นายกฯ และภริยา นำคณะรัฐมนตรี ร่วมตักบาตรพระสงฆ์ 83 รูป ก่อนเปิดโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ 89 รูป
วันนี้ (5 ก.พ.) ที่บริเวณตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้นิมนต์พระสงฆ์จาก 6 วัด เพื่ออาราธนาศีลแก่ข้าราชการที่เข้าร่วมโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติฯ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยภริยา คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เข้าร่วมพิธีสงฆ์ พร้อมถวายภัตตาหารเช้าและถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์จำนวน 83 รูป โดยมีผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล พร้อมด้วย แขกผู้มีเกียรติ และบรรดาญาติของผู้เข้าอุปสมทบ ได้มาร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก เมื่อเสร็จสิ้นพิธีสงฆ์ นายอภิสิทธิ์ได้เป็นประธานเปิดการปฐมนิเทศโครงการดังกล่าวว่า การที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ริเริ่มดำเนินโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล ถือเป็นการส่งเสริมสถาบันพระพุทธศาสนา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างความมั่นคงแก่สถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นแบบอย่างที่ล้ำเลิศในการผดุงรักษาพระศาสนา ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกและพุทธมามกะ ทรงยึดมั่นในทศพิธราชธรรม และหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา พระองค์มีพระราชศรัทธาทรงพระผนวชในพระบวรพุทธศาสนา ทั้งยังพระราชทานหลักธรรมผ่านพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส เพื่อน้อมนำพสกนิกรชาวไทยให้รู้รักสามัคคี และให้ตระหนักในคุณค่าของคุณงามความดี ประพฤติปฏิบัติตนตั้งมั่นอยู่ในคุณธรรมและจริยธรรมทั้งกายวาจาใจ ซึ่งพี่น้องชาวไทยควรเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในการผดุงรักษาพระบวรพุทธศาสนา
ทั้งนี้ ทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ที่ทรงพระราชทานผ้าไตรจำนวน 1 ไตร และเงินสมทบทุนโครงการจำนวน 84,000 บาท เพื่อร่วมบำเพ็ญกุศลน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสจัดโครงการบรรพชาอุปสมบทดังกล่าว สำหรับผู้ที่เข้าร่วมโครงการฯ ในครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้แทนข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ตุลาการ และพลเรือน จาก 76 จังหวัด ทั่วประเทศ รวมทั้งข้าราชการในทำเนียบรัฐบาล อาทิ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และตำรวจ ทหาร ตลอดจนหน่วยงานสนับสนุนอื่นๆ ในส่วนกลางได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รวม 89 คน
ทั้งนี้ ผู้อุปสมบทฯ จะเดินทางไปจาริกแสวงบุญ ณ พุทธสังเวชนียสถาน 4 แห่ง ได้แก่ลุมพินี ในประเทศเนปาล พุทธคยา พาราณสี และ กุสินารา ในสาธารณรัฐอินเดียระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 3 มีนาคม 2553 รวม 13 วัน ซึ่งพระภิกษุสงฆ์เหล่านี้จะได้ศึกษาพระธรรมวินัย ปฏิบัติธรรมในแดนพุทธภูมิ เพื่อเป็นการน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสืบสานพุทธศาสนาให้ดำรงยั่งยืนสืบต่อไป
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีรับผ้าไตรพระราชทานจากพานหน้าพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ที่พระราชทานแก่โครงการฯ จากนั้นได้มอบผ้าไตรฯ แก่ประธานโครงการฯ และมอบผ้าไตรให้แก่ผู้เข้าร่วมบรรพชาอุปสมบททุกคน และขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจร่วมเป็นเจ้าภาพบรรพชาพระสงฆ์ 89 รูป และร่วมทำนุบำรุงวัดไทยในสาธารณรัฐอินเดียและสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตย เนปาล ด้วยการบริจาคเงินผ่านธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยทำเนียบรัฐบาล บัญชีเลขที่ 067-0-05706-1 ชื่อบัญชี “กองทุนเพื่อโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี” ซึ่งจะปิดรับการบริจาคในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2288-4000 ต่อ 4335-6 ในวันและเวลาราชการ