“สุเทพ” ควง “บิ๊กป๊อก” ไปยะลา ดูตามความคืบหน้าแก้ปัญหาไฟใต้ รับหนักใจใช้ GT200 ไม่ได้แล้วจะเอาอะไรมาใช้แทน แต่ถ้าเจ้าหน้าที่อยากใช้ก็ใช้ไปก่อน ยอมรับมีหรือไม่มีก็เสี่ยงพอๆ กัน โยน “คุณหญิงกัลยา” ตัดสินจะลงไปแจงเมื่อไหร่ ยันปัญหาไม่ได้อยู่ที่เครื่องมือเก๊ แต่ต้องเร่งสร้างศรัทธาให้รัฐ ด้าน “เฮียเถิก” ปัดแถลงโต้หวังงัดข้อ “มาร์ค” ยันไม่มี ผบ.ทบ.ส่งส่วย “ป๋าเปรม” เดือนละ 2 แสน
วันนี้ (19 ก.พ.) ที่ ขส.ทบ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางลงพื้นที่ จ.ยะลา เพื่อตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนายสุเทพกล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้เป็นการติดตามงานตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างชัดเจน ตามแนวทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานไว้ สิ่งที่รัฐบาลนี้ทุ่มเทลงไป คือ เรื่องการพัฒนา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต มาตรฐานการเป็นอยู่ของประชาชน และที่พิเศษคือ ประชาชนในภาคใต้จะต้องมีอาชีพที่สร้างรายได้ที่พอเพียง สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ตามแผนงานที่รัฐบาลวางไว้ประชาชนในพื้นที่จะต้องมีรายได้ ไม่น้อยกว่าครอบครัวละ 120,000 บาท นี่คือเหตุผลที่รัฐบาลได้วางมาตรการ ตามแผนงานของรัฐบาลหรือไม่
นายสุเทพกล่าวอีกว่า ส่วนใหญ่เป็นงานด้านการเกษตร ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ทำประมง แต่มีประชาชนบางส่วนที่เราต้องดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะประชาชนที่ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง ไม่มีความสันทัดจัดเจน รัฐบาลก็แก้ไขด้วยโครงการทำดีมีอาชีพ ให้กระทรวงแรงงานอบรมวิชาชีพ เช่น ช่างเครื่องยนต์ ช่างไม้ หรือผู้ให้บริการอย่างอื่น ทั้งนี้ยังไม่มีอะไรต้องปรับแผนการทำงาน แต่ต้องเร่งรัด เพราะเราผ่านครึ่งทางของปีงบประมาณ อย่างเช่น การปลูกพืช ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ต้องมีการเตรียมดิน เตรียมพันธุ์ เรียบร้อยสามารถปลูกได้ทันหน้าฝนนี้
ส่วนการตรวจสอบช่องทางในการก่อการร้าย นายสุเทพกล่าวว่า นี่ก็เป็นปัญหา เมื่อก่อนเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่ลงไปตรวจเยี่ยมเขาจะขอเครื่องจีที 200 เพราะมีความเชื่อว่าสามารถใช้คนหาวัตถุระเบิดได้ วันนี้พอมีปัญหาก็ชักจะหนักใจเหมือนกันว่าคนในพื้นที่จะเอาเครื่องมืออะไรมาใช้แทน อย่างไรก็ตาม เราต้องหนักแน่น เมื่อก่อนไม่มีเครื่องมือชนิดนี้เรายังพอทำงานกันไปได้ ต้องใช้ความสามารถของคน การฝึกฝนที่เข้มงวด ต้องไปปรึกษากัน
“ที่จริงผมไม่ต้องตอบปัญหานี้ เพราะเป็นเรื่องของการปฏิบัติ แต่อะไรก็ตามที่ผู้ปฏิบัติยังคิดว่าเขาสามารถพึ่งพาอาศัยได้ในการทำงาน และไม่ทำให้เราต้องใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้นเราก็ควรจะให้เขาดำเนินการไป แต่ทั้งหมดไม่ใช่หน้าที่ของผมในการตัดสินใจ”
เมื่อถามว่า เป็นการเอากำลังพลไปเสี่ยงหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เป็นคำถามที่ดี ต้องถามว่าถ้าไม่มี กำลังพลจะเสี่ยงหรือไม่ มันก็เหมือนกัน เมื่อถามอีกว่าจะเป็นการสบช่องให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบวางระเบิดมากขึ้นหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ต้องพยายามหาทางแก้ไขปัญหามันมีอยู่เรื่อย เรามีหน้าที่ต้องแก้ปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ตอนนี้เองมีกระบวนการผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่มากขึ้น นายสุเทพกล่าวว่า ธรรมดาที่เมื่อเราพยายามปิดจุดอ่อน ฝ่ายตรงข้ามก็จะโหมกระพือ เราต้องแก้ไขตั้งรับให้ได้ เมื่อถามว่า ทาง พล.อ.กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ปรึกษานายกฯ เปิดเผยว่ามีกระบวนการอาฟตาขึ้นมาเป็นกองกำลังทหารมาต่อสู้ นายสุเทพกล่าวว่า ภาคใต้มีคนเข้าใจว่าตัวเองมีความรู้มีความเข้าใจสถานการณ์ แต่คนที่รู้จริงคือคนที่ปฏิบัติอยู่ตอนนี้ เพราะฉะนั้น ตนก็ยอมรับฟังทุกฝ่าย แต่จะให้น้ำหนักกับผู้ที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ในปัจจุบันมากเป็นพิเศษ
เมื่อถามว่า ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จะลงไปให้ความรู้เรื่องจีที 200 แก่ผู้ปฏิบัติในพื้นที่ภาคใต้จะลงไปเมื่อไหร่ นายสุเทพกล่าวว่า แล้วแต่คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมว.วิทยาศาสตร์ฯ จะลงไปเมื่อไหร่ เท่าที่ฟังคือจะลงไปในวันอังคาร คิดว่าเราอย่าไปให้ความสำคัญกับประเด็นนี้
“ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้อยู่ที่เครื่องจีที 200 มันอยู่ที่ทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนมีความเชื่อมั่นแล้วมีความศรัทธาในรัฐบาล และเห็นว่าการดำรงชีวิตอยู่ภายใต้พระบารมีร่วมกับพี่น้องประชาชนคนไทยอื่นๆ เป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดแล้ว ให้เขาได้ปลอดภัย มุ่งไปตรงนั้นมากกว่า เรื่องปลีกย่อยไม่ใช่สาระ” นายสุเทพกล่าว
เมื่อถามย้ำว่า ถ้าผู้ปฏิบัติเสี่ยงภัยกับอาวุธที่ไม่มีประสิทธิภาพ รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า มีบ่อยไม่เฉพาะประเทศไทย เวลาเขาตัดสินใจซื้อเครื่องมือ เครื่องใช้ก็มี ต้องว่ากันไปตามระบบระเบียบ ต้องดูว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไร
ด้าน ผู้บัญชาการทหารบกออกมาตำหนิสื่อแปลนัยการแถลงข่าวเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 ว่าไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยยืนยันว่าไม่ได้ขัดแย้งกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และกองทัพยอมรับผลทดสอบของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หากพบการทุจริตจะตรวจสอบ
นอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ยืนยันด้วยว่า ที่ผ่านมาไม่มีผู้บัญชาการทหารบกจ่ายเงินให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เดือนละ 200,000 บาท ตามที่กลุ่มคนเสื้อแดงกล่าวหา อีกทั้งเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องดำเนินการ และไม่มีงบประมาณในส่วนนี้
