ผู้ประกาศข่าวสาวเอเอสทีวีนิวส์วัน โร่ขึ้นโรงพักชนะสงคราม ให้ร้อยเวรลงบันทึกประจำวันดำเนินการแม่ค้าก๋วยเตี๋ยววางของเกะกะหน้าร้านและนำชายฉกรรจ์คุกคามทั้งๆ ที่ไม่ได้เก็บค่าเช่าแต่อย่างใด
วานนี้ (17 ก.พ.) เมื่อเวลา 21.00 น. น.ส.นันท์นภัส จรุงพัฒนานนท์ อายุ 28 ปี ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี นิวส์วัน อยู่บ้านเลขที่ 414/11 ถนนโพธิ์ทอง ต.บางปลาสร้อย อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี เข้าพบ ร.ต.อ.ประกอบ เย็นหลักร้อย พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ชนะสงคราม เพื่อขอลงบันทึกประจำวันหลังถูกคู่กรณีที่ขายก๋วยเตี๋ยวหน้าร้านตนเองคุกคาม
น.ส.นันท์นภัส ให้การว่า ตนได้เปิดร้านสตูดิโอชื่อร้านวันซ์ อิน ไทยแลนด์ ภายในซอยสามเสน 8 แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กทม.เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมปีที่แล้ว โดยตอนเช่าร้านใหม่ๆ เห็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยววางรถเข็น โต๊ะเก้าอี้เกะกะและขวางทางเข้าร้านทำให้ลูกค้าไม่กล้าเข้าจึงไปขอร้องโดยพูดกับเขาดีๆ ว่าให้ขยับของเพื่อเปิดทางเข้าร้านหน่อย แต่หญิงคนดังกล่าวกลับไม่พอใจ อ้างว่าบริเวณฟุตปาธเป็นจุดผ่อนผัน และเขาอยู่มาก่อนที่ร้านตนจะเปิด นอกจากนี้ เขายังอ้างว่ารู้จักผู้มีอิทธิพล นายตำรวจ และเจ้าหน้าที่เทศกิจระดับสูงหลายคน หลังจากวันนั้นก็เกิดการระหองระแหงกันเรื่อยมา
“เพื่อนบ้านมาบอกว่าได้ยินหญิงคนดังกล่าวคุยกับลูกค้าที่มาทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านเขาว่าอย่าเข้าไปใช้บริการร้านดิฉันเด็ดขาดเพราะรังแกคนจน ไล่คนจนไม่ให้ทำมาหากิน แถมยังกล่าวหาดิฉันเสียๆ หายๆ อีกด้วย นอกจากนี้ได้พาชายฉกรรจ์มานั่งที่ร้านเขาและมองคล้ายคุกคามทำให้เกิดความกลัว” น.ส.นันท์นภัส กล่าว
น.ส.นันท์นภัส กล่าวอีกว่า จากนั้นเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมาเพื่อนได้โทรศัพท์มาบอกว่าอย่าเข้าไปที่ร้านเพราะเห็นมีชายกลุ่มดังกล่าวนั่งอยู่เกรงจะไม่ปลอดภัย เพราะตนทำหน้าที่ประกาศข่าวที่สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ที่บ้านเจ้าพระยา เลิกงานก็ประมาณตี 1 ของทุกวัน จึงไม่ไปนอนที่ร้าน 3 วัน และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้เอากระถางต้นไม้ไปวางไว้หน้าร้านเพื่อกันไม่ให้เขาเอาโต๊ะเก้าอี้มาขวางหน้าร้าน
“ดิฉันให้เขาขายของโดยที่ไม่เก็บค่าเช่า แต่ยังมาทำอย่างนี้อีก พฤติกรรมของเขาเป็นที่เอือมระอาของเพื่อนบ้านเพราะรู้กิตติศัพท์เขาดีว่าเป็นคนอย่างไร ใจจริงไม่อยากดำเนินการเช่นนี้เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน มีอะไรก็อะลุ้มอล่วยช่วยเหลือกันได้ แต่มาโดนเข้าอย่างนี้ ดิฉันยอมไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หลังลงบันทึกประจำวันแล้วจะนำไปให้เทศกิจดำเนินการกับเขาต่อไป” ผู้ประกาศข่าวสาวเอเอสทีวีกล่าว