xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ตั้งเลขาฯ ป.ป.ท.สอบวิ่งเต้น ตร.ภาค 2 เชื่อรื้อโผเสร็จทัน 16 ก.พ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“มาร์ค” ยันตั้งเลขาฯ ป.ป.ท.สอบ ตร.เรียกรับผลประโยชน์ซื้อขายตำแหน่ง ตร.ภาค 2 มั่นใจรื้อโผเสร็จ 16 ก.พ. กำชับ “ปทีป” ห้ามปล่อยให้การร้องเรียนเป็นหมัน ทาบ “วสิษฐ” ปรับโครงสร้าง สตช. ย้ำมติ ก.ตร.อุ้ม 3 นายพลเข่นฆ่าปชช.ตุลบาทมิฬ ขัดกม.ไม่ได้แนะให้ไปใช้สิทธิร้องศาลปกครอง

วันนี้ (14 ก.พ.) ที่สวนหลวง ร.9 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ภายหลัง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) นำผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อร้องเรียนเรื่องการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจระดับสารวัตร (สว.) ถึงรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ของ บช.ภ.2 ที่มี พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เป็นประธาน ว่า คณะกรรมการมีข้อเสนอมา 2 ข้อ 1.การตั้งแต่งให้ออกมีการออกคำสั่งใหม่ ซึ่งตนได้ส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับ พล.ต.อ.ปทีป ไปแล้วเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งพล.ต.อ.ปทีป จะนำข้อมูลไปใช้ประกอบในการออกคำสั่งใหม่ ซึ่งคาดว่าการดำเนินการน่าจะเสร็จในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2.การตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเป็นการเฉพาะ เรื่องการเรียกรับผลประโยชน์ โดยให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นประธาน ซึ่งขณะนี้กำลังดูองค์ประกอบ เพราะตนต้องการให้คณะกรรมการที่จะตั้งขึ้นดูกฎหมายตำรวจและกฎหมายบริหารราชการแผ่นดินควบคู่กันไป เพื่อทำให้การดำเนินงานเชื่อมต่อไปยังการดำเนินการได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า การตั้งเลขาฯป.ป.ท.มาเป็นประธานคณะกรรมการสอบ จะทำให้เป็นจุดอับหรือไม่ เพราะป.ป.ท.ทำหน้าที่ตรวจสอบภาครัฐเพียงอย่างเดียว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เนื่องจากตัวรายงานกรณีภาคที่ 2 ไม่มีเรื่องนักการเมืองทำให้ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนคำร้องเรียนที่พาดพิงนักการเมืองเป็นคำร้องเรียนกรณีภาคอื่น ซึ่งคณะกรรมการชุด พล.ต.อ.วสิษฐ จะเริ่มพิจารณาในสัปดาห์หน้า

เมื่อถามว่า คณะกรรมการที่มีเลขาฯ ป.ป.ท.เป็นประธานเข้าไปสอบเฉพาะภาค 2 ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถูกต้อง ซึ่งจะสอบประเด็นเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น ส่วนภาค 1, 4, 6 ต้องรอรายงานของคณะกรรมการก่อน เมื่อถามว่า ตามคำร้องเรียนมีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเฉพาะหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยัง ต้องดูว่ามีมูลหรือไม่มีมูลอย่างไร

เมื่อถามว่า ขณะนี้ พล.ต.อ.วสิษฐ ยังไม่มั่นใจในอำนาจหน้าที่ว่าสามารถเรียกนักการเมืองเข้ามาให้ปากคำได้ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ได้ กรณีภาค 2 พล.ต.อ.วสิษฐได้รายงานมาว่าได้เชิญใครบ้างดูจากเอกสารบ้าง ถ้ามีปัญหาอุปสรรคอะไร พล.ต.อ.วสิษฐ สามารถรายงานเข้ามาได้ ตนจะสนับสนุนให้ทำงานได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.วสิษฐมีความกังวลว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อยู่ในภาวะวิกฤต นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ผมได้คุยแล้ว ขณะนี้ท่านจะดูแลเรื่องการสอบให้เสร็จก่อน ผมบอกว่าหากมีข้อเสนอในเชิงระบบ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาได้เราก็ยินดีที่จะรับเข้ามา ท่านบอกว่าต้องสางตัวกรณีเฉพาะที่สอบก่อน”

เมื่อถามว่า การปรับโครงสร้างเพื่อให้มีความเชื่อมโยงกับการเมืองน้อยลง และลดอำนาจของตำรวจ มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หลักใหญ่ที่ พล.ต.อ.วสิษฐพูด คือการกระจายอำนาจอาจจะช่วยได้มาก

เมื่อถามว่า กรณีภาค 2 ที่มีการรื้อโผต้องใช้เวลาเท่าไรในการทำโผใหม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ใช้เวลาไม่นาน พรุ่งนี้ (วันที่ 15 กุมภาพันธ์) ก็เสร็จ เพราะต้องการที่จะให้คำสั่งทั้งหมดมีผลพร้อมกันในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ เมื่อถามว่า กลไกทั้งหมดเป็นไปตามที่ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เตรียมทำบัญชีรายชื่อ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ครับ แต่ต้องนำข้อมูลของคณะกรรมการชุด พล.ต.อ.วสิษฐไปประกอบด้วย ซึ่งเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ตนได้ส่งข้อมูลไปให้แล้ว

เมื่อถามว่า ในภาะที่เป็นอยู่จำเป็นต้องดึง สตช.ที่อยู่ในความดูแลของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กลับมาดูแลเองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ “ผมเหรอครับ ไม่ครับ ขณะนี้ดำเนินการไปได้ ในส่วนของสำนักงานเองผมได้เรียนให้ทราบว่าภาคอื่นๆ ที่มีการร้องเรียนเข้ามา แต่ไม่ได้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการชุด พล.ต.อ.วสิษฐ ผมก็บอก พล.ต.อ.ปทีปว่า ต้องมีคำตอบด้วย อย่ารับเรื่องไปแล้วหายไปเฉยๆ มีมูลหรือไม่มีมูลก็ขอให้ชี้แจง ไม่เช่นนั้นมันจะบั่นทอนความเชื่อมั่นในกลไกปกติ ซึ่งกรณีที่ส่งให้ พล.ต.อ.วสิษฐ เป็นจะเป็นกรณีที่เห็นว่ามีการพาดพิงถึงคนที่อยู่ในสำนักงาน สตช.และนักการเมือง”

เมื่อถามว่า หากมีการร้องเรียนเข้ามา จำเป็นต้องขยายเวลาการทำหน้าที่ของคณะกรรมการชุดพล.ต.อ.วสิษฐใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แล้วแต่ พล.ต.อ.วสิษฐ ซึ่ง พล.ต.อ.วสิษฐบอกว่าในวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ น่าจะรายงานว่ามีความคืบหน้าอย่างไร

เมื่อถามถึงกรแสข่าวการพยายามผลักดันให้ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ.10) เทียบเท่าตำแหน่งรอง ผบ.ตร.มีสาเหตุมาจากอะไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ ก.ตร.พิจารณาอยู่ แต่ก็ทราบว่า พล.ต.อ.ปทีป ได้ถอนเรื่องออกไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุมก.ตร.เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ก.ตร.ยังยืนยันมติรับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. ที่ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตร 7 ตุลาคม 2551 และอดีต พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดอุดรธานี ที่ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิด กรณีปล่อยให้ผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงทำร้ายผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องส่งไปยัง สตช.เขาเพิ่งรับรองมติ ซึ่งสตช.ต้องดูข้อกฎหมาย และเท่าที่ได้หารือกับ พล.ต.อ.ปทีปก็ยืนยันว่า ต้องดูข้อกฎหมาย เพราะมติใดที่ขัดต่อกฎหมายก็ไม่สามารถใช้ได้ ส่วนความเห็นตนยังเหมือนเดิม เพราะตนเพิ่งมีเรื่องทำนองเดียวกันเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการข้าราชการ (ก.พ.) ซึ่งได้ยืนยันว่า ก.พ.ไม่สามารถกลับมติในเชิงข้อเท็จจริงหรือไม่สอบสวนของป.ป.ช.ได้ และอยากให้คนที่เกี่ยวข้องไปใช้สิทธิทางศาลปกครองมากกว่า เมื่อถามว่า ข้อขัดแย้งจะสามารถยุติได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องดูตัวมติว่ามีเหตุผลอย่างไร ส่วนที่อ้างว่าต้องทำตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาตินั้น มันต้องไม่ขัดต่อกฎหมายอื่น
กำลังโหลดความคิดเห็น