"คำนูณ" จี้ รบ.ป้อง "ป๋า" แฉ แดงอีสานเตรียมบุก-โฆษก ปชป. ชี้ คนไทยรู้ทันแผนชั่ว "ทักษิณ"

"คำนูณ" จี้รัฐป้อง "ป๋า" เรียกสรรพากรชี้แจงเรื่องภาษี แฉ "แดงอีสาน" นัดบุกกรุงฯ 28 ก.พ.นี้ โชว์ความถ่อยพร้อมเสื้อแดงทั่วสารทิศ ด้าน "โฆษก ปชป." ยัน รบ.ไม่นิ่งนอนใจขบวนการให้ร้าย "ป๋า" เผย  หลักฐานพอจัดการ "เสธ.ถ่อย" สั่งยิงพันธมิตรฯ เชื่อ "GT 200" จุดชนวนขัดแย้งกองทัพ ขณะที่แผนชั่ว "แม้ว" คนไทยรู้ทัน หลังอดีตนายกฯ เปลือยธาตุแท้ผ่านไทมส์ ออนไลน์


 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "คนในข่าว" 

นายคำนูณ กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันว่า ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ขณะนี้คาดเดาได้ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากท่าทีของแกนนำคนเสื้อแดงไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะรบขั้นแตกหักเมื่อไหร่หรือวันไหน แต่โดยปกติการรวบรวมกำลังพลให้ได้คนเรือนแสน จำเป็นต้องมีขั้นตอนหลายอย่าง ตอนนี้ตนก็ได้ข่าวว่าในภาคอีสานมีการระดมคนและนัดหมายกัน โดยถือฤกษ์วันที่ 26 ก.พ. ในการเคลื่อนพลมากรุงเทพฯ เพื่อมาสมทบกับคนเสื้อแดงจากจังหวัดต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะมาพร้อมกันทั้งหมดวันที่ 28 ม.ค.นี้ และอยู่ยาวจนถึงช่วงต้นเดือนมีนาคม ประมาณวันที่ 2

นายคำนูณ กล่าวต่อว่า สำหรับเมื่อเข้ามาแล้ว สถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ก็ต้องพิจารณาจากจำนวนคน เพื่อประเมินยุทธศาสตร์ ซึ่งอาจมี 2 อย่าง คือ เข้ามาเพื่อให้เกิดการกระทบกระทั่ง หรือเข้ามาแล้วไม่เกิดอะไร ชุมนุม 3 วันจบ จากนั้นไปสู้ต่อในสภา แต่ตอนนี้น่าจับตามองเรื่องความขัดแย้งในหมู่คนเสื้อแดง รวมทั้งพรรคเพื่อไทย ซึ่งตนได้ทราบข่าวมาว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า “โปลิสบุโร” ชั้น 33 ตึกชินวัตร อยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็จะหมายถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช ดังนั้น ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น จึงดูชัดเจนกว่าที่ผ่านมา ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นแผนแบบอีแอบหรือบัวบังใบกันหรือไม่ แต่เท่าที่ตนสังเกต น่าจะเป็นการถ่วงให้เกมนอกสภาผ่านไปก่อน เพราะบางทีอาจรู้อยู่แล้วว่า ไม่ต้องง้อ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นผู้นำซักฟอกรัฐบาล เนื่องจากการอภิปรายในสภาอาจไม่เกิดขึ้น

นายคำนูณ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ต้องกลับมาดูที่ความขัดแย้งของแกนนำคนเสื้อแดง ที่ปัจจุบันดูแตกแยกกันในแนวทางการต่อสู้ โดยถ้าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ รัฐบาลค่อนข้างได้เปรียบฝ่ายตรงข้าม และตั้งรับวางเกมได้ดีกว่า ทำให้การชุมนุมคนเสื้อแดง แม้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ได้มีพลังมากขึ้น แต่จุดที่ตนรู้สึกไม่สบายใจ คือ ภาพนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ออกมาแถลงข่าวเรื่อง GT 200 ในแนวทางที่สวนทางกัน โดยขณะนี้ต้องอย่าลืมว่า รัฐบาลกำลังจะรับศึกครั้งใหญ่ที่ต้องอาศัยความได้เปรียบ แต่เวลานี้กลับมีร่องรอยความขัดแย้งบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ รัฐบาลจะมองข้ามไปไม่ได้

"องค์ประกอบของรัฐบาลชุดนี้มาจาก 2 ส่วน คือ พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจะปฏิเสธไม่ได้ว่านายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล มีความสนิทชิดเชื้อกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ดังนั้น ผมจึงไม่ค่อยสบายใจ เพราะตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้จะหาแผนเผด็จศึกชัดเจนไม่ได้ แต่ถ้าหากรัฐบาลยังมีตัวแปรอื่นเข้ามาอีก ก็อาจเกิดรอยร้าวใหม่ขึ้น ฉะนั้น รัฐบาลต้องรีบกำจัดแผนดังกล่าว" นายคำนูณ กล่าว

นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงสถานการณ์สุ่มเสี่ยงตอนนี้ ว่า ความไม่ปกติในสถานการณ์ช่วงนี้ ต้องยอมรับค่อนข้างมีความสับสน ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวโดยจุดกระแสว่าจะมีคนจำนวนมากไปร่วมชุมนุม หรือจะเป็นประเด็นก่อความรุนแรง ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจะต้องสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน โดยมองว่าเป็นสถานการณ์ที่มีมากกว่า 2 ฝ่าย แต่ถึงอย่างไร ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะรักษาความสงบของบ้านเมือง และรักษาสถาบันหลักของประเทศไม่ให้ถูกทำลาย

"แม้ว่าจะเกิดความสับสนอยู่บ้าง แต่ผมคิดว่าสังคมไทยได้เรียนรู้อะไรเยอะมากจากเหตุการณ์เมื่อช่วงเดือนเมษาฯเลือด ที่เกิดความรุนแรง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวแปรให้การสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองไม่สำเร็จ แม้จะมีการโยนความผิดหรือปัดความรับผิดชอบ แต่ผมมองว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นหากจงใจหรือสนับสนุนให้เกิด ตรงนี้ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีมือที่ 3 แน่ เกมนี้เป็นการใช้คนจำนวนน้อยมากดดัน เพื่อสร้างสถานการณ์ป่วน" นพ.บุรณัชย์ กล่าว

นพ.บุรณัชย์ กล่าวต่อว่า นายอภิสิทธิ์ ยืนยันจะไม่ใช่กำลังหรือความรุนแรงในการใช้อาวุธ แต่ทั้งนี้ หากมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีใช้ความรุนแรง เพื่อนำไปสู่สถานการณ์วุ่นวาย บางทีรัฐบาลก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนรับมือใหม่ ส่วนที่มีหลายฝ่ายออกมาเป็นห่วงเรื่องความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ ตรงนี้ไม่น่าเป็นห่วง เพราะหน้าที่รัฐบาล ก็ต้องดูแลชีวิตเจ้าหน้าที่ที่ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้อยู่แล้ว ดังนั้น ประเด็นที่เกิดขึ้น อาจมีการจัดหาอุปกรณ์เสริมใหม่ไปให้แก่เจ้าหน้าที่ แต่ไม่ว่าอย่างไร ตนเชื่อว่ารัฐบาลกับกองทัพ ไม่น่าจะผิดใจกันเรื่องนี้ เนื่องจากเรื่องชาติบ้านเมืองสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด รวมทั้ง ตนคิดว่าประชาชนก็ต้องการเห็นเอกภาพเกิดขึ้นในรัฐบาลและกองทัพด้วย

"ผมคิดว่ารัฐบาลและกองทัพทุกฝ่ายแยกแยะเรื่องส่วนตัวกันได้ โดยเรื่อง GT 200 ไม่น่าจะเป็นชนวนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่หลายฝ่ายกังวล" นพ.บุรณัชย์ กล่าว

นายคำนูณ กล่าวถึงเสถียรภาพรัฐบาลว่า ต้องยอมรับว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ไม่สามารถกุมสภาพได้ทั้งหมด และมีความแตกต่างกับพรรคร่วมรัฐบาล อย่างเช่นพรรคภูมิใจไทย ซึ่งแกนนำมีความใกล้ชิดกับผู้นำทหาร ดังนั้น ตนอยากให้นายกรัฐมนตรี หาทางคุยกับ พล.อ.ประวิตร เพื่อหาแผนปฏิบัติแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพราะตนไม่อยากให้ปัญหานี้มันต่อเนื่อง ด้วยเรื่องการใช้ GT 200

นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่า นับวันแกนนำเสื้อแดงเริ่มเปิดไพ่โจมตีเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยข้อมูลที่เปิดเผยออกมาล้วนแล้วแต่เป็นความเท็จ ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวหาอย่างโคมลอยว่า พล.อ.เปรม อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 หรือจะเป็นการโจมตีกระบวนการยุติธรรม เพื่อสร้างเงื่อนไขให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะ การกระทำของบุคคลหนึ่ง ที่เคยเตือนจะเกิดเหตุยิงพันธมิตรฯ แล้วก็เกิดเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ ตนคิดว่ากรณีนี้ เพียงพอที่จะดำเนินการตามกฏหมายได้ และขอยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ให้สิทธิพิเศษใดๆ เพราะถือว่าเป็นแนวทางของพวกผู้ก่อการร้าย โดยตอนนี้รัฐบาล มีมาตรการรับมือสถานการณ์ป่วน ด้วยการจัดกำลังรักษาความปลอดภัยในจุดสำคัญ รวมถึง การชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย

นายคำนูณ กล่าวถึงประเด็นการโจมตีประธานองคมนตรี ต่อว่า สิ่งเหล่านี้คนเสื้อแดงทำมานานแล้ว โดยคนบางกลุ่มมีความคิดเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในหมวดสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเรื่องนี้ตนเคยกล่าวไปเยอะแล้ว ซึ่งตนรู้สึกเห็นใจ พล.อ.เปรม ที่ต้องทนแบกรับสถานการณ์เช่นนี้ เพราะดูเหมือนไม่มีใครคอยออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงเลย ทั้งที่ตำแหน่งประธานองคมนตรี ดูเหมือนว่าจะสูงส่ง แต่จริงๆแล้วก็ไม่มีอภิสิทธิ์เหนือผู้คนธรรมดา เพราะไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานตามฏหมาย ดังนั้น ในเมื่อปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นกับประธานองคมนตรี กรมสรรพากรทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ออกมาชี้แจงข้อมูล หรือต้องให้ พล.อ.เปรม เดินไปแจ้งความที่โรงพัก หรือเปิดบ้านสี่เสาเทเวศน์แถลงข่าว

นพ.บุรณัชย์ กล่าวประเด็นนี้ ตนยืนยันว่ารัฐบาลทำทุกอย่างตามที่เคยรับปากประชาชน โดยจุดยืนเดิมคือการปกป้องสถาบันชาติ ยังคงอยู่เสมอ ส่วนประเด็นการโจมตี พล.อ.เปรม เรื่องนี้เป็นการโกหกใส่ร้าย โดยเฉพาะเรื่องการเสียภาษี ก็ถูกแต่งเรื่องขึ้นมาโจมตี ซึ่งรัฐบาลจะรักษาคนดีของประเทศที่รับใช้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเด็ดขาด ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าว คนไทยส่วนใหญ่รับไม่ได้อยู่แล้ว ตั้งแต่ตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์พาดพิง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านทางไทมส์ ออนไลน์ หรือจะเป็นประเด็นการสร้างความเชื่อต่างๆ สิ่งเหล่านี้เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่รับรู้อยู่แล้วว่ามันไม่จริง