โฆษกปชป หวังใช้กฎเหล็ก 9 ข้อเรียกคืนความเชื่อมั่นจากสังคมเชื่อจะไม่ก่อให้เกิดความแตกภายในพรรคร่วม ปัดปรับตำแหน่งหนีอภิปราย จี้ถอนประกัน"อริสต์มัน"ทำผิดซ้ำสอง เตือน"ชวลิต"อย่าอ้างพระราชปฏิสันถาร หวังผลการเมืองไม่เหมาะสม
วันนี้ (7 ม.ค.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคมั่นใจว่าการแต่งตั้งบุคลากรเพื่อดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหารใหม่ทั้ง 4 คน ซึ่งหวังว่าจะได้กราบบังคมทูลในเร็วๆนี้ จะได้ใช้พื้นฐานความรู้ประสบการณ์ ความเหมะสม ร่วมแก้ปัญหาประชาชาชน และการแต่งตั้งทุกตำแหน่งยึดหลักประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ พรรคมองว่าปัจจัยที่จะทำงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและประชาชนมีความเชื่อมั่นคือการรักษาแนวทาง 9 ข้อ ที่นายกฯวางไว้ ซึ่งจะรักษาความเชื่อถือของสังคมต่อการทำงานอย่างมีคุณภาพ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า แนวทางดังกล่าวไม่ได้สร้างปัญหาระหว่างพรรคแกนนำกับพรรคร่วมรัฐบล และมีความร่วมมือแก้วิกฤติชาติด้วยดี และยังจะต้องเดินหน้าทำงานร่วมกันต่อไป ในฐานะฝ่ายบริหาร ซึ่งได้ยึดแนวทางการตัดสินใจของรัฐมนตรีแต่ละคนบนพื้นฐานความรับผิดชอบบนแนวทางนี้มาโดยตลอด ส่วนกรณีนายมานิต นพอมรบดี รมช. สาธารณสุข นายมานิตได้แสดงความคิดเห็นต่อนายกฯแล้วพรรคมั่นใจว่า จะมีการสามารถตัดสินใจได้ถูกต้องอย่างแน่นอน
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอีกว่า กรณี มีรายงานข่าวถึงกระบวนการลงมติคัดเลือก รัฐมนตรีของพรรค โดยเฉพาะตัวเลขมติที่ออกไป มีความไม่สอดคล้องกับความจริงที่เกิดขึ้น ระหว่างการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งขั้นตอนถือเป็นการลงมติลับและได้รับเสียงเห็นชอบเอกฉันท์ ร่วมกับที่ประชุมส.ส.พรรค
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่า เป็นการปรับรัฐมนตรีเพื่อหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ตลอดประวัติการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ 64 ปี ไม่เคยหนีการตรวจสอบเหมือนเช่นเดียวกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยปรับตัวเองออกจากกระทรวงศึกษา เพื่อหนีการอภิปราย หรือต่อมายุบสภา หนีการอภิปรายไม่ไว้างใจ จนเป็นเหตุให้บ้านเมืองเข้าสู่วิกฤติ
นพ.บรุณัชย์ กล่าวว่า สิ่งที่พรรคเป็นห่วงมากกว่าคือการที่ฝ่ายค้าน จะหันไปใช้การสร้างความวุ่นวายนอกสภามากกว่าการตรวจสอบภายใน โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์ของนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่ระบุว่าพรรคเพื่อไทย ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค. นี้ ซึ่งคิดว่าประชาชนคงไม่เชื่อ เพราะการใช้ข้อมูลเท็จในอดีตหวังผลปลุกระดมสร้างความแตกแยกในบ้านเมืองเช่น เรื่องคลิปเสียงนายกฯ เป็นเรื่องชัดเจนประชาชนรับทราบว่า นปช. และ พรรคเพื่อไทย เป็นแนวร่วมเดียวกันชัดเจน และ ทำงานสอดรับแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ใช้บิดเบือนสร้างสถานการณ์การเมืองมาตลอด และการชุนมนุมทุกครั้งแมีแกนนำเพื่อไทยร่วมด้วย การออกมาพูดเช่นนี้ถือเป็นการปฏิเสธความรับผิดชอบล่วงหน้ามากกว่า
อย่างไรก็ตาม อยากให้ฝ่ายความั่นคง ฝ่ายกระบวนการยุติธรรม เพิ่มความระมัดระวังป้องกันเหตุวุ่นวาย โดยเฉพาะการป้องกันเหตุซ้ำสองโดยเฉพาะจากคนทำผิดเดิม และ ยังแสดงเจนตนาทำผิดซ้ำและยังยุยงทำผิดกฎหมาย เช่นกรณีของนายอริสมันต์ สมควรใช้มาตรการป้องกันเหตุหรือพิจารณาถอนการประกันตัว
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า จากการติดตามการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม จ.ปราจีนบุรี พบว่าคำพูดของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ในบางช่วงอ้างถึงการเข้าเฝ้ากราบบังคมทูลถวายรายงานของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในลักษณะไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ พรรคอยากให้บุคคลที่เป็นถึงอดีตนายกฯใช้ความระมัดระวัง เพราะพระราชปฏิสันถารเป็นเรื่องส่วนพระองค์การจะมาแอบอ้าง หวังผลตอบทางการเมืองเป็นเรื่องไม่เหมาะสม โดยเฉพาะระหว่างการปราศรัยเพื่อหาเสียง จึงอยากให้สังคมช่วยตรวจสอบ และไม่อยากให้เกิดเหตุลักษณะเช่นนี้อีก