"สมเด็จพระราชินี-เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์" เสด็จพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร หลวงตามหาบัว พร้อมทรงทอดผ้าไตรพระราชทาน นายกฯ พร้อมคณะรัฐมนตรีวางดอกไม้จันทน์หน้าเมรุชั่วคราว ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมงานนับล้านคน โดยส่วนมากต่างนอนพักค้างคืนเพื่อร่วมพิธีสามหาบแต่เช้าพรุ่งนี้ (6 มี.ค.)
วันนี้ (5 มี.ค.) ที่วัดเกษรศีลคุณ หรือ วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเป็นประธานทอดผ้าไตรพระราชทาน ที่บริเวณจิตกาธาน ในงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ หลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน
ทั้งนี้ ได้มีพุทธศาสนิกชน และพระภิกษุสามเณร จากทั่วทุกสารทิศนับล้านคน เดินทางมาร่วมงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ณ เมรุชั่วคราว วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี โดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ประธานผ้าไตรพระราชทาน จำนวน 5 ไตร ให้กับผู้แทนพระองค์ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ และพระเทพสารเวที พระเลขาในสมเด็จพระสังฆราชฯ ทอดผ้าไตรพระราชทาน
เมื่อเวลา 17.10 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชนีนาถ เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ณ เมรุชั่วคราว วัดป่าบ้านตาด โดยเมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเข้าพลับพลา ประทับพระราชอาสน์ เสด็จพระราชดำเนินขึ้นเมรุ ทรงทอดผ้าไตร 10 ไตร ที่จิตกาธาน รอบโกฐ พระสงฆ์ 10 รูป บังสุกุล ประกอบด้วย สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดสัมพันธวงศ์ สมเด็จพระมหามุนี วัดราชบพิธ พระธรรมวรภรณ์ วัดเครือวัลย์ พระธรรมเจติจารย์ วัดศรีมหาธาตุ พระธรรมบัณฑิต วัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษก พระธรรมดิลก วัดป่าแสงอรุณ จ.ขอนแก่น และพระญาณสิทธาจารย์ วัดสามัคคีอุปถัมภ์ ฯลฯ เสร็จแล้ว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จฯ ลงจากเมรุ ทรงหยิบกระทงข้าวตอกดอกไม้จากเจ้าพนักงานพระราชพิธีวางข้างโกฐ ทรงหยิบธูปเทียน ดอกไม้จันทน์ จากเจ้าพนักงานพระราชพิธี ทรงจุดไฟที่ตำรวจวังชูถวาย พระราชทานเพลิง ซึ่งมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่จำนวน 39 รูป พระภิกษุสงฆ์ สามเณร แม่ชี และประชาชนจากทั่วทุกสารทิศมาร่วมงานอย่างเนืองแน่น
ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ได้เดินทางถึงวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานีแล้ว พร้อมวางดอกไม้จันทน์ และไม้จิกที่ข้างโกฐ ก่อนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ต่อมาเวลา 17.45 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินด้วยรถยนต์พระที่นั่งออกจากบริเวณงานพระราชทานเพลิงไปยังกองบิน 23 อุดรธานี เพื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับ
เวลา 18.00 น. ทำการพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนนับล้านคน เดินทางมาร่วมพิธีจนแน่นไปทั่วบริเวณงาน ขณะที่สถานที่จอดรถจำนวนหลายพันไร่ ต่างคราคร่ำไปด้วยรถยนต์จากทั่วสารทิศ ทำให้บรรยากาศการเดินทางกลับในเส้นทางต่างๆ เพื่อออกจากวัดป่าบ้านตาดค่อนข้างติดขัด
ส่วนหนังสือที่บรรดาศิษยานุศิษย์จัดพิมพ์แจกเป็นของที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นที่ต้องการของพุทธศาสนิกชนเป็นจำนวนมาก โดยหนังสือที่พุทธศาสนิกชนต่างให้ความสนใจ คือหนังสือที่ทางวัดป่าบ้านตาดจัดพิมพ์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ตั้งแต่กำเนิดจนกระทั่งวินาทีที่ดับขันธ์ และคาดว่าหนังสือเล่มนี้จะแจกเฉพาะกลุ่มข้าราชการและญาติโยมสายที่ใกล้ชิดหลวงตาเท่านั้น ประชาชนทั่วไปไม่น่าจะมีโอกาสได้รับแจก จะมีการจัดพิมพ์ทั้งหมด 1 แสนเล่ม งบประมาณราว 20 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้พิธีพระราชทานเพลิงเสร็จสิ้นไปแล้ว ยังมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากที่นอนพักค้างคืนทั้งภายในและด้านนอกวัดป่าบ้านตาด ด้วยการกางเต็นท์หรือปูเสื่อ บ้างนอนในรถยนต์ เพื่อต้องการรอทำบุญตักบาตรและร่วมพิธีสามหาบ หรือพิธีเก็บอัฐิอังคารหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ในเช้าวันพรุ่งนี้ (6 มี.ค.) ขณะที่ที่พักโรงแรมทุกประเภทในตัวเมืองอุดรธานีถูกจองจนเต็มไปก่อนหน้านี้แล้ว
สำหรับอัฐิอังคารของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ภายหลังเพลิงมอดสนิท ทางคณะสงฆ์จะจัดเก็บอัฐิอังคารขององค์หลวงตาทันที โดยจะนำไปบรรจุในหีบเหล็กแล้วล็อคด้วยกุญแจ 8 ดอก ซึ่งการจัดแบ่งอัฐิอังคารหลวงตาจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือการคัดสรรอัฐิอังคารขององค์หลวงตาส่วนที่สมบูรณ์และสวยที่สุดบรรจุไว้ในผอบทองคำหนัก 1 กิโลกรัม เพื่อเตรียมไว้บรรจุในเจดีย์ที่อาจจะมีการจัดสร้างขึ้นในอนาคต ให้ญาติธรรมประชาชนได้กราบสักการะรำลึกถึงพระคุณขององค์หลวงตา ซึ่งผอบที่ทำด้วยทองคำดังกล่าวทางลูกศิษย์ลูกหาขององค์หลวงตาเป็นผู้จัดทำขึ้นด้วยความศรัทธา
สำหรับอัฐิอังคารอีกส่วนที่เหลือ จะแบ่งมอบให้กับวัดป่าต่างๆ ทั่วประเทศที่พระลูกศิษย์หลวงตาไปปกครอง หรือวัดป่าที่องค์หลวงตามหาบัว เคยไปตั้งกองทุนผ้าป่าทองคำช่วยชาติไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งวัดป่าต่างๆ เหล่านี้ ก็จะนำอัฐิอังคารหลวงตาไปจัดเก็บด้วยรูปแบบใดก็ตาม เพื่อให้ญาติธรรมในพื้นที่นั้นๆ ได้สักการะบูชาและรำลึกถึงคำเทศนาสั่งสอนของท่าน