xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นดีวันดีคืน ปธ.หลักทรัพย์ “กิมเอ็ง” ไม่เชื่อ “แม้ว” มีค่ากระเทือน ศก.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปธ.หลักทรัพย์ “กิมเอ็ง” แจงภาวะตลาดทุน คาดคดียึดทรัพย์ “นช.ทักษิณ” ไม่ส่งผลกระทบ หากสถานการณ์ยังนิ่ง ไม่มีเหตุวุ่นวาย เผยขณะนี้ตลาดหุ้นดีวันดีคืน นักลงทุนทยอยเข้ามาหนาตา หลังประเมินสถานการณ์ไม่น่ากลัว เชื่อ หลังคำพิพากษา แม้ “เสื้อแดง” ไม่หยุดป่วน กระแสก็ไม่แรง เพราะเป็นเพียงกลุ่มคนที่มีความผูกพันหรือต้องตอบแทนบุญคุณ “แม้ว” ไม่ได้เกิดจากอุดมการณ์


วานนี้ (22 ก.พ.) นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ผ่านรายการ ฅ.คอข่าวเศรษฐกิจ ซึ่งมี อ.สุนันท์ ศรีจันทรา และนายกานต์ จอมอินตา เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยนายมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์ตลาดทุนใกล้วันตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าตอนนี้กลุ่มสถาบันการเงินเริ่มทยอยเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากได้ประเมินสถานการณ์แล้วพบว่า ไม่น่ากังวลอย่างที่คิด ดังนั้น คาดว่าคงมองว่าหากจะรอให้ผลการตัดสินคดียึดทรัพย์ออกมาก่อนแล้วค่อยลงทุน จะเป็นการช้าเกินไป เวลานี้จึงเห็นการทยอยเข้ามาลงทุน

นายมนตรีกล่าวต่อว่า สถานการณ์ในตลาดหลักทรัพย์ตอนนี้ถือว่าน่าพอใจ เพราะหากสังเกตดูจะเห็นไม่ได้ติดลบอย่างที่กังวล อีกทั้ง ปรับตัวบวกต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หากยังคงดำเนินเช่นนี้ไปเรื่อยๆ คิดว่าไม่มีสัญญาณอะไรน่ากลัว ตอนนี้ แนวโน้มหุ้นสภาพดีขึ้นเรื่อยๆ

นายมนตรีกล่าวอีกว่า จุดที่น่าวิเคราะห์มีอยู่ 3 ด้าน คือ หากมองในเชิงการเมือง คือจะมีกลุ่มกระแสประชาชนเป็นตัวแปร โดยยึดเอาวันที่ 26 ก.พ.นี้ ที่กระบวนการยุติธรรมจะตัดสินคดีดังกล่าว ตนคิดว่า หากเมื่อไหร่ที่ศาลตัดสิน แล้วอีกฝ่ายรับได้ ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าหากตรงกันข้ามถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมรับ ก็จะเกิดเหตุป่วน

“กระบวนการศาลเห็นชัดว่า ทุกฝ่ายได้ไปให้การต่อศาลเต็มที่ เพราะฉะนั้น เท่าที่ดู หากได้ฟังการรวบรวมหลักฐานและเหตุผล ก็เชื่อว่าจะทำให้เกิดความยุติธรรมได้ เท่าที่ดูกลุ่มแรก คือ กลุ่มกระแสของมวลชน ยังไม่เห็นสัญญาณของการตั้งป้อมแบ่งพรรคแบ่งพวก เท่ากับว่า ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ยังไม่มีสัญญาณของการไม่ยอมรับ โดยคนส่วนไม่น้อยทีเดียวพร้อมจะเปิดใจยอมรับฟังของศาล ส่วนกลุ่มที่ 2 เท่าที่เห็นสัญญาณ พบสิ่งแปลกๆ คือ ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน เริ่มแตกคอกันหลายคู่ เท่าที่ดูสภาพแล้ว ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หรือศูนย์รวมของฝ่ายดังกล่าวจะเริ่มอ่อนแรง จึงทำให้คุมกันไม่อยู่ เพราะฉะนั้น ทำให้หลายคนวิเคราะห์และทำให้คลายกังวลไปบ้าง ฉะนั้น ถ้าดูจากเรื่องกระแสมวลชน หรือการยอมรับในสังคมที่จะรอรับฟังคำพิพากษา และดูในกลุ่มด้าน ส.ส. คิดว่าหลายๆ อย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี” นายมนตรี กล่าว

นายมนตรีกล่าวต่อว่า อีกด้านหนึ่งที่มีความเป็นไปได้ คือ การก่อการร้าย ซึ่งบอกได้ว่า ถ้าหากคิดจะสร้างความเสียหายด้วยวิธีนี้ ถือว่าเป็นวิธีที่ใช้ต้นทุนต่ำที่สุด เพราะเป็นการสร้างกระแสได้ต่ำกว่าการรวบรวมมวลชน ยิ่งเวลานี้ต้องชมคนไทยว่าเก่งขึ้นเยอะ เพราะไม่ขี้กลัวอะไรเหมือนที่ผ่านมา แม้ว่าจะเจอสถานการณ์คับขัน แต่เวลานี้คนไทยหัวใจเข้มแข็งมากขึ้น ดังนั้น ประเด็นการก่อร้ายจึงไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากตนคิดว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยรักประเทศไทย ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่ต้องทำเช่นนั้น ดังนั้น ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าจินตนาการไปไกลขนาดนั้น

นายมนตรีประเมินสถานการณ์หลังวันที่ 26 ก.พ. หากกลุ่มคนเสื้อแดง ยังไม่หยุดป่วนว่า ความพยายามของกลุ่มคนเสื้อแดงมีมาตลอด แต่กระแสความรู้สึกของคนมันไม่คล้ายกับตอนเรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อเดือนตุลาฯหรือช่วงพฤษทมิฬ ในอดีต เพราะมันเป็นเพียงกระแสของความผูกพันหรือบุญคุณส่วนบุคคลที่เคยมีบางกลุ่ม ซึ่งให้ประเมินก็จะเห็นว่าไม่ได้เข้มแข็งอะไรมากมาย เนื่องจากไม่ได้เป็นเรื่องอุดมการณ์จริงๆ ฉะนั้น ผลพิพากษาน่าจะทำให้กำลังของฝ่ายดังกล่าวอ่อนลง หากออกมาเป็นในแง่ลบ

นายมนตรีฝากทิ้งท้ายถึงนักลงทุนว่า ที่เคยคิดว่าจะรอดูสถานการณ์ไปก่อน ตอนนี้ตนอยากให้ลองควักกระเป๋าเอาทุนออกมาซื้อหุ้นได้บ้างแล้ว และถ้าหากมีสถานการณ์อะไรแรงๆ ก็ค่อยเลือกเก็บไว้บ้างส่วน เพราะตอนนี้ถ้าหากพิจารณาจากปัจจัยบวกหลายด้าน ทั้งจีดีพี ก็ดีเกินคาด ออกมาถึง 5.7% ทั้งที่ตลาดคาดไว้ที่ 4% อีกทั้งตัวเลขด้านการส่งออกหรืออะไรต่างๆดีหมด ดังนั้น ไม่มีปัจจัยที่ไม่น่าลงทุน
กำลังโหลดความคิดเห็น