“สาทิตย์” เพิ่งตื่น!! เร่งตำรวจสอบมือผลิตคลิปตัดต่อเสียงนายกฯ ซัดช่องแดงถ่อยนำมาเปิดหวังปลุกระดม เตือนสื่อระวังถูกม็อบยึดสถานี แย้มมีแผนรองรับแล้ว โคตรชักช้าเล็งแจงคดียึดทรัพย์ออกทีวีสัปดาห์หน้า ไล่ “เฉลิม” ดูสื่อตัวเองก่อนกล่าวหาชาวบ้าน แขวะชอบด่าเสร็จแล้วสะบัดก้นหนี “ปณิธาน” วอนประชาชนอย่าเชื่อคลิปเสียงปลอม
วันนี้ (18 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะนำคลิปเสียงตัดต่อของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งอ้างว่าได้สั่งการให้ใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงออกอากาศ ผ่านสถานีโทรทัศน์ของคนเสื้อแดงว่า ได้มีการตรวจสอบใน 2 ประเด็น คือ 1.เรื่องที่มีการตัดต่อคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรี โดยให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการแล้ว และได้รับความเห็นทางกฎหมายในเบื้องต้น ซึ่งรัฐบาลได้เร่งรัดให้ดำเนินการทางกฎหมายโดยด่วน เพราะรู้มาว่ามีความตั้งใจที่จะเอากรณีนี้ไปปลุกระดม และ 2.การนำเรื่องนี้ไปเผยแพร่ในโทรทัศน์ของคนเสื้อแดง โดยแผนงานของความมั่นคงมีการศึกษาอยู่แล้ว หากมีการใช้ข้อมูลเท็จที่ผิดกฎหมายไปเผยแพร่ก็มีความผิด ดังนั้นจึงต้องไปตรวจสอบ และถ้าพบความชัดเจนว่าผิดก็ต้องดำเนินการ ส่วนจะผิดถึงขั้นไหนนั้นต้องดูว่าถ้อยคำที่ใช้ประกอบในการนำคลิปเสียงตัดต่อที่ผิดกฎหมายไปใช้นั้นมีจุดมุ่งหมายอะไร ถ้าเป็นการใส่ร้ายตัวบุคคลก็จะเป็นคดีหมิ่นประมาท หรือถ้านำไปปลุกระดมก็ผิดกฎหมายเช่นเดียวกับเมื่อเดือน เม.ย.ปี 52 ทั้งนี้ ทาง สตช.กำลังดำเนินการสืบสวนสอบสวนอยู่ว่าเป็นฝีมือใครที่ตัดต่อ ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) ก็ได้เร่งรัดในเรื่องนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตถึงการนำออกมาเผยแพร่ซ้ำอีกครั้งในช่วงก่อนที่จะมีการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า ขณะนี้คนเสื้อแดงแตกแยกความคิดเป็นหลายกลุ่ม แต่กลุ่มที่ต้องการความรุนแรงก็จะใช้แผนการปลุกระดมให้เกิดความฮึกเหิม ดังนั้นรัฐบาลต้องกำจัดเงื่อนไขในการนำไปสู่การสร้างสถานการณ์ให้บานปลาย ส่วนนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้เสียหายจะฟ้องหมิ่นประมาทหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี แต่ตนต้องหารือกับนายกฯอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้นายกฯ เองเคยชี้แจงไปแล้วย่างชัดเจน แต่เมื่อมีการเผยแพร่ซ้ำอีกก็ต้องเข้มงวด อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าแม้คนส่วนใหญ่จะรู้ว่าคลิปนี้ถูกตัดต่อมา แต่คนส่วนหนึ่งก็อาจจะยังไม่รู้ข้อเท็จจริงเพียงพอ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาได้
นายสาทิตย์กล่าวอีกว่า คตม.ได้ประเมินสถานการณ์ว่าช่วงนี้ต้องระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร เพราะอีกฝ่ายพยายามใช้ข้อมูลข่าวสารที่สร้างเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การนัด ชุมนุมที่รุนแรง ดังนั้นรัฐบาลได้แนะนำทุกฝ่ายว่า การสื่อสารของรัฐช่วงนี้ต้องให้ข้อมูลที่แท้จริง ซึ่งในสัปดาห์หน้ารัฐบาลจะทำมากขึ้น คือ ต้องทำให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมโดยศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่จะตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นมีกระบวนการพิจารณาอย่างไร โปร่งใส ยุติธรรมอย่างไร สามารถหักล้างได้อย่างไร เพื่อป้องกันการบิดเบือนหรือไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล
สำหรับกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่า สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 บิดเบือนในการนำเสนอข่าวนั้น นายสาทิตย์กล่าวว่า คนเสื้อแดงมีเป้าหมายเรื่องสื่อสารมวลชนอยู่แล้ว ขอเตือนสื่อทุกแขนงด้วยว่าต้องระมัดระวัง ทั้งนี้ในส่วนของกรมประชาสัมพันธ์นั้น ตนได้ประชุมผู้บริหารแล้ว มีแผนรองรับสถานการณ์ในภาวะวิกฤตแล้วหากมีการไปบุกยึดสถานีวิทยุและโทรทัศน์ต่างๆ ของกรมประชาสัมพันธ์ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพราะรัฐบาลสั่งให้ช่อง 11 นำนักวิชาการมาแสดงความเห็นชี้นำในคดียึดทรัพย์นั้น นายสาทิตย์กล่าวว่า ความจริงเป็นเพราะพรรคเพื่อไทยไม่ดูตัวเอง ไปร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงตลอดมาในการใช้ข้อมูลที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน ดังนั้น หน้าที่ของรัฐคือให้ข้อเท็จจริงต่อประชาชนในกระบวนการยุติธรรมว่ามีการพิจารณาอย่างไร และให้ข้อเท็จจริงทางคดีต่างๆ ฉะนั้น ในส่วนของช่อง 11 หรือสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ตนยืนยันได้ว่าไม่มีการใช้ข้อมูลเท็จเพื่อชี้นำการตัดสินใจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เราพยายามให้ข้อเท็จจริงต่อประชาชน ร.ต.อ.เฉลิม ควรกลับไปมองทีวีคนเสื้อแดงและสถานีวิทยุชุมชน ร.ต.อ.เฉลิม และพวกก็รู้อยู่ว่าใครเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้พูดในสภาไปแล้วแต่ ร.ต.อ.เฉลิมมีนิสัยอย่างหนึ่ง คือด่าเพื่อนในสภาฯ เสร็จก็เดินออกไปจากห้องประชุมทุกทีโดยไม่ยอมอยู่รับฟังข้อเท็จจริง ถ้าอยู่ฟังจะเข้าใจว่าเวลาถามอย่าถามแต่สื่อของรัฐ ขอให้ไปถามสื่อในซีกตัวเองด้วย ดังนั้นจึงไม่มีสื่อของรัฐที่จะเอาความเท็จมาเสนอเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด
สำหรับกรณีที่พรรคเพื่อไทยระบุว่ารัฐบาลเตรียมรถถ่ายทอดสดไว้ 4 คันในช่วง 10 วันอันตรายที่จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์นั้น นายสาทิตย์กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าข่าวนี้ออกมาจากไหนเพราะไม่มี สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเป็นสถานีโทรทัศน์ที่มีกฎหมายรองรับ เป็นทีวีสาธารณะที่มีคณะกรรมการตามกฏหมายในการบริหารสถานีของตัวเอง แต่ละสถานีจะมีแผนรับมือในภาวะวิกฤตของตัวเอง เพราะต่างได้รับการแจ้งเตือนแล้วว่า ในช่วงสถานการณ์การชุมนุมอาจมีการบุกยึดสื่อสารมวลชนได้ จึงต้องระมัดระวัง ซึ่งตนเตรียมรับมือมาเป็นเดือนแล้ว
ด้าน นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คตม.กำลังตรวจสอบคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีอยู่ พร้อมพิสูจน์แล้วว่าเป็นของปลอม โดยไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจผิด ส่วนการปิดสถานี People Channel นั้น ต้องพูดคุยเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม