xs
xsm
sm
md
lg

จับโกหก “ทักษิณ” อ้างยื่นทรัพย์ 6 หมื่นล้านตั้งแต่ปี 37 “ประพันธ์-ปานเทพ” แนะจับตาวอร์รูมเพื่อไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รายการพิเศษ “วันพิพากษาทักษิณ” ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี นิวส์วัน
ASTVผู้จัดการ - “นช.ทักษิณ” โกหกจนวินาทีสุดท้าย อ้างยื่นทรัพย์สิน 60,000 ล้านตั้งแต่ปี 2537 “ประพันธ์-ปานเทพ” ระบุกฎหมายบังคับให้นักการเมืองต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินเพิ่งมีปี 2540 และ ปี 2548 “ทักษิณ-พจมาน” ก็แจ้ง ป.ป.ช.ว่ามีเงินไม่ถึงหมื่นล้าน แนะจับตาสถานการณ์หลังพรรคเพื่อไทยเปิดห้องลับให้ นช.ทักษิณ วิดีโอลิงก์วิเคราะห์คำพิพากษา ชี้คล้ายเป็นการเตรียมตัวเคลื่อนไหวหากคำพิพากษาไม่ถูกใจ

วันนี้ (26 ก.พ.) ก่อนการอ่านคำพิพากษายึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 76,000 ล้านบาท ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รายการพิเศษ “วันพิพากษาทักษิณ” ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี นิวส์วัน ได้เชิญ นายประพันธ์ คูณมี ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระผู้ติดตามคดีการทุจริตของระบอบทักษิณ มาเป็นวิทยากรวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ โดยมี น.ส.อุษณีย์ เอกอุษณีย์ เป็นผู้ดำเนินรายการ

ช่วงต้นของรายการ น.ส.อุษณีย์ กล่าวว่า ระหว่างการแถลงคำพิพากษาของศาลฎีกา ผู้สื่อข่าวได้แจ้งมาว่า ที่พรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้วิดีโอลิงก์มายังลูกพรรคและมีการเปิดห้องประชุมลับโดยไม่ให้นักข่าวเข้าฟัง เพื่อเตรียมวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาแบบสดๆ ด้วย โดยการกระทำดังกล่าววิทยากรทั้ง 2 ท่านเตือนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในการใช้คำพูด เพราะอาจจะเป็นการละเมิดศาลได้โดยง่าย เพราะศาลฎีกามิใช่ศาลรัฐธรรมนูญที่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้

นายประพันธ์วิเคราะห์ต่อว่า จากข่าวดังกล่าวมิใช่เป็นลักษณะของการเตรียมต่อสู้ในทางกฎหมาย แต่เป็นลักษณะที่ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเตรียมการที่จะปลุกระดมมวลชนหากผลพิพากษาออกมาไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง

“โดยปกติเวลาที่เราฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือศาลใดๆ ก็แล้วแต่ ผู้ฟังก็ฟังเพื่อที่จะจับสาระสำคัญว่าศาลได้วินิจฉัยโดยใช้เหตุผลข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างไร และพิพากษาอย่างไร ส่วนการจะดำเนินการต่อสู้ในทางคดีต่อไปนั้น ก็มีขั้นตอนในชั้นอุทธรณ์และฎีกา ซึ่งมีเวลา 30 วันที่จะไปดำเนินการได้ ซึ่งถ้าไม่พอก็ไปขอขยายเวลาได้ ถ้ามีการมาตั้งวอร์รูมเพื่อที่จะฟังคำพิพากษา ในขณะเดียวกันก็มีการเตรียมการที่จะแถลง มีการเตรียมการให้สัมภาษณ์ตอบโต้ ลักษณะอย่างนี้ไม่ใช่การสู้ในเชิงกฎหมาย แต่กำลังคิดว่าเมื่อฟังคำพิพากษาเสร็จแล้วเนี่ยจะปราศรัยหรือจะแถลงกับประชาชน มวลชนของตัวเองอย่างไร เพื่อปลุกระดมทางการเมือง” นายประพันธ์กล่าว และ ชี้แจงต่อว่า ในความเป็นจริงแล้ว ศาลมิใช่คู่กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นข้อกล่าวหา ข้อเท็จจริง ซึ่งการรับชม รับฟัง และนำเสนอคำพิพากษาของคดีนั้นประชาชนและสื่อมวลชนต้องใช้วิจารณญาณให้ดี

ด้าน นายปานเทพกล่าวว่า เช้าวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ส่งเอสเอ็มเอสถึงแฟนๆ ของตัวเองว่า “ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรขอขอบคุณทุกๆ ความห่วงใยต่อผมและครอบครัวในยามยากนี้” โดยหากวิเคราะห์จากอาการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งมีการจัดรายการผ่านอินเทอร์เน็ตและการส่งข้อความผ่านทวิตเตอร์จะเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามต่อสู้อย่างเต็มที่จนถึงที่สุด

จับโกหก “แม้ว” โม้เคยยื่นทรัพย์สิน 6 หมื่นล้าน

เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า ในวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทวิตเตอร์ระบุว่า เงินทั้งหมดที่ต้องคดีนั้นเป็นเงินที่ตนและครอบครัวหามาด้วยหยาดเหงื่อ แรงงาน มันสมอง โดยไม่เคยโกงอย่างที่ถูกกล่าวหา และในปี 2537 ตนก็เคยแสดงบัญชีไว้แล้วว่าตนมีทรัพย์สินกว่า 60,000 ล้านบาท จริงๆ แล้วในปี 2537 พ.ต.ท.ทักษิณ มีทรัพย์สินมากถึงขนาดนั้นหรือเคยแจ้งไว้หรือไม่

ในประเด็นดังกล่าว นายประพันธ์ได้จับโกหก พ.ต.ท.ทักษิณ โดยระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณอาจเลอะเลือน เลอะเทอะไปเองเพราะในปี 2537 ยังไม่มีกฎหมายบังคับให้นักการเมืองแสดงบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินแต่อย่างใด โดยกฎหมายดังกล่าวเพิ่งมีในปี 2540 นี้เอง

“ที่คุณทักษิณบอกว่าตนเองเคยแสดงบัญชีทรัพย์สินถึง 6 หมื่นล้าน ไม่ทราบว่าคุณทักษิณไปแสดงไว้กับศาลพระภูมิที่ไหน มันไม่มีไม่เคยปรากฏ และในปี 2537 ที่คุณทักษิณเข้าไปเป็นรัฐมนตรีสมัย พล.ต.จำลอง (ศรีเมือง) ยังอยู่พรรคพลังธรรมนั้น ก็เป็นการแสดงบัญชีทรัพย์สินภายในพรรคพลังธรรม โดยเป็นกฎเหล็กของ พล.ต.จำลอง ที่ต้องการให้รัฐมนตรีทุกคนแสดงบัญชีทรัพย์สิน โดย ณ เวลาขณะนั้นก็ไม่มีใครไปตรวจสอบว่าข้อมูลเป็นจริงหรือเท็จ” ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระบุ

พร้อมกันนั้นนายประพันธ์ได้ชี้แจงต่อว่า บัญชีทรัพย์สินที่แท้จริงนั้นต้องดูจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นต่อ ป.ป.ช.ตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่ง พ้นจากตำแหน่งในปี 2548 และหลังจากนั้นอีก 1 ปี ซึ่งจากข้อมูลก็ชัดเจนว่าในตอนพ้นตำแหน่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นชี้แจงบัญชีทรัพย์สินไว้เพียง 500-600 กว่าล้านบาทเท่านั้น ส่วนภรรยานั้นแจ้งว่ามี 8,000-9,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งรวมแล้วก็ไม่ถึงหมื่นล้านบาท

จากนั้นนายประพันธ์ได้กล่าวเปรียบเทียบต่อว่า ต่อให้เงินที่ตอนต้น พ.ต.ท.ทักษิณ กับภรรยา หามาได้จะเป็นเงินที่สุจริต แต่หากนำเงินสุจริตนั้นมาหากินในทางทุจริต กฎหมายก็ไม่สามารถแบ่งได้ว่าส่วนไหนเป็นเงินที่หามาโดยสุจริตหรือเงินส่วนไหนที่ทุจริตมา ยกตัวอย่างเช่น หากมีสามี-ภรรยาคู่หนึ่ง เดิมประกอบอาชีพสุจริตคือขับรถฉายหนังเร่ หรือเป็นเกษตรกร จนมีเงิน 10 ล้านบาท แต่ต่อมาได้นำเงิน 10 ล้านบาท นั้นมาเป็นทุนในการค้ายาเสพติด-ปล้นขโมยชาวบ้านจนมีเงินร้อยล้านพันล้านบาท ในการดำเนินคดีก็ต้องยึดทรัพย์ทั้งหมด

“ในทางกฎหมาย เวลาเขาริบ เขาไม่ได้ริบโดยแบ่งว่าเอาเงินสุจริตคืนไป ริบไปเฉพาะส่วนนี้ ในทางกฎหมายมันไม่ได้ เพราะในทางกฎหมายเขาถือว่าเงินนี้เป็นเครื่องมือในการใช้กระทำความผิดจนทำให้คุณร่ำรวยผิดปกติ มีเงินเป็นหมื่นๆ ล้าน ...” นายประพันธ์อธิบาย โดยนายปานเทพได้กล่าวเสริมว่า ในอดีตก็ไม่เคยมีมาก่อนว่ามีคำตัดสินว่าในการจะยึดทรัพย์เพียงบางส่วนแค่ส่วนทุจริต ส่วนที่หามาได้โดยสุจริตนั้นส่งคืนไป

แนะนำวิธีการฟังคำพิพากษา

นายปานเทพกล่าวอธิบายว่า ในการรับฟังคำพิพากษานั้น เนื่องจากการอ่านคำพิพากษานั้นจะยาวนานหลายชั่วโมง เพราะฉะนั้น ผู้ฟังต้องแยกแยะให้ออกว่า ส่วนใดเป็นคำฟ้อง ส่วนใดเป็นคำโต้แย้ง และส่วนใดเป็นคำพิพากษาของศาล

ในส่วนคำพิพากษานั้นนายปานเทพ ระบุว่า ศาลฎีกาจะพิพากษาประเด็นดังต่อไปนี้คือ หนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ซุกหุ้นจริงหรือไม่ สอง พ.ต.ท.ทักษิณ ดำเนินการหาประโยชน์เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับหุ้นที่ตนเองซุกเอาไว้จริงหรือไม่ ซึ่งถ้ามี ก็มาถึงขั้นที่ สาม คือ พิสูจน์ว่ามีการหาประโยชน์จำนวนเท่าใด และ ขั้นสุดท้าย คือ แล้วจะริบทรัพย์สินให้ตกเป็นของแผ่นดินจำนวนเท่าใด



อ่านเพิ่มเติม
@ อ่านรวมบทความ-บทวิเคราะห์ คดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
@ เกาะติดนาทีต่อนาที วันประวัติศาสตร์พิพากษายึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน
นายประพันธ์ คูณมี
พ.ต.ท.ทักษิณ พูดบิดเบือนข้อเท็ํจจริงในทวิตเตอร์
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
กำลังโหลดความคิดเห็น