xs
xsm
sm
md
lg

นับถอยหลังยึดทรัพย์:"ทักษิณ (สำคัญผิด) ผู้บริสุทธิ์" (ตอน 3)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ซึ่งอัยการระบุไว้ชัดเจนว่า "ประเด็นการหย่าแล้วจะเป็นเหตุผลให้คุณหญิงพจมาน ยื่นคำร้องค้านและขอให้ศาลฎีกาฯสั่งแยกทรัพย์สินในส่วนของตัวเองออกจากส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่ได้ เพราะทั้งสองเคยให้การต่อ ป.ป.ช.ว่า ได้โอนขาดหรือโอนพราง หรือขายให้โดยมีค่าตอบแทนไปแล้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะต้องพิสูจน์ ส่วนคุณหญิงพจมาน อาจจะมาเป็นพยานให้ก็ได้ รวมทั้งการหย่าแม้จะทำให้ทั้งสองสามารถทำนิติกรรมเพียงลำพังได้ แต่ก็ไม่สามารถยื่นคำร้องของเพิกถอนทรัพย์สินที่ถูกอายัดไว้ได้"

นอกจากนี้ ยังมีข้อปลีกย่อย ที่ฝ่าย พ.ต.ท. ทักษิณพยายามที่จะถ่วงดุลคดียึดทรัพย์ ด้วยการให้นายตำรวจระดับสูงผู้หนึ่งออกมาให้ข่าวตอบโต้ว่า อาจจะดำเนินการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ให้การสนับสนุน เพื่อให้ ปปง.ดำเนินการยึดทรัพย์บ้าง แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะ ปปง.ระบุชัดเจนว่า ต้องยึดหลักข้อกฎหมายเป็นสำคัญ ส่วนจะให้ไปตรวจสอบ ทรัพย์สินของใคร เพื่อหวังผลทางการเมืองนั้น ปปง.จะไม่ดำเนินการ

ต่อมาเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 51 พ.ต.ท.ทักษิณให้ ทนายความยื่นคำร้องต่อศาลขอขยายเวลาคัดค้าน คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ออกไปอีก 30 วัน โดยอ้างว่า พยานหลักฐานของฝ่ายอัยการมีมาก ไม่สามารถยื่นคัดค้านได้ทัน ซึ่งศาลก็ปรานี ขยายเวลาให้ตามที่ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณร้องขอ แต่ครั้นถึงกำหนดเวลาที่จะฝ่ายพ.ต.ท.ทักษิณจะต้องยื่นคัดค้าน ก็กลับขอขยายเวลาออกไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ศาลไม่หลงกล โดยให้เหตุผลว่า ให้เวลามาพอสมควร แล้ว จึงให้เริ่มการพิจารณาคดีได้ ขณะเดียวกัน ฝ่ายคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ก็ให้ทนายความขอศาลขยายเวลาการยื่นคัดค้านออกไปอีกถึง 2 ครั้งเช่นกัน ซึ่งศาลก็ให้โอกาส

ครั้นวันที่ 20 ม.ค. 52 ทนายความได้ยื่นคำคัดค้านของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ โดยยืนยันว่า "เงินและหุ้นซึ่งถูกฟ้องนั้น ไม่ใช่ทรัพย์สินที่เป็นผลจากการกระทำผิดกฎหมาย แต่เป็นทรัพย์สิน ที่ได้มาก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะดำรงตำแหน่งทาง การเมือง"

หลังจากที่บุตรชายบุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นคัดค้านไปแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังไม่ละความพยายามที่ยื้อคดีให้ออกไปได้นานที่สุด โดยให้ทนายความ ยื่นคำร้องต่อศาลอีกครั้งว่า จะขอแถลงเปิดคดี ผ่านทางระบบการประชุมทางจอภาพ (VIDEO CONFERENCE) มาจากต่างประเทศ แต่ทว่า ศาลไม่อนุญาต โดยระบุว่า ไม่มีเหตุอันควร พร้อมทั้งสั่งให้จัดทำแถลงเปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษร ส่งต่อศาล ภายใน 15 วัน ก่อนนัดพิจารณาครั้งแรก ถัดมาอีกเพียงแค่วันเดียว หลังจากที่ศาลไม่อนุญาตให้ พ.ต.ท. ทักษิณ แถลงเปิดคดีผ่านระบบ VIDEO CONFERENCE ไปแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ยังพยายาม ขอให้ศาล มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้รับมอบอำนาจของตน เป็นผู้แถลง เปิดคดีด้วยวาจาอีก แต่ไม่สำเร็จ ศาลสั่งยกคำร้อง และสั่งทำคำแถลงเปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมทั้งนัดไต่สวนพยานฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งแรกในวันที่ 16 ก.ค.52

ในการไต่สวนพยานนัดแรก ฝ่ายพ.ต.ท.ทักษิณ ให้นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสน์ ทนายความ เบิกความคัดค้านเป็นคนแรก โดยระบุว่า คณะของ คตส. ที่ไต่สวนคดีนี้ มีพฤติการณ์เป็นปฏิปักษ์ต่อ พ.ต.ท. ทักษิณ ส่วนนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ขึ้นเบิกความเป็นลำดับที่ 2 ใจความสรุปว่า การโอนหุ้นชินคอร์ป ไปยัง "แอมเพิล ริช" ถูกต้องตามระเบีบบ ก.ล.ต.เงินที่ได้จากขายหุ้นเทมาเส็กบริสุทธิ์ ควรตกเป็นของผู้ถือหุ้นเดิม ทั้งยังระบุในตอนท้ายว่าครอบครัวชินวัตรไม่ได้รับความ เป็นธรรมในชั้นไต่สวนของคณะอนุกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้ผู้ถูกกล่าวหานำทนายความ และพยาน ซึ่งเป็นเครือญาติ เข้าให้การและรับฟังการ สอบสวน รวมทั้งอนุ คตส.ตั้งคำถามเพื่อ ให้พยานของครอบครัวชินวัตร ตอบอย่างที่ อนุ คตส. ต้องการ

อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานจากฟากของ พ.ต.ท. ทักษิณเอง ที่ยื่นหลักฐานการโอนขายหุ้นเทมาเส็ก ซึ่งถูกระบุว่า เป็นของนายพานทองแท้ กับ น.ส. พิณทองทานั้น แต่การเซ็นการโอนขายหุ้นดังกล่าว ที่ถูกนำไปยื่นต่อ ก.ล.ต. กลับปรากฏชื่อ T.SHINAWA TRA เป็นผู้เซ็น โดยเมื่อไล่ชื่อคนในตระกูล "ชินวัตร" แล้ว ชื่อภาษาอังกฤษของคนในตระกูลที่ขึ้นต้นด้วยตัว T มีเพียง "ทักษิณ ชินวัตร" คนเดียวเท่านั้น!

หลายฝ่ายหลายคนที่ขึ้นเบิกความเป็นพยาน ให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อไม่ให้ถูกยึดทรัพย์จำนวนมหาศาลในครั้งนี้ จนกระทั่งถึงคิวของน้องสาว น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นเบิกความยืนยันว่า ซื้อหุ้น จากพี่ชายด้วยตัวเอง ไม่ได้ถือหุ้นแทน ขายหุ้นได้เงินไปลงทุนปล่อยกู้ สร้างบ้าน ไม่ได้คืนให้พี่ชาย แต่กลับถูก คตส.อายัดถึง 337 ล้าน

ในตอนท้ายของการขึ้นเบิกความ น.ส. ยิ่งลักษณ์กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ โดยเธอระบุว่า "ตั้งแต่วันแรก ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตัดสินใจเข้ารับใช้ชาติ พี่น้องในครอบครัวต่างคัดค้านไม่อยากให้ลงมาเล่นการเมือง เพราะมีความกดดันมาก แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังยืนยันทำเพื่อชาติ จนกระทั่งวันที่ 19 กันยายน 2549 ถูกทหารปฏิวัติ จากคนที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ กลับถูกกล่าวหาว่า เป็นคนทุจริตคดโกง รวมไปถึงญาติพี่น้องไม่สามารถอยู่รวมกันได้อย่างอบอุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีแม้ที่อยู่ในประเทศ ดิฉันไม่ใช่นักการเมือง ยังถูกผลกระทบเล่นงาน นับตั้งแต่ที่พี่ชาย และครอบครัวถูกกล่าวหา ก็มีหมายเรียกให้ดิฉันไปเป็นพยาน แต่สิ่งที่ คตส.ทำแตกต่างกับคนอื่น ไม่ยอม ให้คนครอบครัวชินวัตรนำทนายความเข้าร่วม ดิฉันต้องถูกคน 7-8 คน รุมถามด้วยคำถามนำ อยู่นานถึง 9 ชั่วโมง หุ้นทั้งหมด พ.ต.ท.ทักษิณ มีก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งทางการเมือง และดิฉันก็ซื้อหุ้นนั้นมาด้วยความสุจริต คตส.ไม่เปิดโอกาสให้พิสูจน์ทรัพย์ การพิสูจน์ทรัพย์ จึงยังไม่สมบูรณ์หรือสิ้นสุด ขอศาลให้ความเป็นธรรมด้วย"

ถัดมาไม่นาน นายสมบูรณ์ คุปติมณัส ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และมูลนิธิไทยคม ในฐานะผู้คัดค้านที่ 17 ก็ขึ้นเบิกความ โดยยังระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และภริยา ขายหุ้นให้บุตรชายบุตรสาวและญาติ ก่อนที่จะเป็นนายก-รัฐมนตรี และแจ้งให้ ป.ป.ช.ทราบแล้ว ตั้งแต่ปี 2548 แต่หลังรัฐประหารกลับถูกเล่นงาน

ทนายความผู้นี้ ยังเบิกความแก้ต่างที่ คตส. ตั้งข้อกล่าวหาว่า มีการทำหลักฐานตั๋วสัญญาชำระหนี้ค่าซื้อหุ้นและเงินยืมค่าเพิ่มทุนย้อนหลังเพื่อแก้ข้อกล่าวหานั้นด้วยว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากตั๋วใบเดิมที่ลงสถานะว่าสั่งจ่ายให้ "นางพจมาน" สูญหายไป จึงได้จัดทำขึ้นใหม่และเปลี่ยนสถานะใหม่ว่าเป็น "คุณหญิงพจมาน" เท่านั้นแต่มูลค่าเท่าเดิม ส่วนที่ไม่แจ้งความ เพราะเห็นว่าตั๋วสัญญาลงชื่อให้คุณหญิงพจมานเพียงคนเดียวที่มาขึ้นเงินได้ หากเป็นคนอื่นก็จะต้องถูกจับติดคุก อีกทั้งหลักฐานทางการเงินไม่สามารถสร้างย้อนหลังได้

3 ก.ย.52 นายพานทองแท้ ชินวัตร ในฐานะ ผู้มีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกอายัดเดินทางเข้า เบิกความ ยืนยันการซื้อขายหุ้นถูกต้อง มีการชำระเงินจริง ไม่ได้เป็นนอมินีถือหุ้นแทนผู้บังเกิดเกล้า ทั้งยังเบิกความสรุปว่า การไต่สวนของ คตส.มักใช้คำถาม ชี้นำ เมื่อยังตอบไม่จบ ก็มักสรุปว่า อย่างนั้นอย่างนี้

ถัดมาอีก 12 วัน เป็นคิวการขึ้นเบิกความของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ในฐานะพยาน โดยยืนยัน ถึงเรื่องขายหุ้นให้ "พานทองแท้ ชินวัตร และบรรณ-พจน์ ดามาพงศ์" เป็น ซื้อขายกันจริงไม่มีอำพราง ทั้งยังเบิกความในตอนท้ายด้วยว่า "ไม่เห็นด้วยที่ พ.ต.ท. ทักษิณ จะลงเล่นการเมือง แต่ก็ไม่สามารถคัดค้านได้ ไม่เคยมอบเงินสนับสนุนพรรคพลังธรรมและไม่ทราบ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีข้อตกลงอะไรพิเศษหรือไม่ หลัง พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นตำแหน่ง ต่อมาเมื่อปี 2544 พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มาขอเงินพยานและก่อตั้งพรรค ไทยรักไทย แม้พยานจะเป็นผู้สนับสนุนให้เงินบริจาคพรรคไทยรักไทย แต่ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับ การบริหารพรรค ไม่มีตำแหน่งใดๆ ในพรรค และไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการ บริหารราชการในฐานะภริยา ของผู้ดำรงตำแหน่งทาง การเมืองแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังไม่เคยได้รับผลตอบแทนใดขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณบริหารราชการแผ่นดิน ภายหลังพยานและ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้จดทะเบียนหย่ากันที่ฮ่องกง โดยทำข้อตกลงกันว่าทรัพย์สินที่มีชื่อใคร ก็ให้บุคคลนั้นไป ส่วนที่มีข่าวว่าประเทศอังกฤษได้อายัดทรัพย์ พ.ต.ท. ทักษิณ กว่า 100,000 ล้านบาทนั้นไม่เป็นความจริง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีทรัพย์สินในต่างประเทศ ส่วนบ้านพักในประเทศอังกฤษมูลค่า 200 ล้านบาทนั้นเป็นของพยาน"

การไต่สวนพยานฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณใช้เวลา นานร่วม 4 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.2552 ซึ่งการสืบพยานศาลกำหนดนัดไต่สวนสัปดาห์ละ 2 วัน โดยพยานที่ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ นำเข้าไต่สวน มีจำนวนกว่า 30 ปาก ซึ่งพยานหลักคือผู้มีชื่อเป็น เจ้าของทรัพย์สิน รวม 22 ราย ประกอบด้วยบุคคล ในครอบครัว อาทิ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ, นายพานทองแท้, น.ส. พิณทองทา บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรม คุณหญิงพจมาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ และพยานอื่น เช่น นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสน์ ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็น ผู้รับมอบอำนาจในการยื่นคำให้การคดีต่างๆ, นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน และ นายสมบูรณ์ คุปติมนัส ผอ.อาวุโสฝ่ายกฎหมายบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเคยเป็นผู้รับมอบอำนาจ คุณหญิงพจมาน ยื่นซองประมูลซื้อที่ดินรัชดาภิเษก รวมทั้ง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายก-รัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ
กำลังโหลดความคิดเห็น