xs
xsm
sm
md
lg

“อาทิตย์” เสนอตั้งรัฐบาลคนดีแห่งชาติ งด รธน.บางมาตรา สังคายนาประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต
“อาทิตย์” เสนอแนวคิดรัฐบาลคนดีแห่งชาติ ดึงคนไทยทั้งชาติสังคายนาประเทศ ชี้ไม่ควรยึดติดตัวหนังสือ อย่าคิดแค่กรอบการเลือกตั้งเพราะปัญหาขัดแย้งเดิมๆ จะวนกลับมา แนะงดการใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราผ่าทางตันการเมือง ยึดเจตนารมณ์การปกครอง และจิตวิญญาณความเป็นไทยหาทางออกประเทศ

วันนี้ (5 ก.พ.) นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และรักษาการประธานรัฐสภา ช่วงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ กล่าวถึงทางออกของสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ว่า ที่มาของความตึงเครียดในบ้านเมือง คือ ความประพฤติของคนในแวดวงการเมืองนั้นคำนึงถึงผลประโยชน์ของตนเองโดยไม่ใช้จิตสำนึกเรื่องความรักชาติบ้านเมือง แท้จริงแล้วปัญหาดังกล่าวเกิดจากความไม่รับผิดชอบ ไม่ปฏิบัติหน้าที่และความไม่เด็ดขาด เป็นผลให้เกิดความวุ่นวาย ทั้งนี้ ตนมองว่าสาเหตุที่แท้จริงมีอย่างเดียวคือการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องการกลับมามีอำนาจและต้องการหลุดพ้นจากความผิดที่เกิดขึ้น จึงพยายามสร้างกระบวนการบางอย่างโดยใช้อิทธิพลและอำนาจเงินมาสร้างความวุ่นวายปั่นป่วนให้แก่ประเทศชาติ ในขณะที่สภาซึ่งเป็นกลไกของประเทศชาติ ทั้งสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงรัฐบาลกลับไม่มีจิตสำนึกในการปฏิบัติหน้าที่ที่ควรจะทำ ทุกอย่างในขณะนี้จึงเลวร้ายไปหมด

ดร.อาทิตย์ กล่าวว่า สาเหตุของปัญหาบ้านเมืองที่แท้จริง คือ 1.ฝ่ายการเมืองที่ประกอบด้วย ผู้แทนราษฎร รัฐสภาและรัฐบาล ซึ่งตนเห็นว่ากลุ่มคนเหล่านี้คิดถึงแต่ประโยชน์ของตนเอง โดยเป็นความบังเอิญที่ผลประโยชน์บางอย่างมีความสอดคล้องกับผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ การคงอยู่ของการมีอำนาจรัฐด้วยประเด็นที่มาของการเป็นผู้แทนราษฎร โดยการใช้เงินซื้อเสียงเพื่อเข้ามาเป็นผู้แทนราษฎรและกุมอำนาจรัฐบาล ซึ่งตนเห็นว่ามีที่มาไม่ถูกต้องเพราะไม่ใช่เป็นแนวทางที่พูดได้ว่าเป็นประชาธิปไตย นอกจากนี้ผู้แทนราษฎรของเราก็ด้อยคุณภาพ ทั้งสติปัญญา จริยธรรม เพราะมัวแต่คำนึงถึงการแสวงหาประโยชน์ ทั้งนี้ตนไม่เคยเห็นแม้แต่ครั้งเดียวที่ผู้แทนเหล่านี้จะพูดถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมหรือประโชน์สุขของประชาชน พูดแต่เพียงว่าทำอย่างไรถึงจะได้เปรียบ

ดังนั้น เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญจึงเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทั้งสิ้น ไม่ใช่ผลประโยชน์ของประเทศชาติแต่อย่างใด แต่คนเหล่านี้กลับใช้เรื่องดังกล่าวมาเป็นเกณฑ์เพื่อสร้างความแตกแยกที่ไม่เป็นเอกภาพ ทำให้รัฐบาลต้องตกอยู่ในสภาพง่อยเปลี้ยเสียขาทำงานไม่ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความเด็ดขาด ในขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงต้องการสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในประเทศโดยใช้อนาคตของประเทศไทยกับชีวิตของคนกว่า 60 ล้านคนเป็นเดิมพัน อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าแท้จริงแล้วสถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพสิ้นหวัง เพราะหากตั้งใจแก้ปัญหาทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ก็จะสามารถแก้ไข เพียงแต่ยังไม่มีใครทำเท่านั้นเอง

“การที่เสื้อแดงยังอ้างว่าปัญหาการเมืองมีจุดเริ่มจากการปฏิวัตินั้น เป็นเพราะคนที่ทำการปฏิวัติไม่อธิบายถึงสาเหตุและความจำเป็นที่ต้องกระทำการดังกล่าว หรือชี้แจงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทำการอะไรไว้ ผมเห็นว่าผู้ทำการปฏิวัติดำเนินการโดยไม่มีการวางแผน มัวแต่ปฏิเสธ จึงทำให้เกิดข้ออ้างเหล่านี้ขึ้น ในอดีตผมเคยติดต่อเพื่อบอกให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บัญชาการทหารบก และหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ออกมาเปิดเผยถึงขั้นตอนและผู้ร่วมวางแผนในการปฏิวัติเพื่อชี้แจงให้ประชาชนรู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร และในขณะนั้นมีแนวทางการแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันนี้ก็เช่นกัน รัฐบาลต้องวิเคราะห์สถานการณ์ว่ามีแนวทางแก้ปัญหาอย่างไรในสถานการณ์ที่กลุ่มเสื้อแดงกำลังจะออกมาเคลื่อนไหว หรือจะแก้ไขอย่างไรหากพรรคร่วมเดินเกมกดดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยต้องคิดว่าจะยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่หรือไม่ หากเลือกตั้งใหม่แล้ว พรรคเพื่อไทย และภูมิใจไทย ได้เป็นรัฐบาล ประเทศชาติจะอยู่รอดได้อย่างไร โดยรัฐบาลต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์เคยตรัสว่า ต้องป้องกันไม่ให้คนไม่ดีเข้ามาครองเมือง” อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าว

อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวต่อไปว่า การอ้างว่าประชาธิปไตย คือ การให้เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนตัดสินนั้น ตนอยากให้ทุกคนยอมรับว่า ระบบเลือกตั้งของประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยและไม่เหมาะสมสำหรับสังคมไทย เพราะบ้านเมืองเราการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรส่วนใหญ่ใช้การซื้อเสียง ใช้อิทธิพล หากสังเกตผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งจะพบว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้อิทธิพลและเครือญาติ ซึ่งอย่างนี้จะเรียกว่าเป็นประชาธิปไตยได้หรือ ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังได้รับการศึกษาน้อยจึงเห็นแก่อามิสสินจ้าง อีกทั้งการทำหน้าที่หรือกลไกการตรวจสอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสื่อมวลชน ยังไม่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ต้องมีการปรับปรุงอีกมาก ทั้งนี้ตนเห็นว่าระบบการเมืองของประเทศไทยยังไม่เป็นนิติรัฐอย่างแท้จริง เพราะหากประเทศไทยเป็นนิติรัฐ อย่างน้อยคดีที่เกี่ยวข้องกับประเทศซาอุดิอาระเบีย หรือคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุลต้องสามารถชี้แจงได้

“ยุบสภาไม่ใช่ทางออกของประเทศ เพราะยุบสภาก็ยังมีปัญหาวุ่นวายเหมือนเดิม บางทีถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการสังคายนา หรือมีการปฏิรูปประเทศไทยอีกครั้ง แต่ต้องไม่เหมือนกับเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผมเห็นว่าทหารมีหน้าที่รักษาความมั่นคง ความปลอดภัย ความสันติสุขของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและมีความชัดเจน เช่นเดียวกับประเทศเกาหลีใต้ที่เมื่อประธานาธิบดีมีการคอรัปชั่น ก็ต้องถูกตำรวจจับ ไม่ใช่เหมือนประเทศไทยที่เมื่อทำผิดก็ต้องดูว่าเป็นพรรคพวกของใคร ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่เป็นนิติรัฐอย่างแท้จริง ผมเห็นว่ากลไกของประเทศไม่สามารถดำเนินการได้ การอ้างว่าสภาผู้แทนราษฎรคือ สัญลักษณ์ของประชาธิปไตยนั้นเป็นเรื่องไม่จริง เพราะที่มาของตัวแทนเหล่านั้นไม่ได้เกิดจากประชาธิปไตย แต่เกิดจากการใช้เงิน อำนาจและการโกงเพื่อเข้ามานั่งในสภาฯ แต่ผมก็ยังเชื่อว่ายังคงมีผู้แทนราษฎรเพียงบางส่วนที่ได้รับตำแหน่งโดยไม่มีการซื้อเสียง อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวต้องแก้ด้วยการไม่ยึดติดว่าสัญลักษณ์เหล่านี้คือการมีประชาธิปไตย ทั้งนี้ ผมเห็นว่าประชาธิปไตยที่ดีที่สุด คือ การที่ประชาชนทุกคนมีสิทธิมีเสียงเสมอภาคกัน” ดร.อาทิตย์ กล่าว

อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า หากจะสังคายนาประเทศก็คงต้องงดการใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา ไม่ได้ยกเลิกทั้งฉบับ บางมาตราต้องพิจารณาเป็นกติกาของแต่ละเรื่อง ทั้งในเรื่องของคณะรัฐมนตรี รัฐสภา และสำหรับกรณีที่หลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลแห่งชาติจะแก้ปัญหาประเทศได้นั้น ตนมองว่าหากมีกติกาให้ทุกพรรคร่วมกันเป็นรัฐบาลในสัดส่วนที่เท่ากัน โดยไม่ต้องมีฝ่ายค้าน แนวคิดนี้ก็เหมือนเดิมไม่ได้ดีอะไรขึ้นมา แต่หากดึงเอาคนดีที่ต้องการสังคายนาประเทศทั้งประเทศมาร่วมกัน มาร่วมกันคิด ร่วมกันทำ โดยไม่คำนึงว่าคนนั้นจะเป็นนักการเมืองหรือไม่ ก็จะได้รัฐบาลคนดีแห่งชาติ มาหาทางออกให้กับประเทศ ทั้งนี้ หากถามว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่เป็นผู้แทนปวงชนเขาจะยอมรับแนวคิดนี้หรือไม่ ตนเห็นว่า ส.ส.ไม่ได้แปลว่าเป็นตัวแทนของปวงชน เพราะเรื่องต่างๆ ที่พูดอยู่ในสภาฯ ไม่ได้ตอบโจทย์ ตอบความต้องการของประชาชน เราควรตั้งเป้ากันใหม่ เราต้องกำหนดมาเรื่องไหนสำคัญกว่า เช่น ความยากจนของประชาชนเป็นเรื่องอันดับ 1 เพราะคนส่วนใหญ่ของประเทศกว่า 30 ล้านคน ยังถูกเอารัดเอาเปรียบ มีรายได้ก็ไม่พอกิน รัฐบาลบอกว่าอาหารเป็นจุดแข็งของประเทศไทย แต่ปรากฏว่าเกษตรกรผู้ผลิตอาหารกลับยากจนที่สุด

“ทุกวันนี้ระบบการเมืองมันผิดหมดเลย ข่าวทุกวันนี้หาสาระที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนแทบไม่ได้ คนไทยจึงอยู่ไม่ดี มีไม่สุข บริหารประเทศกันอย่างไร นายกรัฐมนตรีไม่สามารถจะแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจได้ ซึ่งมันผิดปกติแล้ว นายกฯ ตั้งกฎเหล็ก 9 ข้อ ออกมาก็ต้องเป็นกฎเหล็กของรัฐบาล ไม่ใช่กฎเหล็กของพรรคประชาธิปัตย์อย่างเดียว ถึงแม้ว่าจะยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ นึกภาพออกเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น กระบวนการเดิมๆ จะทำให้ประเทศน่าหดหู่ และสู้ประเทศอื่นเขาไม่ได้ หากเราต้องการทางออก ก็อย่าไปติดยึดกับตัวหนังสือ ที่เขาบอกไว้ว่าอย่างนั้น อย่างนี้ เราควรเอาจิตวิญญาณของความเป็นไทยมาหลอมเป็นแนวทาง และหาว่าทางออกของประเทศควรจะเป็นอย่างไร ตอนนี้อารมณ์ของคนทุกๆ สีมันไม่นิ่งพอที่จะนั่งฟัง เหมือนคน 2 คนทะเลาะกัน แต่ทั้งนี้สีเสื้อมันเป็นของจอมปลอม เราเอาสีเลือดของหัวใจมาพูดกันดีกว่า เลือดของทุกคนมันเป็นสีแดงเหมือนกัน อย่าเอาความแบ่งภาคมาพูดกัน เราต้องไม่ใช้วิธีการประชาธิปไตยแบบปัจจุบันมาเป็นทางออก เพราะยังไงก็ออกไม่ได้ มันอาจจะต้องมีการผ่าตัด ต้องยอมเจ็บระยะสั้นเพื่ออนาคตที่ดี แต่ถ้าผ่าตัดแล้วมันผิดพลาด มันก็อาจจะตายได้” อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น