“โฆษกมาร์ค” ตั้งวอร์รูมประสาน คตม.ติดตามสถานการณ์วันยึดทรัพย์ ยันไม่มีสมาชิก ปชป.เข้าร่วมฟังการตัดสิน ฉุน “จตุพล่าม” ป้ายสีเป็นคนสีม่วง โต้กลับดีกว่าเป็นศรีธนญชัย ย้ำรัฐบาลไม่เคยรู้ล่วงหน้าผลคำตัดสิน อย่าทึกทักเพื่อใส่ร้ายกระบวนการยุติธรรมกลั่นแกล้งพ่อแม้ว
วันนี้ (25 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ในวันตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท วันที่ 26 ก.พ.นี้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ คงจะเฝ้าติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวอยู่ที่พรรค รวมทั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์การเมืองพรรคประชาธิปัตย์ (วอร์รูม) จะมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์การณ์ตั้งแต่เวลา 10.00 น. และวอร์รูมจะติดตามสถานการณ์อย่างเข้มข้นตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.ไปจนกระทั่งสถานการณ์คลี่คลายลง ซึ่งวอร์รูมจะประชุมทุกวัน โดยจะเชิญผู้ใหญ่ในพรรคเข้าประชุมด้วย อาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค นายเทอดพงษ์ ไชยนันท์ ส.ส.สัดส่วน ซึ่งการทำงานของวอร์รูมจะประสานกับ คตม.ของรัฐบาล เพื่อให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกันและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ส.ส.พรรคส่วนใหญ่จะไม่มีใครไปสังเกตการณ์ที่ศาล มีเพียงคนเดียวคือนายบัญญัติ ที่เป็นนักกฎหมายจะเข้าไปร่วมฟังการตัดสินด้วย
นายเทพไทกล่าวต่อว่า ทางพรรคมีความเป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้มีคำแนะนำให้คน กทม. 3 เรื่อง คือ 1.คน กทม.ไม่ควรเข้าไปร่วมชุมนุมหรือสนับสนุนคนเสื้อแดง 2.คน กทม.จะต้องปกป้อง เฝ้าระวังชุมชนของตนเองไม่ให้มีมือที่ 3 หรือผู้ที่เข้าไปสร้างสถานการณ์เหมือนช่วง เม.ย.ที่ผ่านมา และ 3.คน กทม.จะต้องเป็นหูเป็นตาสังเกตการณ์สิ่งผิดปกติ และแจ้งให้เจ้าหน้าที่รับทราบ เพื่อป้องกันความรุนแรงเกิดขึ้น
นายเทพไทยังกล่าวตอบโต้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดงที่พาดพิงพรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาลว่า หากมีอะไรเกิดขึ้นใน 1-2 วัน รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบว่า เป็นการพูดป้องกันตนเองเหมือนกับว่าจะมีความผิดปกติเกิดขึ้น ดังนั้นยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่รับผิดชอบกับกับสิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอน แต่จะรับผิดชอบตามกรอบกฎหมายเท่านั้น ส่วนที่นายจตุพรระบุว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะไม่ซ้ำรอยเดือน เม.ย.นั้น ตนคิดว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้คนเสื้อแดงได้สรุปบทเรียนและข้อผิดพลาดของตัวเองอย่างเต็มที่จึงน่าหวาดกลัวว่า ถ้าเขาสรุปบทเรียนเดือน เม.ย.แล้วก็อาจจะยกระดับการชุมนุมให้รุนแรงกว่านั้นก็ได้ สำหรับคำประกาศที่ว่าการชุมนุม 7 วันแล้วไม่จบก็จะกลับไปตั้งฐานที่มั่นแล้วจะกลับมาชุมนุมต่อ จึงอยากเรียกร้องให้แกนนำว่าชุมนุม 7 วัน ไม่จบก็อยากให้สลายการชุมนุมและรักษาคำพูดของตนเอง เพื่อให้โอกาสกับชาติบ้านเมือง เพราะหากเคลื่อนไหวอีกเหมือนกับเป็นการเลี้ยงไข้ถือเป็นการทำลายประเทศชาติ
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนที่ใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ว่ารู้ล่วงหน้าถึงคำพิพากษาในคดยึดทรัพย์ ตนขอปฏิเสธว่ารัฐบาลไม่เคยเข้าแทรกแซงหรือยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม จึงไม่รู้ผลการตัดสินล่วงหน้า แต่พรรคเคารพดุลพินิจของผู้พิพากษา จึงเห็นว่าการกล่าวหาเช่นนี้ เพราะต้องการแสดงว่ากระบวนการยุติธรรมกลั่นแกล้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเป็นพวกเดียวกับรัฐบาลโดยโยงกับกลุ่มอำมาตย์ ถือเป็นการใส่ร้ายเพื่อหวังผลทางการเมือง รวมถึงกรณีที่กล่าวหาว่านายกฯ สั่งให้สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ชี้แจงเกี่ยวคดี เพราะเห็นว่าจำเป็นต้องชี้แจงของเท็จจริงให้ประชาชนรับทราบ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและเป็นเครื่องมือของบางกลุ่ม ที่ใช้สื่อใต้ดิน สื่อเทียมในการบิดเบือนข้อเท็จจริง
นายเทพไทกล่าวด้วยว่า ส่วนที่นายจตุพรกล่าวหาว่าตนเป็น “ตุ๊ด” เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ถือเป็นการดถูกหมิ่นศักดิ์ศรีเชิงชาย ตนไม่อยากพูดอะไรที่ไม่สุภาพ แต่อยากบอกนายจตุพรว่า เสียดายที่ญาติพี่น้องที่เป็นผู้หญิงของนายจตุพรแก่เกินไปเสียแล้ว แต่ไม่รู้สึกอะไรที่กล่าวหาว่าตนเป็น “ตุ๊ดหรือสีม่วง” เพราะถือเป็นการเสียดสีทางการเมือง แต่ขอให้นายจตุพรรู้ไว้ว่า “ไม่ว่าผมเป็นสีอะไร แต่คุณเป็นศรีธนญชัย”
นายเทพไทกล่าวอีกว่า กรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความเห็นถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า ไม่น่าจะนำรถปิกอัพจำนวน แสนคันเข้ามากทม.ได้ จนทำให้นายจตุพรโกรธเคืองนั้น ตนคิดว่าข้อมูลของ ร.ต.อ.เฉลิมน่าสนใจและเป็นข้อมูลที่อยู่บนฐานความจริง เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม และนายจตุพรอยู่พรรคเดียวกัน จึงน่าจะรู้ไส้รู้พุงกัน แต่นายจตุพรพยายามผลัก ร.ต.อ.เฉลิม ให้ออกมาอยู่คนละข้างตัวเอง