะ คุยโว เชิญ "นายใหญ่" กลับบ้านในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ทันที แต่ติดตอ "เพื่อนเกลอ" ไม่ยอมรับ สิ้นคิดเปิด 4 แผน ดึงครอบครัวทหารร่วมต้านกองทัพ หวังสกัดโดนปราบ พร้อมจ้องเสียบแทน "เกลอ"หากพลาดรั้งตำแหน่งแทนทันที ป้องลูกน้อง "เคทอง" อ้างเป็นเหยื่อ ปัดหลบหนี ยังจัดรายการเป็นปกติ
วันนี้(6 มี.ค.) พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เปิดเผยผ่านรายการลับ ลวง พราง ทาง FM 100.5 ภายหลังเดินทางกลับการเข้าพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ นครดูไบ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ( 6 มี.ค.2553) ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้แนวทางสันติของ นปช. ด้วยการร้องเพลงกล่อมป๋าเปรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ) จนกว่าอกจะแตกตาย หรือก็เป็นการเป่าปี่ให้นางพันธุรัตน์อกแตกตาย และยอมให้โยนรัฐบาลทิ้ง ด้วยการยุบสภา หรือ ลาออก ทั้งนี้ตนเป็นทหารก็รู้ว่ารัฐบาลเป็นรัฐบาลมาจากการปฏิวัติ และประชาชนก็เชื่อตามตนเป็นล้าน ๆ คน และเชื่อจุดนี้ทั้งประเทศ ส่วนการต่อสู้ของตน 3 วันจบรัฐบาลจะต้องออกไปเลย ทั้งนี้ถ้าตนนำการต่อสู้ 3 วันจบ ถ้า นปช.นำการต่อสู้ก็จะร้องเพลงไปเรื่อย ๆ ส่วนตนจะต้องสู้ทั้งบู้ และ บุ๋น
“พี่ทักษิณก็นั่งฟังผม แต่จะตกลงใจหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพี่ทักษิณ อีกทั้งพี่ทักษิณมีเสียงเดียวอยู่ในนปช.ซึ่งนปช.บอกกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่ามีเสียงเดียวอยู่ใน นปช. ไม่มีสิทธิ์ไปสั่ง นปช. ในการต่อสู้ ทั้งนี้การต่อสู้เลยจุดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปแล้ว แต่เป็นการต่อสู้ความต้องการของประชาชนทั้งประเทศ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง ประกาศชัดเจนว่า การต่อสู้เลย พ.ต.ท.ทักษิณ ไปแล้ว ฉะนั้นจะโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าไปเสี้ยม หรือไปสั่งไม่ได้เลย แต่เป็นเรื่องของประชาชน” พล.ต.ขัตติยะ กล่าว
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ตนเสนอแผนให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ฟังไปแล้ว ซึ่ง นปช.ใช้สูตรเดิมไม่ได้ใช้ความรุนแรง แต่แผนของตนโหด คือวันที่หนึ่งประชาชนมาร่วมชุมนุมกันเลย วันที่สองเข้าสภาเอารัฐธรรมนูญ 40 มาใช้ และวันที่สามเรียก พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเข้าประเทศ ทั้งนี้ตนจะต้องหยุดทหารให้อยู่ โดยมีขั้นตอน 4 อย่าง คือ 1. จะต้องมีผู้นำในการหยุดทหาร คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย 2. จะต้องใช้ครอบครัวทหาร 3. ไม่ต้องให้ทหารเกณฑ์กลับเข้ากรม และ 4. ถ้าทำไม่ได้กลุ่มคนเสื้อแดงก็กลับบ้านและค่อยนัดกันมาล้างตาใหม่ ทั้งนี้ทหารคือเครื่องมือหลักของระบบอำมาตย์ แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีเหลืองแค่ 3 คนเท่านั้น (พล.ต.ท.สัญฐาน ชยนนท์ - พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน - พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู) ซึ่งไม่มีอะไรน่ากลัว
“การปฏิบัติการโค่นล้มรัฐบาล 3 วันจบ แล้วผมจะแต่งชุดคอแบะและพา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเข้า กทม. ในนามนายกรัฐมนตรี เพราะมาในฐานะก่อนการปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549 รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่อำนาจมา และประชาชนก็เชื่ออย่างนั้น ทั้งนี้เมื่อแกนนำ นปช.ไม่ให้ผมร่วมก็ไม่เป็นไร แต่ผมจะเป็นแบบเรือพิฆาตลอยลำแอบดูเรือบรรทุกเครื่องบิน เมื่อเหตุการณ์จบเขาจะต้องร้องหาผม เขาไล่ผมเท่าไหร่ผมก็ไม่ไป เพราะหน้าที่ของผมคือเอาประชาชนสีแดงกลับบ้านหากเกิดความผิดพลาด ทั้งนี้ นปช.จะแบ่งออกมาเป็น 2 พวก คือพวกฮาร์ดคอร์ คือ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง กับ แรมโบ้ ส่วนอีกสายคือสายสันติ” พล.ต.ขัตติยะ ระบุ
เมื่อถามว่า ทำไม พล.ต.ขัตติยะ ถึงได้ไปดูไบถึง 3-4 ครั้ง ไปต่อท่อน้ำเลี้ยง หรือ ไปเอาเงิน พ.ต.ท.ทักษิณ มาหรือไม่ พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า เสธ.แดง มีบุญอยู่อย่างคือรับเงินเมื่อไร่ยิงไม่แม่น ฟ้าดินจะไม่คุ้มครอง ในชีวิตเสธ.แดง ก็ยังนอนบ้านหลวง เงินก็ถูกยึดไปหมดแล้ว ถูกฟ้องล้มละลาย รถตัวเองก็ไม่มี เมียก็ตาย ชีวิตเราก็อยู่กับกองทัพ และความถูกต้อง ที่ขัดแย้งกับ ผบ.ทบ.ก็คือเรื่องชาติบ้านเมือง ตนไม่ไปรับเงิน พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า รัฐบาลระบุว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไปตามประกบรัฐมนตรี พ่อ แม่ และ ลูกเมีย พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ต่างจังหวัดทั้งภาคอีสานเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก จะสีแดงหมด ซึ่งการที่ประชาชนเป็นเสื้อแดง เพราะคณะรัฐมนตรีจะเป็นคนอนุมัติให้ทหารออกมาฆ่าประชาชน เขาจึงเชื่อว่าเมื่อวันใดคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ไปยิงพ่อแม่เขาได้ เนื่องจากเขาเป็นม็อบคนแก่หมด เขาก็เอาลูกหลานไปยิงพ่อแม่คณะรัฐมนตรีได้ และทหาร 42 กองพัน ที่ออกมาปฏิบัติการถือว่าเมื่อผู้บังคับกองพันที่อกมาทั้งหมดไปยิงพ่อแม่เขาได้ เขาก็ไปยิงผู้บังคับกองพันได้ ซึ่งมันเกิดขึ้นทั้งแผ่นดินจึงมีรายชื่อ 53 คนขึ้นมา หรือ รายื่อ 208 คน ขึ้นมาตามลำดับ
“ผมอยู่ลำดับที่ 88 และ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อยู่ลำดับที่ 87 ซึ่งต่างคนต่างใช้สงครามจิตวิทยาโฆษณาชวนเชื่อ คือการสู้กับรัฐ ประชาชนเชื่อและท่องได้หมดว่า รัฐบาลโจร รธน.โจร เขารู้หมดเขาจึงต่อสู้ ทั้งนี้คนที่โดนยิงตายไม่ได้ทำเพื่อชาติ แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ ซึ่งผมไม่มีเรื่องทุจริต ไม่เหมือนกับผบ.ทบ. ที่มีข้อหาทุจริตหลายเรื่องทั้งรถเกราะล้อยาง เรือเหาะ จีที 200 ทั้งนี้ พี่สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ต้องขอบคุณ เอ็ม 79 ต้องเอาเอ็ม 79 ใส่ขันน้ำมนต์ และพรหมหัวเยอะ ถ้ามีเอ็ม 79 พี่สุเทพ ก็ไม่มีที่ที่จะทำงาน เพราะทำเนียบรัฐบาลโดนเสื้อเหลืองเขายึด ผมไม่กลัวอยู่แล้ว แต่อาจจะมีมาแค่ดักยิง แต่จะมายิง เสธ.แดงได้อย่างไร เพราะเราทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ” พล.ต.ขัตติยะ ระบุ
ต่อข้อถามว่า ส่วนเรื่องการออกหมายจับ “เคทอง” หนึ่งในผู้ต้องสงสัยอยู่เบื้องหลังปาระเบิดธนาคารกรุงเทพ 4 สาขา พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า เคทองเป็นเหยื่อของตำรวจทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง เคทอง เป็นเพียงนักจัดราชการวิทยุเท่านั้น และช่วงที่ผ่านมา เคทอง ก็ไม่ได้ไปดูไบ หรือหลบหนีออกนอกประเทศ แต่ยังคงจัดรายการอยู่ที่เวปไซต์แห่งหนึ่ง ทั้งนี้ในวันจันทร์ตนจะเดินทางไปที่ศาลมีนบุรี เพื่อขอเพิกถอนหมายจับ เคทอง ด้วย ถ้าศาลไม่ให้ก็มอบตัว และประกันตัวออกมาก็จบ
