“เด็จพี่” กลับมาฝอยแล้ว!! เต้นเป็นเจ้าเข้า ด่ารัฐปูดท่อน้ำแดงโหมไฟขัดแย้งมากขึ้น ซัด “ปณิธาน” เอาดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น ท้าโชว์หลักฐาน จ่อยื่นหนังสือทวงถาม “มาร์ค” จันทร์หน้า จี้จัดการวิ่งเต้นซื้อเก้าอี้ ปูดเป็นตุเป็นตะ นักการเมือง ดอดคุยบิ๊กตำรวจ ที่สมุย เสนอ 3.5 ล้าน นั่งผู้กำกับ เสี้ยมใช้กฏเหล็กฟัน “เทพเทือก” สอน “เหลิม-หญิงหน่อย” เป็นฝ่ายค้านอย่ากัดกันเอง ต้องจับมือกันถล่มรัฐ
วันนี้ (12 ก.พ.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า มีเส้นทางการเงินจากต่างประเทศสนับสนุนการคเลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการโหมไฟความขัดแย้งให้รุนแรงยิ่งขึ้น โดยรัฐบาลจะใช้อ้างเป็นเหตุในการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เข้าสกัดกั้นการชุมนุมของประชาชน และเพื่อเป็นเหตุผลนำไปสู่การประกาศใช้กฎหมายพิเศษของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักท่องเที่ยว รวมทั้งสร้างภาพที่ไม่ดีให้กับประเทศไทยด้วย การออกมาพูดของนายปณิธาน ดังกล่าวเป็นการสะท้อนว่า เป็นการพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ทั้งนี้ขอเรียกร้องประชาชนให้ออกมาปกป้องสิทธิ์ อย่าให้รัฐบาลใช้อำนาจมิชอบทำการใส่ร้ายประชาชน และขอท้าให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายปณิธาน ให้นำหลักฐานเส้นทางการเดินเงินที่ระบุว่ามีความผิดปกติออกมาเปิดเผย อย่าเอาแต่พูดคลุมเครือหรือเล่นเกมเปิดชื่อย่อเพื่อดิสเครดิต สร้างความสับสน จุดไฟเผาเมือง โดยตนจะไปยื่นหนังสือทวงถามและขอดูหลักฐานกรณีดังกล่าวจากนายอภิสิทธิ์และ นายปณิธานที่ทำเนียบรัฐบาลในวันจันทร์ที่ 15 ก.พ.เวลา 10.00 น.
โฆษกพรรคเพื่อไทยยังกล่าวถึงกรณีการซื้อขายตำแหน่งของข้าราชการตำรวจว่า มีข่าวปรากฎออกมาอย่างแพร่หลายว่ามีการซื้อขายตำแหน่งในตำรวจภูธรภาค 1, 2, 4 และ 6 โดย ผลการสอบสวนของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อร้องเรียนการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก.-สว.ของ สตช. ระบุชัดเจนว่า มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง และที่สำคัญคือ พรรคเพื่อไทยได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการตำรวจภูธรภาค 8 และ 9 ว่า มีการซื้อขายตำแหน่งระดับผู้กำกับ รองผู้กำกับ และรองผู้บังคับการจังหวัด โดยจัดวางคนของตัวเองในตำแหน่งสำคัญเพื่อหวังผลทางการเมือง มีการจัดโผกันอย่างโจ๋งครึ่ม โดยนักการเมืองใหญ่ และนายตำรวจใหญ่ไปหารือกันที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทราบว่าตำแหน่งผู้กำกับนั้นต้องใช้เงินถึง 3.5 ล้านบาท และในเขตท่องเที่ยวจะต้องใช้เงินสูงถึง 14 ล้านบาท อีกทั้งยังต้องเสียรายเดือนอีกเดือนละ 1 ล้านบาท ดังนั้นขอให้นายกรัฐมนตรี เข้าไปตรวจสอบด้วย
นายพร้อมพงศ์กล่าวด้วยว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เมื่อผลสอบสวนระบุออกมาชัดเจนว่ามีการซื้อขายตำแหน่งจริงนายอภิสิทธิ์ต้อง ใช้กฎเหล็ก 9 ข้อ จัดการกับนายสุเทพ อย่าเลือกปฏิบัติเพราะเป็นพวกเดียวกัน เรื่องการแต่งตั้งทั้งหมดที่มีปัญหายุ่งเหยิงก็เพราะฝ่ายการเมืองเข้าไปล้วงลูก
นอกจากนี้ โฆษกพรรคเพื่อไทยยังกล่าวถึงความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทยระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยว่า เป็นเรื่องที่อาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนในทางข่าว แต่วันนี้ทุกอย่างจบเรียบร้อยแล้ว นักการเมืองอาจจะมีความเห็นที่แตกต่างทางความคิดแต่เมื่อมีการพูดคุยกันก็จบ ต้องยอมรับในเหตุผลซึ่งกันและกัน ไม่ควรนำไปขยายผลให้เกิดความขัดแย้ง เพราะพรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมืองที่ต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชน ควรเอาความรู้ความสามารถมาสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคและรักษาผลประโยชน์ ของประชาชนและประเทศชาติ วันนี้พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน ไม่มีเวลาจะมาขัดแย้งกันเอง ควรจะหันหน้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลและเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นต้องเป็นมติของที่ประชุมพรรคเท่านั้น และที่สำคัญคือบุคคลที่จะถูกเสนอชื่อจะต้องเป็น ส.ส.และต้องมีวัยวุฒิและคุณวุฒิ รวมทั้งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายและประชาชน