“เจ๊สด” ไม่หวั่นเสื้อแดงขู่ฆ่า ใส่เกียร์ลุยคดียุบ ปชป.

กกต.ไม่หวั่นตกเป็นเป้าหมายถูกปองร้าย แต่ไม่ประมาท ระบุจะเดินหน้าพิจารณาคดียุบพรรค ปชป.ต่อไป ยันยึดหลักความถูกต้องรับใช้ชาติ เชื่อนายทะเบียนไม่ได้ถ่วงเวลา ยอมรับเสื้อแดงข่มขู่แถมแจกภาพหมายหัว แค่บนเวทีการชุมนุม พร้อมแนะ ปชช.ที่เสียภาษี หากต้องการบริจาคเงินให้พรรคสอบถามรหัสได้ที่ 1171

วันนี้ (3 ก.พ.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงข่าวการลอบทำร้ายว่า ในเบื้องต้นต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาดูแลเป็นระยะ ได้รับการประสานงานด้านความปลอดภัย ซึ่งเรื่องการปองร้ายตามที่เป็นข่าวไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ซึ่งทุกฝ่ายต่างพยายามทำงาน และการพิจารณาคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งคดีอื่นๆ ก็เป็นการทำเพื่อประชาชน ไม่มีผลประโยชน์ของ นักการเมืองหรือกลุ่มใด คนใด และการทำงานของ กกต.ยึดในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งการทำงานของกกต.ก็มีหลักเกณฑ์ในการทำงาน สามารถชี้แจงขั้นตอนการทำงานให้ประชาชนได้รับทราบได้

เมื่อถามว่ามีคนประสงค์ร้ายโทร.ไปข่มขู่หมายจะเอาชีวิตบ้างหรือไม่ นางสดศรีกล่าวว่า ยังไม่มีการโทร.ไปข่มขู่อะไร มีแต่การพูดในการชุมนุมเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรจะยังคงทำงานต่อไปโดยไม่หวาดกลัวแต่อย่างใด

“ทุกคนไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะมาพูดข่มขู่อะไร แล้วเราจะเฉยได้ การที่จะให้เราหยุด เพราะการข่มขู่ไม่ใช่ประเด็นหลัก จะทำงานต่อไปโดยไม่หวาดกลัว” นางสดศรีกล่าว และว่าในเรื่องการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ดูแลขณะนี้ยังเป็นไปตามปกติ ซึ่งมีตำรวจคอยดูแล พร้อมติดกล้องวงจรปิดในการดูแลความปลอดภัยที่บ้านพัก โดยจะยังไม่มีการขอกำลังเพิ่ม และยังใช้ชีวิตตามปกติ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดเราไม่ได้คำนึงความปลอดภัยของตัวเองอยู่แล้ว เพราะเราทำงานเพื่อประเทศชาติ

เมื่อถามอีกว่า ขณะนี้มีการแจกภาพของคณะกรรมการกกต.ให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมจำหน้าไว้แล้ว นางสดศรีกล่าวว่า หน้าที่ กกต.สามารถตรวจสอบได้ไม่อยากอยู่แล้ว ส่วนที่ใกล้ปิดคดียึดทรัพย์ ก็คงไม่ต้องขอกำลังเพิ่มเติมอะไร เพราะตำรวจก็ทำตามหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว ส่วนที่ตกเป็นเป้ากรณี 258 ล้านบาทก็น่าเสียใจมาก หากบ้านเมืองจะเดินไปไม่ได้เพราะเงินจำนวนนี้ ทั้งที่จริงแล้วไม่น่าจะถึงขึ้นทำร้ายกกต.หรือพนักงาน เพราะเขาก็ทำงานตามกิจวัตรประจำวันและขณะนี้นายทะเบียนก็ไม่ได้ถ่วงเวลา ท่านก็เร่งทำงานอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าภายในเดือนนี้ก็น่าจะเสร็จหากไม่ต้องมีการสอบเพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นางสดศรีให้สัมภาษณ์ก็ได้เรียกนายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการฝ่ายกิจการพรรคการเมือง ซึ่งเป็นคณะทำงานที่ประธาน กกต.ได้ตั้งขึ้นมาชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวว่าคณะทำงานดังกล่าวได้ประชุมไปแล้ว 4 ครั้ง และได้ดำเนินการตามคำสั่งที่นายทะเบียนลงนามแต่งตั้งเอาไว้ โดยจะมีการประชุมอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 5 ก.พ.นี้ เบื้องต้นมีข้อเท็จจริงหลายประเด็นที่ยังสงสัย และมีบางเรื่องต้องหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ซึ่งการทำงานของคณะทำงานชุดนี้ไม่มีระยะเวลากำหนดไว้ แต่การทำงานของคณะทำงานฯก็จะรายงานให้กับนายทะเบียนพรรคการเมืองทราบทันทีในการประชุมทุกครั้งเพื่อรางานความคืบหน้า

นางสดศรีกล่าวอีกว่า ขณะนี้เป็นช่วงที่ประชาชนต้องชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี (ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91) ซึ่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง ปี 50 ต้องการให้ประชาชนมีส่วนในทางการเมือง เพื่อให้พรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย จึงกำหนดให้ประชาชนสามารถบริจาคเงินภาษีให้กับพรรคการเมืองที่ตนชื่นชอบได้ในจำนวนเงิน 100 บาท ตามที่กฎหมายกำหนดไม่เกิดนี้ ซึ่งเป็นเงินภาษีที่บริจาคผู้เสียภาษีไม่ต้องจ่ายเพิ่ม แต่จะหักจากเงินภาษีที่ต้องส่งให้กับกรมสรรพากร เพียงแต่ใส่รหัสของพรรคที่ชื่นชอบ ซึ่งรหัสพรรคนั้นทางกรมสรรพากรจะจัดส่งให้กับทางบ้านของผู้เสียภาษี หรือสามารถตรวจสอบรหัสพรรคการเมืองที่แนบไปกับแบบแสดงรายการภาษี (ภ.ง.ด.90,91) หรือสามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่ www.rd.go.th หรือ www.ect.go.th หรือ สอบถามได้ที่สายด่วนกกต. 1171 ทั้งนี้ รหัสพรรคการเมืองเป็นการเรียงลำดับจากการจดทะเบียนพรรคการเมืองก่อนหลัง โดยขณะนี้มีพรรคการเมืองที่สามารถรับเงินบริจาคได้ทั้งสิ้น 54 พรรค อย่างไรก็ตาม กรณีการบริจาคนี้กฎหมายได้มีได้บังคับ หากไม่ประสงค์จะบริจาคให้กับพรรคใดก็ทำเครื่องหมายหน้าช่องไม่ประสงค์จะบริจาค

“ขณะนี้มีพรรคการเมืองบางส่วนได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้บริจาคเงินภาษีให้พรรคแล้ว ซึ่งถ้าผู้เสียภาษีบริจาคเงินให้พรรคการเมืองที่ท่านชื่นชอบก็จะเห็นว่าพรรคการเมืองสามารถทำงานให้เราได้แค่ไหน และประชาชนจะได้ช่วยกันสอดส่องดูแลติดตามการใช้จ่ายเงินของพรรคการเมืองอีกทางหนึ่ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก” นางสดศรีกล่าว