สรุปคำพิพากษาศาลฎีกาฯ คดียึดทรัพย์ เมื่อวันที่ 26ก.พ.53
1.มติเอกฉันท์ 9:0
คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาล
2.มติเอกฉันท์ 9:0
คตส. - ป.ป.ช.มีอำนาจไต่สวนคดีโดยชอบ และอัยการสูงสุดมีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาล
3.มติเอกฉันท์ 9:0
คำร้องของผู้ร้องแจ้งชัดไม่เคลือบคลุม
4.มติเอกฉันท์ 9:0
“ทักษิณ” เป็นเจ้าของหุ้นชินคอร์ปที่แท้จริงแต่ซุกไว้ในชื่อลูกและเครือญาติในระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรี 2 สมัย
5.มติเสียงข้างมาก
“ทักษิณ”เอื้อประโยชน์ชินคอร์ป ออกพ.ร.ก.แปลงค่าสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นค่าภาษีสรรพสามิต ทำให้ รัฐเสียหายกว่า 60,000 ล้านบาท
6.มติเสียงข้างมาก
“ทักษิณ”เอื้อประโยชน์เอไอเอสแก้ไขสัญญาโทรศัพท์เคลื่อนที่ปรับลดอัตราส่วนแบ่งรายได้จากการใช้บริการ โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบใช้บัตรจ่ายเงินล่วงหน้า (PREPAID CARD)
7.มติเสียงข้างมาก
“ทักษิณ”เอื้อประโยชน์เอไอเอส โดยมีส่วนแก้ไขสัญญาโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่ออนุญาตให้ใช้เครือข่ายร่วม (ROAMING) และปรับลดอัตราค่าใช้เครือข่ายร่วม แต่เมื่อขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเส็ก ทำให้เทมาเส็กได้รับประโยชน์
8.มติเสียงข้างมาก
“ทักษิณ” เอื้อประโยชน์ชินคอร์ปและชินแซทฯ โดยละเว้น, อนุมัติ, ส่งเสริม และสนับสนุนธุรกิจดาวเทียมโดยมิชอบหลายกรณี
9.มติเสียงข้างมาก
“ทักษิณ”เอื้อประโยชน์ให้ชินแซทกรณีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้พม่าเพื่อนำไปซื้อสินค้าและบริการของชินแซทฯ
10. ศาลพิพากษา ให้ยึดทรัพย์ จำนวน 46,373,687,454.70 บาท พร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน