“ไข่แม้ว” เรียงหน้าโต้รัฐบาลใช้สื่อรัฐปั้นข่าวโยนบาปเสื้อแดง ตัวการก่อเหตุป่วนบ้านเผาเมือง โวยเตรียมขนรถโอบีทีวีไทยแสตนบายเกาะติดสถานการณ์ พล่ามเป็นตุเป็นตะถือเป็นแผนก่อการปฏิวัติ หมดมุกเล่นงัดคลิปเสียงเดือน เม.ย.เลือดเป็นของจริง
วันนี้ (17 ก.พ.) นายวิชาญ มีนชัยอนันต์ ส.ส.กทม. นายไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดการใช้สื่อของรัฐ เช่น สถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 11 และไทยทีวี รายงานข้อมูลต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงโดยไม่มีข้อเท็จจริง และพยายามนำภาพเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษยนมาเสนอพร้อมกับการออกมาแถลงข่าวของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ที่อ้างว่ามีเหตุการณืต่างๆ ร่วมถึงท่อน้ำเลี้ยงต่างๆ ซึ่งไม่มีข้อเท็จจริง เพราะคณะกรรมาธิการตรวจสอบการทุจริตในสภาผู้แทนราษฎรมีการตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว โดยผู้มาชี้แจงยีนยันว่าไม่มี รวมถึงเหตุการณ์ปาระเบิด และปาอุจจาระที่มักจะโยนให้เป็นความผิดของคนเสื้อแดง ทั้งที่หลายเหตุการณ์ยังไม่เหกิดขึ้น แต่มักจะมีการนำมาเสนอก่นล่วงหน้า
นายวิชาญกล่าวว่า อีกทั้งตนได้รับสายข่าวภายในบริษัท ทีวีไทย ว่ามีการสั่งให้ลำลียงรถโอบีจำนวน 4 คันและให้แสตนด์บายอยู่ข้างนอก แต่ไม่ระบุว่าให้แน่ชัดว่าประจำอยู่ที่ไหน ซึ่งเหมือนเป็นการสร้างสถานการณ์ที่ไม่ชอบ หวังจะให้เกิดความวิตกกังวลต่อประชาชน ส่งผลเสียต่อคนที่จะลงทุนและสร้างความเสียหายให้กับการท่องเที่ยว
นายวิชาญกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำกลับไม่ทำ เช่น การนำเสนอเหตุการณ์ 8-15 เมษายน 52 มารายงานต่อรัฐสภาเพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อเท็จจริง แต่กลับมีการเสนอข่าวเพียงด้านเดียว และควรจะสั่งให้สื่อของรัฐบาลตรวจสอบการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง และ GT200 รวมถึงการตั้ง ผบ.ตร.ที่ยังไม่มีข้อยุติ แต่กลับใช้สื่อเพื่อสร้างสถานการณ์เพื่อบิดเบือนสถานการณ์ และโยนความผิดให้กลับกลุ่มเสื้อแดง จึงเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนพฤติกรรมดังกล่าว
ขณะที่ นายไพจิตรกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลกระทำเพื่อนำไปสู่การปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมและใช้เป็นเหตุอ้างเพื่อให้เกิดการปฏิวัต ซึ่งเหตุการณ์ยิงเอ็ม 79 หรือวางระเบิดตามจุดต่างๆ มีคนบงการสร้างสถานการณ์เพื่อนำไปสู่ความรุนแรง โดยมีรัฐบาลอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ซึ่งถือเป็นอุปสรรคต่อระบอบประชาธิปไตย และไม่เชื่อว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะไม่รู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าคลิปเสียงเมื่อเดือน เม.ย.เป็นเรื่องจริง และขณะนี้สะท้อนให้เห็นว่ามีคลิปเสียงภาค 2 เกิดขึ้นอีก ซึ่งแสดงให้เห้นตัวตนที่แท้จริงว่านายกรฐัมมนตรีคิดอย่างไร ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดเนแผนการณ์ของรัฐบาลเพื่อกดดันให้การปฏิวัติ เพื่อสะกั้นไม่ให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม หากนายกฯ กระทำเช่นนี้จริงก็ยุบสภาไปเลยดีกว่า