นายกรัฐมนตรีมั่นใจรอยร้าวพรรคร่วมประเด็นหักแก้ไข รธน.ไม่ส่งผลกระทบเสถียรภาพรัฐบาล ยอมรับอาจมีการตัดพ้อบ้างถือเป็นเรื่องธรรมดา ย้ำจุดยืนแก้ไขรธน.เป็นหน้าที่สภา เตือนเสื้อแดงข่มขู่คุกคามบุคคลสำคัญเช่นผู้พิพากษาและองค์กรอิสระ ไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย ลั่นจะเกิดในรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้
วันนี้ (31 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์สดจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผ่านรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ กล่าวผ่านระหว่างการประชุม World Economic Forum ครั้งที่ 40 ที่เมืองดาวอส ถึงประเด็นการแก้ไขรธน.ที่เป็นปัญหาว่าขอยืนยันว่าพรรคปชป.ได้มีการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลว่าหากการแก้ไขรธน.มีประเด็นไหนที่จะก่อให้เกิดความแตยแยกในสังคม ก็อย่าไปแตะต้องเช่นการแก้ไขรธน.เพื่อนิรโทษกรรม แต่ตกลงร่วมกันว่าหากประเด็น จะนำไปสู่ความสมานฉันท์ก็ให้เดินหน้า จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ขึ้นมาศึกษา สุดท้ายได้ข้อสรุปว่าจะแก้ไขใน 6 ประเด็น แต่สุดท้ายฝ่ายค้านก็ได้ถอนตัวไป ทำให้ข้อเสนอของคณะกรรมสมานฉันท์ ไม่อาจเกิดขึ้นได้ ขอเรียนว่าการแก้ไขรธน.ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายบริหาร เมื่อฝายนิติบัญญัติเสนอมา ก็ต้องเป็นหน้าที่ของสภาเป็นผู้จะพิจารณาร่วมกัน ซึ่งหลังจากที่พรรคปชป.มีมติไม่เข้าชื่อแก้ไขรธน.ตามข้อเสนอพรรคร่วม ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับเสถียรภาพยรัฐบาล การทำหน้าที่ก็ยังเป็นไปปกติ อาจมีแกนนำบางคนตัดพ้อบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการเคลื่อนไหวในการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่มีลักษณะข่มขู่คุกคาม โดยระบุว่าจะมีการลอบฆ่าผู้พิพากษาก่อนวันพิพากษาคำสั่งยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือขู่คุกคามในชีวิตของบุคคลสำคัญๆในองค์กรอิสระ อย่างนี้ถือว่าใช้ไม่ได้ รัฐบาลจะไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นและพร้อมส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลอารักขา หากได้รับการร้องขอมา ซึ่งขบวนการเหล่านี้ไม่ใช่วิถีทางประชาธิไตย ถือว่าเป็นการกดดันการทำหน้าที่เพื่อรักษากฏกติกาบ้านเมือง ซึ่งหากมีการหวั่นไหวความสงบสุขในชาติบ้านเมืองก็เสียหาย ขณะนี้ยังมองไม่เห็นเงื่อนไขนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร ตามข้อเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดง และหากมีการปฎิวัติจริง ก็อาจถูกต่อต้านจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
นายกฯ กล่าวถึงการเดินทางมาเยือนผู้นำชาติต่างๆในเวทีโลก ส่วนใหญ่จะพูดสถานการณ์เศรษฐกิจส่วนเหตุการณ์ทางการเมืองล้วนเป็นคำถามจากสื่อมวลชน
ในช่วงที่สองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงผลงานรัฐบาลในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาว่ามติครม.ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายปี เป็นแบบขาดดุล โดยเพิ่มงบลงทุน 3.4 แสนล้านบาท จากปีที่ผ่านมาร้อยละ 60 ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในส่วนการช่วยเหลือประเทศเฮติจากเหตุแผ่นดิน ขณะนี้เงินจำนวน 1 แสนเหรียญได้ถูกจัดส่งไปเรียบร้อยแล้ว ในเรื่องการจัดส่งข้าววันพรุ่งนี้จะลำเลียงทางเครื่องบิน เพื่อความเร่งด่วน ส่วนอีก 2 หมื่นตันจะจัดส่งไปทางเรืออีกครั้ง พร้อมทั้งจะได้เตรียมจัดส่งทีมแพทย์และทหารช่างเข้าไปช่วยเหลือเพื่อแสดงความเป็นมนุษยธรรมต่อไป