xs
xsm
sm
md
lg

“หมัก” ยังระรื่น! โบ้ย รธน.50 ต้นตอมรสุมรุมเร้าหุ่นเชิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
นายกฯ ไม่สะทกสะท้านมรสุมการเมืองรุมเร้า กล่าวโทษ รธน.50 คือต้นตอปัญหา ยังปักหลักใช้สื่อรัฐจ้อกรอกหู ปชช.ทุกสัปดาห์ ด้านโฆษกลูกกรอกยังหน้าด้านทำงานต่อไม่สนกระแส ปัดยุบสภาหนี

วันนี้ (9 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้การต้อนรับ

โดยก่อนเข้าห้องประชุม นายสมัครได้สนทนากับหลายๆ คน ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และอารมณ์ดีเป็นพิเศษ พร้อมยืนยันไม่กังวลกับเรื่องต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังเผชิญอยู่ เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมาก็สามารถนอนหลับตามปกติ และในขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องมีการตัดสินใจทางออกใดๆ ตามที่หลายฝ่ายพยายามกดดัน โดยวันอาทิตย์นี้น่าจะมีโอกาสได้อธิบายเหตุการณ์ต่างๆ ผ่านรายการสนทนาประสาสมัคร

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าในที่ประชุม นายสมัครยอมรับถึงปัญหาทางการเมืองในขณะนี้เป็นเพราะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงต้องการให้นักวิชาการมาดูแลเนื่องจากบริหารงานค่อนข้างลำบาก

ด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคว่า พรรคพลังประชาชนในฐานะแกนนำรัฐบาลยังเดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชนดีที่สุดเท่าที่มีเวลา เรื่องที่เกิดขึ้นก็ต้องยอมรับและให้เป็นไปตามกระบวนการศาล รวมถึงกรณีการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เข้าข่ายเป็นสนธิสัญญาตามมาตรา 190 เป็นสิ่งที่ต้องยอมรับ

“อย่าเพิ่งไปถามนายยงยุทธเลยว่าถอดใจไม่เล่นการเมือง เพราะตอนนี้ศาลตัดสินแล้วก็ต้องทำใจยอมรับสภาพ และนายยงยุทธก็เข้าไปอยู่ในกลุ่ม 111 เป็นเรื่องปกติ อย่าไปซ้ำเติมอะไรมาก” ร.ท.กุเทพ กล่าว

ต่อข้อถามว่า เรื่องที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลแค่ไหน ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า กระบวนการขณะนี้ศาลตัดสินเป็นคดี ไม่ได้มีผลโดยรวมต่อเสถียรภาพรัฐบาลทั้งหมด เพราะยังมีกระบวนการต่อสู่ในแต่ละเรื่อง และถ้าพรรคร่วมรัฐบาลยังยืนยันทำงานร่วมกันต่อไป ก็ทำให้รัฐบาลเดินหน้าได้ ซึ่งขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลยืนหยัดเหนียวแน่นอยู่ ส่วนแนวทางการยุบสภาคงยังเป็นไปไม่ได้ เพราะยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ แต่ยอมรับว่าขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี

“หมัก” รีบแจ้นถก กก.บห.พปช.

ต่อมา เมื่อเวลา 11.45 น. นายสมัคร ได้เดินทางไปยังที่ทำการพรรคพลังประชาชนเพื่อร่วมประชุมกับกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน หลังที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคดีใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน อดีตประธานสภา ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี โดยใช้เวลาการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง

ทั้งนี้ นายสมัคร ได้ยกเลิกกำหนดการณ์เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีของนายไยชิล บัตซูรี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐมองโกเลียประจำประเทศไทย ในโอกาสที่จะพ้นจากหน้าที่ จากนั้นเมื่อเวลา 13.30 น. นายสมัคร ได้เดินทางกลับเข้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อเตรียมการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2551 ที่ตึกไทยคู่ฟ้า เวลา 14.00น. จากนั้นเวลา 18.30 น. นายกฯ เข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองเนื่องในโอกาสวันชาติสาธารณรัฐมองโกเลียครบรอบ 87 ปี ณ ห้องซาลอน บี ซี กลาส วอร์ โรงแรม เจดับบลิว แมริออท ถนนสุขุมวิท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากนายสมัครได้เดินทางมายังที่ทำการพรรคพลังประชาชนเพื่อเป็นประธานการประชุมกรรมการบริหารพรรค โดยใช้เวลาประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีแกนนำพรรคและรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเข้าประชุมอย่างพร้อมเพียง อาทิ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม นายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรฯ เป็นต้น

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรค แถลงว่า ที่ประชุมได้พิจารณาคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งที่วินิฉัยให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรค และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีเขาพระวิหาร โดยนายสมัครได้บอกต่อที่ประชุมว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่พวกเราคาดว่าจะมาเผชิญกับภาวะความยากลำบากอย่างนี้อยู่แล้วตั้งแต่ต้น เพราะเราได้ต่อสู้ทางการเมืองในช่วงเวลาที่มีการยึดอำนาจ เพื่อทำลายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่พวกเราบังเอิญสืบทอดเจตนารมณ์และนโยบายของอดีตนายกฯ จึงถูกเป็นเป้าที่จะต้องทำลายในทุกวิถีทาง แม้เป็นรัฐบาลยังต้องมาเผชิญกับภาวะความยากลำบากอย่างที่เห็น

ร.ท.กุเทพกล่าวว่า เมื่อเราเตรียมรับสถานการณ์อย่างนี้ นายกฯได้บอกว่าไม่หวั่นวิตก ไม่ปอด ไม่ถอย และมีเหตุผลที่สามารถอธิบายได้ทุกเรื่อง จะใช้เวทีรายการสนทนาประสาสมัครอธิบายความให้ครบถ้วน เพื่อไม่ให้มีการตัดบางประเด็นหรือเบี่ยงเบนทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน นายกฯยืนยันจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาของประชาชนให้ถึงที่สุด เพื่อทำให้เกิดความชัดเจนพรรคพลังประชาชนจะนัดประชุมส.ส.ในวันที่ 10 ก.ค.นี้ เวลา 16.00 น. นายกฯจะเดินทางมาร่วมประชุมชี้แจงกับส.ส. เพื่อทำให้เกิดความมุ่งมั่นและมีความเป็นหนึ่งในแนวทางที่เราจะเดินหน้าทางการเมืองด้วยกัน

“วันนี้นายกฯ ไม่ได้แสดงอาการหวั่นไหว มีขวัญกำลังใจดี ส่วนกรณีการต่อสู้คดีต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับพรรคที่จะต้องต่อสู้เพื่อขอความเป็นธรรมให้รอบคอบ รัดกุมที่สุดนั้น ที่ประชุมมีมตินายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะหัวทีมกฎหมายของพรรคเป็นผู้ดูแลในดำเนินการในกรณีที่จะมีการยื่นคดีต่างๆเกี่ยวกับพรรค ส่วนกรณีท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายกฯบอกว่าพรรคร่วมทุกพรรคไม่มีปัญหา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องตามกระบวนการยุติธรรม พรรคร่วมเข้าใจประเด็นนี้ดี เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เป็นที่ยืนยันตรงกันว่ารัฐบาลชุดนี้มีองค์ประกอบอย่างที่เป็นอยู่ และเดินหน้าร่วมกันแก้ไขปัญหาต่อไป”รท.กุเทพ กล่าว

ร.ท.กุเทพ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้ประเมินสถานการณ์โดยได้เสนอแนวทางต่างๆต่อหัวหน้าพรรคอย่างละเอียด โดยมีความชัดเจนตรงกันว่าวันนี้การเมืองยังเดินหน้าไปได้ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยต้องฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ถึงจุดหมายปลายทางในเวลาที่เราเหลืออยู่ ภายใต้อาณัติที่ประชาชนที่ให้เรามาจะทำให้ทำหน้าที่จนถึงที่สุด ส่วนกรณีที่ที่ประชุมส.ส.แสดงความขอบคุณการทำงานของนายกฯนั้น นายกฯยืนยันที่จะเกาะเกี่ยวเหนี่ยวแขนเป็นหนึ่งเดี่ยวเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ถือเป็นแนวทางที่ถูกต้อง วันนี้เราจะไม่รู้สึกหวาดกลัวต่อสิ่งใดทั้งสิ้น เพราะเชื่อมั่นสิ่งที่เราทำอยู่นั้นมีประชาชนเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุน

เมื่อถามว่ามี ส.ส.ในพรรคเสนอให้ยุบสภา ร.ท.กุเทพตอบว่า มีหลายมาตรการในการแก้ไขปัญหา แต่วันนี้ที่ประชุมมีมติและมีความเห็นสอดคล้องกับนายกฯว่า จะต้องใช้เวลาที่มีอยู่แก้ปัญหาให้ประชาชน หมายถึงมาตรการอื่นร่วมถึงการยุบสภาจะยังไม่มีการนำมาใช้ ทั้งนี้ไม่อยากให้พรรคเมืองที่อยู่ในสภาหวั่นวิตกจนเกินเหตุ เรายืนหยัดและยืนยันว่าจะใช้เวลาที่มีอยู่ในการแก้ปัญหาให้ประชาชน วันนี้ถ้าการเมืองยังเดินหน้าได้ในระบบปกติ สภาทำงานได้ไม่มีข้อขัดแย้ง ไม่มีปัญหาก็ไม่ต้องวิตกในเรื่องการยุบสภา

ร.ท.กุเทพกล่าวว่า ส่วนกรณีที่จะมีการยื่นถอดถอนครม.ต่อป.ป.ช.นั้น เราได้วิตกทุกข์ร้อนล่วงหน้า เพราะขั้นตอนต่างๆจะเดินหน้าไป องค์กรที่เกี่ยวข้องเมื่อได้ฟังเหตุผลต่างๆคงเข้าใจที่รัฐบาลได้ดำเนินการไป ไม่ใช่พอเห็นฝ่ายค้านจะยื่นถอดถอนแล้วทำให้เราหวาดหวั่น หรือจะต้องกลัวจนลนลาน ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าพรรคพลังประชาชนจะต้องถูกดำเนินการทางคดีต่างๆ ทำให้ต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ไม่เป็นความจริง จะต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของรัฐสภาที่อยู่ในชั้นการพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญ ตอนนี้พรรคเตรียมแค่สู้คดี

"สุทิน"เผยตั้งทนายสู้คดียงยุทธ แกนนำพรรคอ้างตั้งธงไว้แล้ว

ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการจัดงานระดมทุน การจัดงานสัมนาส.ส.พรรค รวมทั้งได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน เช่นคดีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรค กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสนธิสัญญาที่นายนพดล ไปลงนามเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา190 ซึ่งคดีของนายยุงยุทธ ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคเห็นว่า ต้องยอมรับคำตัดสินของศาล แต่กระบวนการหลังจากนี้จะมอบหมายให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองเลขาธิการพรรค ไปดูภาพรวมและตั้งทีมทนายต่อสู้คดี โดยอาจรวบรวมทีมทนายที่เคยทำคดียุบพรรคไทยรักไทยมาช่วยทำคดี ส่วนที่มีการมองกันว่าให้ใบแดงนายยงยุทธ อาจนำไปสู่การยุบพรรคพลังประชาชนได้ ยอมรับว่าแกนนำบางคนวิตกว่าเรื่องนี้ที่อาจมีการตั้งธงไว้แล้ว แต่ขอสู้ตามเนื้อหาสาระของเรา และเมื่อพิจารณาให้ดีกรณีนี้มีความแตกต่างจากสมัยพรรคไทยรักไทยอยู่มาก ส่วนเรื่องแนวทางพรรคสำรองยังไม่มีการพูดถึง

ส่วนกรณีที่พรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นถอดถอนรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นั้นที่ประชุมได้ร่วมวิเคราะห์ว่า ตามที่ได้ศึกษาข้อกฎหมายจะไม่สามารถถอดถอนครม.ทั้งคณะได้ อาจจะดำเนินการเพียงรายบุคคลและคงจะยื่นถอดถอนนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ อย่างแน่นอน ส่วนกระแสข่าวนายนพดลอาจลาออกหลังเดินทางกลับจากต่างประเทศ ที่ประชุมยังเชื่อว่าเป็นเพียงกระแสข่าวและไม่ได้พูดถึงตามที่มีการประเมิณว่าหากนายนพดล ลาออกจะช่วยลดกระแสกดดันทางสังคมได้

ส่วนที่จะมีการดำเนินคดีทางอาญาต่อรัฐมนตรีบางบุคคลด้วยนั้น ต้องดูว่าสว.ที่จะดำเนินการอยู่ในฐานะเจ้าทุกข์หรือไม่ หรือหากมีสิทธิ์แจ้งความดำเนินคดีรัฐบาลก็ไม่วิตกเพราะว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ทำโดยเจตนา แต่ได้ปรึกษาหารือกับหน่วยงานอื่นแล้ว อาทิ กรมสนธิสัญญา หน่วยงานความมั่นคง เพราะฉะนั้นเรื่องเหล่านี้ รัฐบาลไม่ได้วิตก เรามองเป็นเพียงการสร้างกระแสทับถมโจมตีรัฐบาล เพื่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนกับฝ่ายต่อต้าน

นายสุทิน ยอมรับว่า ในที่ประชุมได้พูดถึงเรื่องข้อเสนอการยุบสภาบ้าง แต่นายสมัครก็ได้ให้ความมั่นใจว่า วันนี้ยังไม่คิดยุบสภา ถ้าคิดเมื่อไหร่จะปรึกษาพวกเรา(ส.ส.)ก่อน แต่วันนี้ยังไม่คิด นายสมัคร ยังพูดกับที่ประชุมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะมีบางกลุ่มบางบุคคล พยายามทำให้มันเกิดสถานการณ์ เรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ส่วนใครจะเป็นใคร เป็นมือที่มองไม่เห็นหรือไม่ ท่านไม่ได้พูดถึงไปขนาดนั้น แต่เพียงตอนนี้เราควรศึกษาและแก้ปัญหาของประเทศไป และถือเป็นธรรมดาทุกรัฐบาลนี้มีทั้งคนรักและคนชัง

นายสมัคร ยังพูดถึงคดีที่เกิดขึ้นกับตัวเองด้วยว่า ไม่ได้ให้น้ำหนักเท่าไหร่ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นปัญหา เพียงแต่มีความพยายามเร่งรัด มีการไปขุดคุ้ย โดยท่านไม่ได้วิตกกังวลอะไร แต่วิตกว่าจะมีการนำมาสร้างให้เป็นกระแสทางการเมืองมากกว่า เพื่อให้การเมืองอึมครึมมากขึ้น ส่วนกรณีรายงานข่าวผู้บริหารบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ออกมาระบุว่ามีการให้สินบนในช่วงที่นายสมัครเป็นผู้ว่ากทม.นั้น

ท่านบอกเพียงแค่ว่า เพิ่งรู้จักชื่อบริษัทนี้ตอนที่เป็นข่าวไปแล้วท่านบอกว่าอ๋อบริษัทนี้ได้มาทำ ซึ่งท่านตั้งข้อสังเหตุเพียงเล็กน้อยว่า กระบวนการที่เกิดขึ้นเป็นการเชื่อมโยงความเคลื่อนไหวเป็นกระบวนการ ลดความเชื่อถือของรัฐบาล พยายามสร้างสถานการณ์ให้ปั่นป่วนในที่สุดนำไปสู่การล้มรัฐบาล และนำไปสู่การถอนรากถอนโคนพ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนี้ท่านสมัคร บอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ส.ส.พยายามไปชี้แจงต่อประชาชนด้วย

นายสุทินยังกล่าวถึงท่าทีของพรรคร่วม มีแกนนำพรรคบางคนได้หยิบยกมาพูดบ้างโดยมองว่า อาจมีพรรคร่วมบางพรรคอาจจะขวัญเสียบ้าง แต่พอผ่านวันนี้พรุ่งนี้ หากแกนนำพรรคพลังประชาชนยืนอยู่อย่างไม่สะทกสะท้าน พรรคร่วมก็จะมั่นใจ

สำหรับ พรรคเพื่อไทย ที่คาดว่าอาจเป็นพรรคสำรองหากมีการ ยุบพรรคพลังประชาชน นั้นปรากฎว่าพรรคเพื่อไทย(พท.) ได้ไปยื่นจดทะเบียนต่อกกต.เมื่อวันที่ 20 ก.ย.50 มีนายบัณจงศักดิ์ วงศ์รัตนวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค นายโอฬาร กิจเลิศไพโรขน์ เป็นเลขาธิการพรรค มีกรรมการบริหารพรรค 17 คน โดยมีสำนักงานใหญ่ที่ได้แจ้งต่อกกต.คือ 111/1 อาคารนวสร ถ.พระรามม3 แขวง/เขต บางคอแหลม กรุงเทพ 10120 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตุว่าสถานที่ดังกล่าวเคยเป็นที่ทำการพรรคไทยรักไทย ในขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย อีกด้วย

อดีตบิ๊กทหารสาย"แม้ว"ติง"ปฐมพงษ์"

พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงกรณีพล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะที่ปรึกษา กองบัญชาการทหารสูงสุด ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ว่า ส่วนตัวคิดว่าทหารไม่ควรแสดงออกให้มากจนเกินไป เพราะกองทัพควรที่จะเป็นแบบอย่างและผู้นำเรื่องความสามัคคีและเมื่อมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ออกมาพูดลักษณะนี้ และยิ่งเป็นการพูดบนเวทีพันธมิตรฯโจมตีรัฐบาลถือว่าไม่ใช่สิ่งที่ดี และนำไปสู่ความแตกแยกของสังคมเกิดขึ้นได้

เมื่อถามว่าในที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับเรื่องการปฏิวัติบ้างหรือไม่ พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า ไม่มี และการหาทางออกเรื่องการปฎิวัติไม่ใช่แนวทางที่ดีอย่างที่บางคนออกมาเสนอ

สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองว่าพรรคพลังประชาชนและรัฐบาลจะหาทางออกอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ตัดสินใจดำเนินการ แต่ส่วนตังยังไม่ทราบว่านายกรัฐมนตีจะตัดสินใจอย่างไร หลังจากที่ได้ฟังการวิพากษ์วิจารณ์โดยสมาชิกของพรรคแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น