xs
xsm
sm
md
lg

“อ๋อย” ประชดศาล!! สั่งยึดทรัพย์ “นช.แม้ว” แน่ ยุ “แดง” บุกขู่ กกต.เร่งยุบ ปชป.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
“จาตุรนต์” ตลบแตลง!! พูดประชดศาลฎีกายึดทรัพย์ “นช.แม้ว” แน่ ใส่ร้าย พันธมิตรฯ-รัฐบาลกดดัน แต่พล่ามมาได้ ไม่ได้พูดชี้นำ พร้อมหวัง “ปลวกแดง” บุก กกต.เร่ง คดีเงินบริจาค 258 ล้าน พรรคประชาธิปัตย์ ทำ “อภิชาต” กลัวตัวสั่น เลิกยื้อเวลาช่วยพรรครัฐ


วันนี้ (6 ม.ค.) ที่โรงแรมเรดิสัน เมื่อเวลา 11.30 น. นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงข่าวทิศทางการเมืองไทยหลังจาการยึดทรัพย์ 7.6 พันล้านของทั้งหมดแล้วว่า หัวข้อคงเห็นแล้วว่าตนคาดการณ์อย่างไร เชื่อยังใจเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ ขอชี้แจงก่อนว่าที่มาแถลงข่าววันนี้ไม่ต้องการที่จะกดดันศาล ไม่ต้องการที่จะให้เกิดผลใดๆ ต่อการตัดสินคดี เพราะเชื่อว่า ไม่มีใครที่จะกดดันศาลได้ และคาดว่า ถึงอย่างไรก็จะมีการยึดทรัพย์ 7.6 พันล้านทั้งหมดอยู่แล้ว เหตุที่เชื่อว่าจะมีการยึดเพราะ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้รับรององค์กรตรวจสอบที่คณะรัฐประหารตั้งขึ้น อย่าง คตส. และรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังรับรองการกระทำทุกอย่างของ คตส.แม้ว่าจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่นว่า การสอบสวนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และระบบยุติธรรมของไทยก็ได้ยอมรับการรัฐประหารและการแทรกแซงระบบยุติธรรมของคณะรัฐประหาร

นายจาตุรนต์กล่าวต่อว่า ที่สำคัญกว่า ที่ผ่านมาอย่างน้อย 2-3 เดือน ได้มีการปล่อยมีการกดดันศาลและชี้นำสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะให้เห็นว่าทรัพย์สินนี้ได้มาโดยมิชอบ ควรที่จะยึดเสีย และจะมีเหตุวุ่นวายรุนแรงแรงก่อนพิจารณาคดีและหลังพิจารณาคดี

“การกดดันศาลและสร้างกระแสสังคมเพื่อให้มีการตัดสินไปก่อนศาล ให้สังคมตัดสินไปก่อนศาล ได้ทำโดยบุคคลสำคัญของรัฐบาลเอง บางอย่างทำโดยนายกรัฐมนตรีเอง และบุคคลในรัฐบาล มีการใช้สื่อของรัฐอย่างเป็นระบบต่อเนื่องเพื่อการนี้ และมีการปล่อยให้มีการแสดงความคิดเห็นทั้งสื่อของรัฐ และสื่อต่างๆ ในลักษณะที่กดดันศาล ชี้นำสังคม สร้างกระแสสังคม ให้สังคมตัดสินไปก่อน โดยบุคคลสำคัญของรัฐ พันธมิตรประชาธิปไตย และอดีต กรรมการคตส.เอง ความจริงเป็นกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และหลักความยุติธรรม โดยทั้งหมดเกือบจะไม่เห็นการชี้แจงฝ่ายเจ้าของทรัพย์ที่จะถูกยึดเลย ใครพูดถึงบ้างในแง่ชี้แจงแทนเจ้าของทรัพย์ หรือให้ความเห็นไปในทางที่ไม่ยึด ก็จะถูกกล่าวหาทันทีว่ากดดันศาล” นายจาตุรนต์กล่าว

นายจาตุรนต์กล่าวต่อว่า จากเหตุผล 2 ส่วนนี้สันนิษฐานว่าคนสำคัญของรัฐบาล พันธมิตรฯ อดีตกรรมการ คตส.ก็ดี จะรู้หรือ เชื่อว่าจะมีการยึดทรัพย์ทั้งหมด โดยเฉพาะการเตรียมการของฝ่ายความมั่นคง การเตรียมการใช้ทีวีของรัฐชี้แจงการยึดทรัพย์ จะมีการหาทางป้องกันความรุนแรงที่จะเกิดหลังการตัดสินคดี เรื่องนี้จะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้คนในสังคมไทย ต่อระบบ กระบวนการยุติธรรมของประเทศ ทั้งในแง่การชื่นชม และมีการตั้งคำถามกันครั้งใหญ่ นอกจากนั้นจะมีความเสี่ยงความรุนแรงตามมา และอาจจะนำไปสู่การใช้กำลังเข้าปราบปรามประชาชน ซึ่งจะเป็นเหตุให้ความขัดแย้งในสังคมไทยยึดลึก บานปลายออกไป ยากที่จะสมานฉันท์ ดังนั้น นายกฯ และรัฐบาลควรจะต้องยุติ ล้มเลิกการดำเนินการในลักษณะเป็นการกดดันศาล ชี้นำสังคม สร้างกระแสสังคมที่เชื่อมโยงกับการเตรียมการให้กำลังจัดการกับประชาชนด้วย รัฐบาลก็อาจชนะทางการเมือง ปราบปรามประชาชนได้อย่างสบายๆ และในระยะยาวออกไป สังคมไทยก็จะเป็นสังคมขัดแย้งกันรุนแรงมากยิ่งขึ้น มีแผลบาดลึกมากยิ่งขึ้น ยากที่จะเยียวยา ยากที่จะสมานฉันท์ และเป็นการเผชิญหน้าไม่รู้จักจบจักสิ้น สร้างความเสียหายให้กับประเทศมากยิ่งขึ้น

นายจาตุรนต์กล่าวด้วยว่า ที่อยากเสนอทั้ง 2 ส่วนคือ ทั้งกับรัฐบาลและกับผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยคือ นอกจากระมัดระวังก่อนถึงวันตัดสินแล้ว และหลังวันตัดสินคดี อยากเสนอให้ฝ่ายที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ต้องมีการเตรียมความคิด เตรียมความรู้สึกประชาชน ให้มีความอดทน อดกลั้นมากที่สุด จึงอยากให้ประชาชนติดตามเรื่องนี้ด้วยใจเป็นธรรม ศึกษาหาข้อมูลในเรื่องนี้โดยเปิดรับข้อมูลจากทุกฝ่าย ไม่ใช่ปล่อยให้มีการให้ข่าว ให้ข้อมูลชี้นำอยู่ฝ่ายเดียวอย่างที่เป็นอยู่ ส่วนจะใช้วิจารณญาณตัดสินใจอย่างไร เห็นว่าอะไรดีไม่ดีอย่างไร ถ้าทุกอย่างอยู่ภายใต้กระบวนการของกฎหมาย อยู่ภายใต้สันติวิธี สังคมคงจะหาทางออกมาในอนาคตกันได้

เมื่อถามว่า เงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านที่วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ กลุ่มเสื้อแดงจะไปชุมนุมที่กกตมองหรือไม่ว่าจะสามารถทำให้ กกต.เปลี่ยนใจหรือตัดสินใจไปในทางใดทางหนึ่ง นายจาตุรนต์กล่าวว่า เสื้อแดงไปกดดัน กกต.ไปทวงถามกกต.มากกว่า ผลที่เกิดขึ้นคือทำให้สังคมมาสนใจในเรื่องนี้มากขึ้นได้อีกหน่อย เข้าใจว่าตอนนั้นข่าวอื่นคงจะกลบเสียด้วย แต่คงทำให้สังคมสนใจวิพากษ์วิจารณ์กันมากขึ้น และคงทำให้ กกต.โดยเฉพาะประธาน กกต.มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปมากยิ่งขึ้น ก็อาจจะทำให้ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ไม่กล้าเยื้อเวลาอีกต่อไป หรือไม่กล้าช่วยที่จะช่วยพรรคประชาธิปัตย์มากๆ อย่างที่ทำไปในฐานะประธาน กกต.เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ประธาน กกต.ได้ทำผิดไปแล้ว เห็นชัดเจนอยู่แล้ว ที่ไปลงมติไป ที่เสร็จแล้วบอกว่าขอเวลาอ่านมันผิดอยู่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น