โฆษก ชทพ.ยังปากแข็งการแก้ไข รธน.ถือเป็นภาระหลัก ที่จะต้องดำเนินโดยสภาฯ ยันเหตุที่ต้องเลื่อนพิจารณา ไม่เกี่ยวกับการต่อรองผลประโยชน์ แว้งกัดพันธมิตรฯ ต้นเหตุแห่งความขัดแย้ง ทำเป็นวัวลืมตีนเหยียบย่ำศพวีรชนนั่งเสวยอำนาจ แสดงตนเป็นนักการเมืองน้ำเน่า ชี้ตราบาป รธน.50 เกิดจากฝีมือพวกยึดอำนาจ
วันนี้ (12 ก.พ.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาล ยอมให้เลื่อนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปเพราะตกลงผลประโยชน์ลงตัวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังถือว่า เป็นภารกิจสำคัญของพรรคชาติไทยพัฒนา ส่วนเหตุผลของการเลื่อนญัตติดังกล่าวออกไปก่อน ก็มีความชัดเจนแล้วว่า ต้องรีบเร่งพิจารณากรอบการเจรจาความร่วมมือกับต่างประเทศที่รัฐบาลเสนอมาตามข้อตกลงตามมาตรา 190 อย่างไรก็ตามขณะนี้ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญได้บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมแล้ว ส่วนที่ประชุมจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเมื่อไหร่ก็อยู่ที่ประชุม
“พรรคชาติไทยพัฒนายืนยันว่า การเลื่อนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการต่อรองผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ผมอยากฝากไปยังนักการเมืองหรือพรรคการเมืองที่ตั้งข้อกล่าวหาว่า อย่าเอาบรรทัดฐานของตัวเองหรือพรรคการเมืองของตัวเองมาตัดสินคนอื่น การเลื่อนมีเพียงสาเหตุเดียว คือการทำความร่วมมือกับต่างประเทศสำคัญกว่า และเราเห็นว่าการพิจารณาเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในขณะนี้จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ซึ่งพรรคพยายามเลี่ยงเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยการเสนอแก้ไข 2 ประเด็นก็เป็นการพิจารณาแล้วว่าจะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้ง การเลื่อนครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับแรงกดดันหรือแรงต้านจากพันธมิตรฯ เราไม่สนใจและไม่ให้ความสำคัญกับแรงต้านภายนอกสภา เรามองว่านี่คือเรื่องในสภา และการแก้ไขในสภาเป็นเรื่องที่ดีที่สุด” นายวัชระกล่าว
โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนากล่าวอีกว่า การที่พันธมิตรฯออมาพาดพิงถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาและบุคคลอื่น โดยระบุว่าหากมีวิกฤติเกิดขึ้น จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายบรรหารจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ตนขอบอกว่าการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องในสภาฯ การที่พันธมิตรฯ กล่าวหาพาดพิงบุคคลในพรรคชาติไทยพัฒนาถือว่าไม่เป็นธรรม ตนคิดว่าสังคมเข้าใจดีว่าในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมาความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้นเพราะใคร กลุ่มไหน การยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นเรื่องปลายน้ำไม่ใช่ต้นเหตุ แต่ต้นเหตุเกิดจากรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่สร้างขึ้นมาจากฝ่ายที่ยึดอำนาจ นอกจากนี้พันธมิตรฯถือว่าเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งในประเทศนี้ด้วย
“ฝากถึงนายสุริยะใส กตะศิลา ว่าจะเลือกทำงานแบบไหนจะเป็นเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ หรือเป็นผู้นำม็อบ การวิ่งรอกไปวิ่งรอกมาไม่เป็นคุณ จะทำให้นายสุริยะใสเหนื่อยและกองเชียร์ก็เหนื่อย พรรคไม่ว่าอะไรที่พันธมิตรฯ จะยื่นถอดถอน ส.ส.แต่ไม่ควรกล่าวหาพาดพิงตัวบุคคลเพราะไม่เป็นธรรม” นายวัชระกล่าว
ต่อคำถามว่าในการลงมติเลื่อนวาระการประชุมพิจารณาข้อตกลงระหว่างประเทศตามมาตรา 190 มีเสียงของ ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาที่โหวดสวน พรรคได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างไร นายวัชระ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคยังไม่ได้สอบถามสมาชิกของพรรคที่โหวตสวนญัตติ แต่โดยรวมพรรคฯ พอใจกับทิศทางของพรรคที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน พรรคชาติไทยพัฒนากังวลแต่เรื่องที่มีการพูดพาดพิงเรื่องผลประโยชน์เท่านั้น เมื่อถามต่อว่าโครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งพรรคดูแลอยู่ยังคงอยู่ครบใช่หรือไม่ นายวัชระกล่าวว่า ยังมีอยู่ครบ พรรคเชื่อมั่นว่าคงไม่มีการตัดงบประมาณในส่วนนี้เพราะถือเป็นโครงการที่มีความสำคัญกับเกษตรกร
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ให้ตัดงบของกระทรวงเกษตรฯ ที่พรรคชาติไทยพัฒนาดูแล นายวัชระกล่าว่า คงไม่ต้องมีการพูดคุยกัน แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า กระทรวงที่พรรคชาติไทยพัฒนาดูแล จะไม่มีการตัดงบประมาณ เพราะโครงการของกระทรวงเกษตรฯส่วนใหญ่นายกฯ และ รมว.เกษตรฯ ได้ทำงานด้วยกันทุกครั้ง นอกจากนี้ โครงการกระทรวงเกษตรฯ ส่วนใหญ่ก็เป็นโครงการเพื่อประชาชนทั้งนั้น
