xs
xsm
sm
md
lg

หั่นงบถนนไร้ฝุ่นทำท่าฝุ่นตลบ-ปชป.แหย่พรรคร่วม!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็เป็นไปได้เช่นเดียวกันว่า นี่คือรายการ “แหย่” จากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อลองเชิงอะไรบางอย่าง เพราะถ้าสังเกตให้ดีในช่วงเวลานี้ในภาพรวมแล้วถือว่าความนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดความมั่นใจขณะที่พรรคร่วมก็ถูกประเมินแล้วว่าไม่มีความพร้อมที่จะขยับไปมากกว่านี้ ที่สำคัญยังไม่มีทางพร้อมสำหรับการเลือกตั้งในเร็ววันแน่ ดังนั้นเมื่อคิดรวบยอดแล้วยังถือว่ามี “แต้มต่อ” ก็ต้องถือโอกาสใช้เรื่องแบบนี้มาต่อรองเพื่อล็อกคอถามให้แน่ใจว่ายังชัวร์อยู่หรือเปล่า

ทำเอาเต้นเป็นเจ้าเข้าสำหรับแกนนำพรรคภูมิใจไทย เมื่อได้ยินคำพูดของ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี บอกว่าจะลดระดับความเร่งด่วนรวมทั้งจะมีการตัดงบประมาณโครงการถนนไร้ฝุ่นของกระทรวงคมนาคมลงมาตามความจำเป็น โดยเฉพาะจะมีการทบทวนราคากลางเพื่อป้องกันการฮั้ว

ทั้งนี้ ยังบอกอีกว่าโครงการดังกล่าวไม่ได้เป็นตัวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจเท่าที่ควร รวมไปถึงไม่เห็นด้วยหากจะใช้เงินกู้มาทำโครงการดังกล่าว เพราะไม่คุ้มค่า สำทับด้วยคำพูดของ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะที่ออกมาในแนวทางเดียวกัน โดยเปิดเผยว่ากำลังมีการปรึกษากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กรณ์ จาติกวณิช ที่จะมีการทบทวนการใช้งบประมาณในโครงการ “ไทยเข้มแข็ง” ให้มีประสิทธิภาพและไปในทิศทางเดียวกัน

ดังนั้น ในเบื้องต้นจึงพอสรุปได้ว่างานนี้ไม่ธรรมดา และแสดงท่าทีออกมาให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์โดยนายกรัฐมนตรีแสดงท่าทีเข้ามาตรวจสอบการใช้งบก้อนนี้ เพื่อให้การกระตุ้นเศรษฐกิจไปในทิศทางเดียวกันและที่สำคัญเพื่อความโปร่งใสให้การใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องพิจารณากันมากไปกว่านั้นก็คือ จู่ๆ ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ถึงได้มาแตะเอาโครงการถนนไร้ฝุ่นของกระทรวงคมนาคม ซึ่งก็หมายถึงพรรคภูมิใจไทยของ เนวิน ชิดชอบ กับพวกนั่นแหละ และยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่มีอำนาจต่อรองสูงสุดอีกด้วย การที่ออกมาแสดงท่าทีเพื่อทบทวน

โครงการบางโครงการมันก็ชวนให้คิดกันไปต่างๆ นานา เพราะนอกจากนี้ยังมีข่าวว่ายังอาจข้ามไปแตะโครงการที่เกี่ยวกับเรื่องการจัดการแหล่งน้ำของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่อยู่ในความดูแลของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มี บรรหาร ศิลปอาชา แอบคัดท้ายอยู่ข้างหลังอีกด้วย และถ้าพิจารณาจากจำนวนตัวเลขงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ในแต่ละ

โครงการแล้วจะยิ่งชวนหัวเสีย เช่น โครงการถนนไร้ฝุ่นเป็นเวลา 3 ปี (ปี 2553-55)ที่แยกออกมาจากงบด้านขนส่ง จำนวน 34,341 ล้านบาท ขณะที่โครงการบริหารจัดการน้ำดูตัวเลขแล้วก็ชวนตาลุกนั่นคือตั้งใว้ 3 ปี เช่นเดียวกันแต่จำนวนตัวเลขรวมๆ คือ 238,515 ล้านบาท ซึ่งก็มีข่าวแว่วมาเช่นเดียวกันว่าอาจจะมีการเข้าไปบริหารจัดการกันใหม่เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาตร์ทางด้านเกษตรที่รัฐบาลกำลังกำหนดเป็นยุทธศาสตร์หลักในอนาคต เพื่อให้เป็น “ครัวโลก” ต่อไปในวันหน้า

แต่เมื่อพิจารณาจากจำนวนตัวเลขงบประมาณที่มีจำนวนมหาศาลแล้ว เชื่อว่าหากมีการขยับกันใหม่รับรองว่าจะต้องมีปัญหา เกิดเสียงโวยวายตามมาแน่นอน ซึ่งก็ไม่ได้ผิดไปจากความคาดหมาย เพราะขนาดยังไม่ได้หารือรายละเอียดร่วมกัน แต่บรรดาคนในพรรคภูมิใจไทยตั้งหัวแถวยันท้ายแถวต่าง

รีบออกมาขู่ฟอด “ตีกัน” ออกมาทันที โดยระบุว่าหากจะมีการทบทวนก็ต้องทำให้เสมอหน้ากันหมด ความหมายก็คือหากจะทบทวนโครงการหรือหั่นงบประมาณก็ต้องทบทวนโครงการของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย อะไรประมาณนี้ ขนาดพรรคเดียวก็ทำท่าจะยุ่ง แล้วหากคิดจะไปแตะงบชลประทานของกระทรวงเกษตรฯ ที่อยู่ในกำกับดูแลของพรรคชาติไทยพัฒนาไม่ต้องข้ามศพ “หลงจู๊” ไปก่อนหรือไม่ เพราะนี่คือ “อู่ข้าวอู่น้ำ” ห้ามแตะเป็นอันขาด

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาตามความเป็นจริง นอกเหนือจากการได้ใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล ถือเป็น “เค้ก” ก้อนโตที่ต่างตอนนี้กำลังเริ่มทยอยไหลออกมาแล้ว แต่ละโครงการ เช่นโครงการถนนไร้ฝุ่น แม้ว่าจะอาจจะไม่ได้ผลในทางการกระตุ้นเศรษฐกิจที่หวังผลเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ความหมายที่ต้องการก็คือนี่คือโครงการหาเสียงกับชาวบ้านในชนบทอย่างได้ผล

ขณะที่โครงการทางด้านชลประทานก็เช่นเดียวกัน ก็ต้องรับรู้กันอยู่แล้วว่าชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวไร่ชาวนา มีปัญหาในเรื่องขาดแคลนน้ำทำการเกษตร หากมีการดำเนินการจัดสรรงบประมาณตามโครงการชลประทานอย่างทั่วถึงนั่นก็ย่อมทำให้ชาวบ้านมีความจดจำ ย่อมมีผลต่อการเลือกตั้งคราวหน้า

แต่ทั้งหลายทั้งปวงนั่นเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ จำนวนงบประมาณมากกว่า เพราะเป็นเรื่องธรรมดาหากมีโครงการใดก็ตามก็จะมีเรื่อง “ค่าหัวคิว” หรือมีรายการ “ชักเปอร์เซ็นต์” ตามธรรมเนียม มากหรือน้อยแล้วแต่ความหน้าด้านของนักการเมืองที่เป็นคนควบคุม

จากปากคำของ รองนายกฯ ไตรรงค์ ที่ระบุออกมาว่า จะมีการทบทวนราคากลางเพื่อป้องกันการฮั้ว ก็เป็นการส่งสัญญาณชัดแล้วว่าจะต้องมีการทบทวนวงเงินงบประมาณในบางโครงการกันใหม่ เนื่องจากเห็นว่ามีการตั้งเอาไว้สูงเกินจริง

ความเคลื่อนไหวที่กำลังเกิดขึ้นถ้ามองเผินๆก็อาจเข้าใจว่าอาจจะเป็นชนวนทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลรอบใหม่ เมื่อเกิดการขวางลำกันขึ้นมามันก็ต้องมีรายการป่วนตามมาแน่

แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็เป็นไปได้เช่นเดียวกันว่า นี่คือรายการ “แหย่” จากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อลองเชิงอะไรบางอย่าง เพราะถ้าสังเกตให้ดีในช่วงเวลานี้ในภาพรวมแล้วถือว่าความนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดความมั่นใจ ขณะที่พรรคร่วมก็ถูกประเมินแล้วว่าไม่มีความพร้อมที่จะขยับไปมากกว่านี้ ที่สำคัญยังไม่มีทางพร้อมสำหรับการเลือกตั้งในเร็ววันแน่ ดังนั้นเมื่อคิดรวบยอดแล้วยังถือว่ามี “แต้มต่อ” ก็ต้องถือโอกาสใช้เรื่องแบบนี้มาต่อรองเพื่อล็อกคอถามให้แน่ใจว่ายังชัวร์อยู่หรือเปล่า

เพราะบังเอิญว่าในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 4 แสนล้านกำลังจะนำเข้ามาพิจารณาในสภาอีกรอบหลังจากเสร็จสิ้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการร่วมฯ ซึ่งเพื่อความมั่นใจก็อาจจะมีการลองเชิงเพื่อถามความมั่นใจจากพรรคร่วมกันอีกรอบว่าจะเอาอย่างไรกันแน่

อย่างไรก็ดี ท้ายที่สุดแล้วเชื่อว่าคงจะผ่านไปด้วยดี เพราะนาทีนี้คงไม่มีใครอยากเสี่ยง อย่างมากก็แค่ทำแกล้งฮึดฮัดไปอย่างนั้นเอง!!




กำลังโหลดความคิดเห็น