“มาร์ค” รับคาดไม่ถึงจะมีคนในสังคมที่ต้องการชนะโดยไม่คำนึงถึงวิธีการขนาดคิดทำร้ายครอบครัวคนในคณะรัฐมนตรี ยันลูกเมียทำใจได้ไม่หวั่นไหว ชี้ต้นเหตุการเมืองแรงเพราะพวกอยากรวยโดยไม่สนใจวิธีการ เชื่อคนส่วนใหญ่ไม่ยอมให้แก๊งเสื้อแดงส่วนน้อยก่อความรุนแรงเพื่อสร้างปัญหาให้บ้านเมือง พร้อมเตือนเคลื่อนไหวถอดถอน 9 ผู้พิพากษาต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย
วันนี้ (3 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เตือนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ดูแลบุตรและภรรยา เพราะอาจจะมีการปองร้ายเกิดขึ้นในช่วงนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่เพียงพอว่า ทุกคนมีความกังวลทั้งนั้น ไม่เฉพาะ ครม. ตนว่าทุกคนควรจะรักครอบครัว แต่เรื่องของการข่าวในลักษณะนี้มีมาระยะหนึ่งแล้ว คิดว่าจริงๆ เป็นเรื่องแปลก เพราะไม่เคยคิดว่าสังคมไทยจะมีแนวคิดในลักษณะของการทำร้ายกันเช่นนี้ แต่ขอยืนยันว่าตนไม่สามารถตอบแทน ครม.ทุกคนได้ แต่ครอบครัวตนไม่หวั่นไหว เพราะครอบครัวทราบตั้งแต่ต้นว่าเมื่อเข้ามาทำงานในสถานการณ์อย่างนี้มันเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ต้องเผชิญ แต่อยากตั้งคำถามว่าคนที่มีความคิดในเรื่องแบบนี้ไปเอาความคิดมาจากไหน ไม่น่าจะมีอยู่ในสังคมไทย
สำหรับปัจจัยที่ทำให้การเมืองมาถึงระดับนี้นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้ย้ำและเป็นห่วงมาตลอด คือ เรื่องความรุนแรง ความคิดที่ไม่คำนึงถึงวิธีการในการบรรลุเป้าหมายของตัวเอง ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่เห็นมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทุกเรื่องอยากรวยโดยไม่สนใจด้วยวิธีใด อยากเอาชนะโดยไม่สนใจว่าด้วยวิธีใด อันนี้เป็นต้นตอของปัญหาแล้วทำให้เราต้องช่วยกันทำความเข้าใจว่า หัวใจของประชาธิปไตยคือเรื่องของกระบวนการ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการเลือกตั้ง แต่กระบวนการที่ต้องเคารพสิทธิของคนอื่น กระบวนการที่รู้ว่าในระบอบประชาธิปไตย หัวใจสำคัญอย่างหนึ่งที่ไม่ค่อยพูดกัน คือ ขอบเขตการใช้อำนาจ การใช้สิทธิต้องมีขอบเขต การเคลื่อนไหวต้องมีขอบเขต ตนว่าถ้าช่วยกันทำความเข้าใจว่าประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งดูจากทั่วโลก หัวใจอยู่ที่การมีขอบเขตที่เหมาะสมตรงนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักพื้นฐานที่สุดของประชาธิปไตย คือ ทุกคนมีสิทธิมีความเสมอภาคเท่าทียมกันในการช่วยกันกำหนดอนาคตของประเทศ
“ผมย้ำอีกครั้งว่า เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่จะมาชุมนุมหรือที่เคยมาชุมนุมไม่ได้นิยมใช้ความรุนแรง แต่ว่าอยากจะเชิญชวนคนเหล่านั้นว่ารัฐบาลก็ไม่นิยมความรุนแรง ดังนั้น ท่านจะทำอะไร รัฐบาลจะทำอะไร เราต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของคนที่อยากจะใช้ความรุนแรงมาเป็นเงื่อนไขในการที่จะได้เป้าหมายของตัวเอง ถ้าเราอยากได้ประชาธิปไตย เราต้องปฏิเสธความรุนแรง ผมคิดว่าเราจะต้องผ่านสถานการณ์ไปได้ เราไม่สามารถห้ามคนบางกลุ่มที่จะพยายามใช้ความรุนแรงได้ทุกคน และความรุนแรงอาจจะเกิดขึ้นอย่างเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมาแต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันคือว่าเราจะไม่ให้ความรุนแรงชนะในสังคมนี้ สังคมนี้จะต้องชนะความรุนแรงด้วยการไม่ใช่ความรุนแรงจากความเข้าใจของคนในสังคม ผมถึงได้ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนให้เผยแพร่ข้อมูลและค่านิยมที่ถูกต้อง เช่น กรณีคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ก็เผยแพร่ตามข้อเท็จจริงว่าอะไรเป็นอะไร อยากจะขอความร่วมมือเพราะจะไปห้ามคนให้ข่าวไม่ได้แต่อะไรก็ตามที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นระหว่างรัฐบาลกับผู้ชุมนุม หรือรัฐบาลกับฝ่ายค้านฝ่ายนั้นกับฝ่ายนี้ อยากให้สื่อมีหน้าที่เสนอความเป็นจริงแต่วิธีการนำเสนอมันก็ช่วยลดหรือเพิ่มความรุนแรงได้ ก็ฝากสื่อสารมวลชนด้วย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดคนเสื้อแดงยังไม่หยุดเคลื่อนไหว จะล่าชื่อถอดถอนองค์คณะผู้พิพากษา 9 คน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากเรียนอย่างนี้ว่า อย่าเรียกคนเสื้อแดง ยืนยันว่าคนใส่เสื้อแดงจำนวนมากไม่นิยมความรุนแรง โดยที่จริงแล้วคนเหล่านี้จะทำให้คนที่ไม่นิยมความรุนแรงเป็นเหยื่อ เหมือนที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน เม.ย.2552 ขอแยกระหว่างคนเสื้อแดงกับบางคนที่อยากจะพูดถึงความรุนแรง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องดูแล ส่วนการที่จะเคลื่อนไหวถอดถอนผู้พิพากษา หรืออะไรต่างๆ ถ้าอยู่ในกรอบของกฎหมายย่อมเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ต้องช่วยกันทำความเข้าใจ แต่การถอดถอนจะมีเกณฑ์อยู่ต่อเมื่อมีการที่ฝ่าฝืนกฎหมาย กระทำไม่ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ถ้าคิดว่าเข้าข่ายอย่างนั้นและโดยบริสุทธิ์สุจริตใจก็ใช้สิทธิได้ แต่หากไม่ชอบคนนี้แล้วไปถอดถอนและค่อยไปหาเหตุผลคงไม่ใช่กระบวนการที่เหมาะสม
ส่วนรัฐบาลจะเตรียมรับมืออย่างไรเพราะด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะนายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ออกมาสะท้อนว่า ถ้ายังมีความรุนแรงมีเคลื่อนไหวอย่างนี้ต่อไป บ้านเมืองจะเสียหายเอาไม่อยู่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนถึงได้ย้ำว่าการผ่านเหตุการณ์นี้ไปโดยไม่มีความรุนแรง คำถามคือคนส่วนใหญ่จะปล่อยให้คนจำนวนน้อยซึ่งต้องการความรุนแรงมาสร้างปัญหา และทำให้กระบวนการการพัฒนาหยุดชะงักเพื่ออะไร
