ประธานรัฐสภา ยันประชุมร่วม 2 สภา พิจารณาแก้รัฐธรรมนูญพรุ่งนี้ ยกวาระญัตติ “เหวง” ขึ้นก่อน โยนที่ประชุมตัดสิน นำญัตติพรรคร่วม แก้ 2 มาตรา ปาดร่าง คปพร.หรือไม่ ไม่หวั่นปลวกแดงพาพวกบุกข่มขวัญหน้าสภา “บุญจง” ย้ำพรรคร่วมเห็นต่างเรื่องปกติ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายชัย ชิดชอบ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (10 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาญัตติเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ (11 ก.พ.) ว่า จะเป็นไปตามระเบียบวาระ โดยวาระแรกจะเป็นการพิจารณาญัตติเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอโดยนายแพทย์เหวง โตจิราการ กับประชาชนกว่า 70,000 รายชื่อ ส่วนญัตติของพรรคร่วมรัฐบาลจะพิจารณาต่อเป็นวาระที่สอง แต่หากจะนำญัตติของพรรครัฐบาลขึ้นมาพิจารณาก่อน หรือพิจารณาพร้อมกันทั้ง 2 ร่าง ต้องขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถควบคุมการประชุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยได้ โดยยึดหลักความเป็นธรรมและระเบียบข้อบังคับเป็นหลัก ทั้งนี้ตนไม่รู้สึกกังวลต่อกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงอาจมาชุมนุมหน้ารัฐสภา และเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาจนต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลเพิ่มเติม
ด้าน นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคร่วมรัฐบาลมีความเห็นไม่ตรงกันว่า เป็นเรื่องปกติที่ทุกพรรคย่อมมีความเห็นที่แตกต่างกัน ส่วน 2 ประเด็นที่เสนอแก้ไขไปแล้วนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับมติของรัฐสภาว่าจะเห็นด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (10 ก.พ.) มีเรื่องประธานแจ้งต่อที่ประชุมรับทราบคือ รับทราบวุฒิสภาเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ และรับทราบรายงานการกู้เงินตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 ประจำปีงบประมาณ 2552
นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่คณะกรรมาธิการพัฒนาเสร็จแล้ว คือ ร่างข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ ซึ่งเป็นการพิจารณาต่อจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม วันนี้ต้องจับตาดูว่าการประชุมจะประสบปัญหาองค์ประชุมไม่ครบอีกหรือไม่ หลังจากการประชุมสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุสภาล่ม 2 วันติดต่อกัน ในส่วนของวิปรัฐบาลได้กำหนดมาตรการป้องกันองค์ประชุมไม่ครบ โดยลงมติร่วมกันว่า ส.ส.รัฐบาลทุกคนจะต้องอยู่ในห้องประชุม ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. หากใครไม่อยู่ให้เป็นหน้าที่ของแต่ละพรรคที่จะคิดมาตรการลงโทษ