“เรือง เปลี่ยนสี” เล็งใช้ช่อง กมธ.การเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา สอบรัฐมนตรีส่อซุกหุ้น หลังศาลฎีกาพิพากษา “ทักษิณ” ซุกชินคอร์ป โวเจอคนในรัฐพฤติกรรมเหมือน “แม้ว” ขอเวลารวมหลักฐานก่อน จี้นักการเมืองมีจิตสำนึก
วันนี้ (27 ก.พ.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ในฐานะคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา โดยระบุว่าองค์คณะเสียงส่วนใหญ่เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของหุ้นชินคอร์ปหรือทำการซุกหุ้นชินคอร์ปไว้ในชื่อบุตร และเครือญาติว่า กมธ.การเงินฯจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยจะนำแนวคำพิพากษาดังกล่าวมาศึกษาเพื่อจะได้นำมาทำต่อในการพิจารณาติดตาม ว่ามีนักการเมืองที่มีพฤติกรรมเช่นเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ โดยต้องนำคำพิพากษามาเทียบเคียงทั้งหมด
นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า ตนได้ติดตามเรื่องการถือครองหุ้นของเหล่านักการเมืองมาโดยตลอดเบื้องต้นพบ ว่ามีรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบัน บางคนมีพฤติกรรมเข้าข่ายซุกหุ้นเช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากมีการการแจ้งบัญชีทรัพย์สินก่อนเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีพบว่า มีการถือครองหุ้นจำนวนมากราคากว่า 300 ล้านบาท แต่พอมาเป็นรัฐมนตรี หุ้นดังกล่าวหายไป แต่ไปพบว่าบุตรสาวของรัฐมนตรีคนดังกล่าวกลับถือครองหุ้นแทน และตกเป็นลูกหนี้แต่ไม่มีการจ่ายเงิน ซึ่งพฤติกรรมนี้ถือเป็นการแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ตนอยากให้นักการเมือง มีจิตสำนึกมากกว่านี้เพราะเห็นได้จากตัวอย่างคดีการยึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว ทั้งนี้เชื่อว่ายังมีนักการเมืองอีกหลายคนที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายการซุกหุ้น โดยตนจะรวบรวมหลักฐานก่อนจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป