แดงแตกยับเช่นนี้ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องดีก่อนถึงวันจุดประทัดตรุษจีน แถมหากแตกกันถึงขั้นสาวไส้ ตบปากกันเอง แบบนี้ ยิ่งดีจริงๆ เพราะทำให้พลังแดงถ่อย เสื่อมถอยกันไปเอง แบบนี้ แผนเผาบ้านเผาเมืองของเสื้อแดงในกุมภาพันธ์นี้ พอเจอปัญหาแตกกันเองเช่นนี้ ก็น่าจะทำให้การเคลื่อนไหวเสื้อแดงไม่มีพลัง ยังไม่เริ่มออกสตาร์ทเครื่องก็รวนแล้ว
สุดท้าย ศึก “แดงเดือด แทงกันเอง”
ระหว่างสองนายพลค่าย กองทัพเถื่อน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี-พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ที่จับมือชน “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ทะลวงหมัด-สาวไส้-ล่อกันเอง เลยได้แผลเหวอะแหวะ ไปทั้งสองฝ่าย
แต่ฝ่ายสองนายพล “พัลลภ-เสธ.แดง” ถือว่าเสียหายหนัก หมดสภาพพลเอก-พลตรี เพราะถือว่าชื่อชั้นเหนือกว่าจตุพรเยอะ แต่ดันมาถูกอดีตนักศึกษารามคำแหง จอมไฮด์ปาร์ก แกนนำเสื้อแดงสู้แล้วรวย “ถอนหงอก” ด้วยการสั่งสอนและด่ากราดชนิดไม่ไว้หน้า ชนิดเรียกได้ว่า ถูกกระสุนฝังอกในศึกสงคราม ยังเจ็บน้อยกว่านี้ กับการที่มาถูกเหยียดหยามต่อหน้าประชาชี หาว่าเป็นพวก
หมาเน่าลอยน้ำ-ของปลอม-นักรบแต่ปาก
แบบนี้ หาก “พัลลภ-เสธ.แดง” ปล่อยให้เด็กรุ่นลูกอย่าง จตุพร ลบเหลี่ยม หมิ่นศักดิ์ศรีได้ถึงเพียงนี้ แล้วไม่ทำอะไร คงสิ้นลายกันก็คราวนี้
ความขัดแย้งดังกล่าว สรุปต้นตอปัญหาได้ชัดเจนเลยว่ามาจาก
การแย่งชิงการนำ-หวงซีนผู้รับใช้ทักษิณ
นั่นเอง ตรงนี้ทั้ง วีระ มุกสิกพงศ์-จตุพร พรหมพันธุ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และพัลลภ ปิ่นมณี-เสธ.แดง ย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะแม้ พัลลภ-เสธ.แดง จะไม่ใช่แกนนำคนเสื้อแดง แต่ก็ร่วมทำกิจกรรมกับคนเสื้อแดงมาหลายครั้ง และประกาศตัวชัดเจนว่าจะเข้ามาช่วยเป็นฝ่ายเสนาธิการ วางแผนและสนับสนุนกำลังให้กับเสื้อแดงในการชุมนุมใหญ่เดือนนี้
ถึงขั้น พัลลภ ป่าวประกาศไปทั่วว่า ศึกครั้งนี้โดยเฉพาะหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ นช.ทักษิณ ชินวัตร หากว่าเจ้านายใหญ่ ผู้ให้รองเท้ากอล์ฟกับพัลลภ ต้องถูกยึดทรัพย์ มันก็ต้องแตกหักกันไปข้าง
ส่วนเสธ.แดงที่ถูกพักราชการเวลานี้ ก็เพราะเอาตัวมาอยู่กับคนเสื้อแดงเต็มตัว เหลือแต่แค่ยังไม่ขึ้นเวทีเสื้อแดงเท่านั้น นอกนั้นทุกอย่างก็แทบไม่มีอะไรต่างกับแกนนำ นปช. คงเพราะเห็นว่าการเล่นบทบาทดังกล่าว ทำให้มีพื้นที่ และสถานะทางการเมืองโดดเด่นขึ้นมาทันที แถมถูกทักษิณ เรียกไปทัวร์ที่ดูไบหลายครั้งหลายหน จนชักจะติดใจ ทั้งพัลลภ-เสธ.แดง เลยคิดการใหญ่ หวังขอเป็นผู้นำเต็มตัว เลยประกาศตั้ง
“กองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” (กปช.) ซึ่งก็คือกองทัพเถื่อน ที่หวังเอาประชาชนมาเป็นตัวประกันเพื่อใช้ในการต่อสู้ให้ทักษิณ
แนวคิดนี้ เกิดขึ้นขณะ พัลลภ-เสธ.แดง ไปเยี่ยมคารวะนายใหญ่ทักษิณ ที่ดูไบ เชื่อได้ว่า หากตอนเสนอแนวคิดจัดตั้งกองทัพประชาชน ทักษิณ ไม่เห็นดีเห็นงามด้วย ไม่มีทางอยู่แล้วที่พัลลภ จะรีบชิงเสนอแนวคิดต่อสาธารณชน เพราะทักษิณเองก็อาจต้องการสร้างกลุ่มเคลื่อนไหวหลายๆ กลุ่มไม่ใช่ให้ทุกอย่างรวมศูนย์อยู่ที่ นปช.-สามเกลอกลุ่มเดียวอย่างปัจจุบัน จนกลายเป็นพวกสู้แล้วรวย เห็นได้จากเมื่อ พัลลภ-เสธ.แดง เดินทางกลับไทย ก็ยังพูดถึงแนวคิดนี้ต่อเนื่องมาอีก 2-3 วัน
ย่อมเชื่อได้ว่า ทักษิณตอนนั้นต้องเอาด้วยแน่นอน เพียงแต่เมื่อโยนไอเดียนี้ต่อสังคม ปรากฏว่ามีเสียงต่อต้านดังอื้ออึง แม้แต่ “บิ๊กจิ๋ว” พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ที่ซื่อบื้อมานับสิบปีในการเล่นการเมือง แต่เรื่องแบบนี้ บิ๊กจิ๋ว ที่กำลังจะถูก ทักษิณ-พัลลภ-เสธ.แดง จับโยนเข้ากองไฟ ด้วยการจะตั้งให้เป็นผู้บัญชาการสูงสุด ของกองทัพเถื่อน ย่อมรู้ดีว่าหากขืนเอาด้วย ชีวิตนี้นับถอยหลังเตรียมปิดฉากได้เลย
เพราะแค่เดินเท้าเข้าพรรคเพื่อไทยมาเป็นลูกสมุนคอยทำงานรับใช้ ทักษิณ ถึงขั้นวางแผนไปชักศึกเข้าบ้าน ตอนเดินทางไปโอบกอด ฮุนเซน ที่กัมพูชา ผู้คนก็ก่นประนามสาปแช่งพอแล้ว ครั้งนี้เลยไม่รับเผือกร้อน ซิ่งหนีแบบไม่ต้องคิด
แค่ชื่อกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็เห็นแล้วว่า เป็นการจัดตั้งที่คิดการไม่ดีต่อบ้านเมือง แฝงไว้ด้วยเล่ห์เพทุบาย ที่จะทำให้สังคมสับสน และหวังนำไปสู่การเผชิญหน้ากันของคนไทยด้วยกันเอง
พอไม่มีหัว หาตัวคนนำไม่ได้ ผสมกับกระแสตีกลับ ผู้คนรู้ทัน แผนการชั่วของทักษิณ กองทัพเถื่อน อย่าว่าแต่จะเดินเท้าเข้าสมรภูมิรบ ขนาดจะตั้งไข่ยังทำไม่ได้ ผสมกับเห็นแล้วว่า ศักยภาพของ พัลลภ-เสธ.แดง ไม่เจ๋งจริง ไม่สามารถจัดตั้งมวลชนนอกรัฐสภาขึ้นมารับงานอะไรได้ ผิดกับสามเกลอหัวขวด ที่สั่งปุ๊ปได้ปั๊ป
ทำให้ทักษิณ เลยคิดลดบทบาท และหวังลอยแพ พัลลภ-เสธ.แดง ที่ระยะหลังๆ มาเกาะติดให้ออกห่างไปจากตัวเองบ้าง
เพราะทักษิณเห็นแล้วว่า ภาพลักษณ์-วิธีคิดการต่อสู้ของทั้งสองคนที่กระจายผ่านสื่อมวลชน มุ่งเน้นในการใช้ความรุนแรง ทั้งที่สงครามยังไม่เริ่ม
ส่งผลให้ภาพลักษณ์คนเสื้อแดงติดลบ คิดว่าจะนัดชุมนุมเพื่อเผาบ้านเผาเมือง ( ทั้งที่ในใจก็อาจคิดอยู่ ) ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาในการบอกเล่าความเคลื่อนไหวก่อนนัดชุมนุมใหญ่ คิดแล้ว ทักษิณอาจเห็นว่าสู้เกาะขากางเกงสามเกลอในศึกใหญ่ที่จะมาถึงดีกว่า เพราะอย่างไรก็ชัวร์กว่าในเรื่องการระดมจัดตั้งมวลชนให้มาชุมนุมยึดหน้าทำเนียบรัฐบาล-รัฐสภา อย่างน้อยหากเป่านกหวีดใหญ่กันจริงๆ ก็น่าจะได้ไม่ต่ำกว่า สองหมื่น
แถมสามเกลอก็มีจุดขายที่ชัดเจน ทั้งบนเวทีและการนำเสนอผ่านทีวีเสื้อแดง ที่พูดปลุกเร้าใจเสื้อแดงให้ฮึกเหิมได้อย่างเมามัน ขณะที่พัลลภ ให้ไปขึ้นเวทีเสื้อแดง พูดไปลิงในเขาดิน ยังอาจงีบหลับ แถมที่สำคัญ พัลลภ-เสธ.แดง ไม่มีทั้งมวลชนจัดตั้งของตัวเอง และไม่มีสื่ออยู่ในการบริหารจัดการ อันต่างกับสามเกลอ ที่ยึดครองทั้ง พีเพิลชาแนล ทีวีเสื้อแดง -วิทยุชุมชนคนเสื้อแดงอีกหลายสิบคลื่นทั่วประเทศ ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับสามเกลอมาหลายปี หรือแม้แต่สิ่งพิมพ์หัวแดงหลายหัว ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค
สามเกลอหัวขวด ก็คอยช่วยบริหารกำหนดทิศทางการเสนอข่าวให้ สามเกลอจึงได้เปรียบที่มีสื่อในคอนโทรลการนำของตัวเองในหมู่ชนคนเสื้อแดงได้ อันเป็นสิ่งที่พัลลภ-เสธ.แดงไม่มี จึงถือเป็นจุดด้อยสำคัญ เมื่อไปเปรียบเทียบกับการสร้างการนำทางการเมืองของสามเกลอหัวขวด
ผสมกับลึกๆ สามเกลอก็มีอะไรในใจกับทั้ง พัลลภ-เสธ.แดง มานานแล้ว โดยเฉพาะกับ เสธ.แดงที่จับทางได้ว่า มีปัญหากันมาตั้งแต่ช่วงสงกรานต์เลือด ที่ไปรับปากอะไรไว้แล้วไม่ทำตามที่ให้คำมั่นสัญญา อันน่าจะเป็นเรื่องการจัดหน่วยกำลังเสริมมาช่วยเสื้อแดงต้านทหาร ที่มาสลายการชุมนุม ที่ไม่มาตามนัด
ดังนั้น เมื่อมีสัญญาณจากดูไบมาว่า ให้ลอยแพ พัลลภ-เสธ.แดง สามเกลอเลยรับลูกทันที และคว้ามีดไล่แทงทางการเมือง พัลลภ-เสธ.แดง จนเลือดสาด เกือบเอาชีวิตไม่รอด
ทว่า แดงแตกยับเช่นนี้ ต้องบอกว่า เป็นเรื่องดีก่อนถึงวันจุดประทัดตรุษจีน แถมหากแตกกันถึงขั้น สาวไส้ ตบปากกันเอง แบบนี้ ยิ่งดีจริงๆ เพราะทำให้พลังแดงถ่อย เสื่อมถอยกันไปเอง
แบบนี้ แผนเผาบ้านเผาเมืองของเสื้อแดงในกุมภาพันธ์นี้ พอเจอปัญหาแตกกันเองเช่นนี้ ก็น่าจะทำให้การเคลื่อนไหวเสื้อแดงไม่มีพลัง ยังไม่เริ่มออกสตาร์ท เครื่องก็รวนแล้ว
คำคุยของเสื้อแดงว่า ศึกนี้คือ End game น่าสงสัยว่าจะเป็น End game ของทักษิณ กับเสื้อแดง เสียมากกว่า!