"เรื่องมันฟ้อง"
โดย...กรงเล็บ
ฝุ่นตลบที่ปทุมวันหลายวันก่อนเริ่มจางลงเมื่อคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับนายพันลงตัวไปแล้วเกือบทุกพื้นที่ เหลือเพียงแต่นครบาลภายใต้การกุมอำนาจของ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. ที่กำลังกลายเป็นแดนสนธยา
พูดกันสนั่นวงการสีกากีว่า สาเหตุที่ทำให้นครบาลยังเคาะตำแหน่งกันไม่ลงตัวเป็นเพราะ “ขาใหญ่นครบาล” ต้องการกินรวบฉวยทุกตำแหน่งสำคัญไว้กับตัว โดยพยายามจะดึงเอาคนของตัวเองจากตำรวจภูธรมานั่งเป็นมือเป็นไม้ แต่ติดขัดที่บุคคลเหล่านั้นไม่ผ่านเกณฑ์ 2 ปี ตามกฎ กตร. และ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรก.ผบ.ตร.ไม่ยกเว้นให้
จะให้ยกเว้นได้อย่างไร เล่นเสนอมากว่า 100 รายชื่อ ก็เลยกินแห้วกันเป็นแถว
นอกจากนั้น เบื้องหลังการแต่งตั้งทำโผบัญชีกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า เกิดจากวิธีคิดเผด็จการสั่งจะเอาของตนแต่ฝ่ายเดียวไม่แบ่งปันเพื่อนของ “ผู้มีอำนาจ” ทำให้ในนครบาลเกิดความขัดแย้งอย่างหนัก
ล่าสุด มีข่าวบอกมาจากการประชุมร่วมกันระหว่าง ผบช.น.กับรองผบช.น.เพื่อจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าวเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า วงประชุมแตกเนื่องจาก
“พล.ต.ท.สัณฐาณ”โยนกระดาษเปล่าให้บรรดารอง ผบช.น.เซ็นชื่อ เหมือนขอเช็คเปล่า ทำเอารอง ผบช.น.โกรธจนลมออกหู พร้อมใจกันประท้วงด้วยการวอล์คเอาท์จากห้องประชุม
เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายในนครบาลยังคลอดไม่ได้
คาดกันว่า ทำท่าว่าอาจจะตายทั้งกลม ถ้า “พล.ต.ท.สัณฐาณ” ยังเอาลีลานักเลงภูธรมาใช้กับนครบาลอย่างที่เป็นอยู่
ตามขั้นตอนหลังจากนี้ เมื่อนครบาลไม่สามารถจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายได้เสร็จ ก็ต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ ก.ตร. เพื่อขยายเวลาการแต่งตั้งโยกย้ายออกไปอีก จากเดิมที่ขยายไว้ถึงวันที่ 31 มกราคม ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุม ก.ตร.ว่าจะอนุมัติหรือไม่ ถ้าไม่มีการขยายเวลาเพิ่มก็จะทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายภายในนครบาลต้องรอฤดูโยกย้ายประจำปี
คนที่อยู่ในสถานะที่ควรได้แต่งตั้งโยกย้ายเปลี่ยนแปลงตำแหน่งก็จะสูญเสียโอกาสไปเป็นปี และมีเหตุผลดีพอที่จะไปฟ้องเอาผิดกับ “พล.ต.ท.สัณฐาณ” ได้ด้วย เพราะถือว่าบกพร่องต่อหน้าที่จนส่งผลกระทบกับผู้ใต้บังคับบัญชา
นอกจากปัญหาที่มีความพยายามต้องการเอาคนของตัวมาลงนครบาลแต่ติดกฎ 2 ปีแล้ว ความฉาวโฉ่ของการแต่งตั้งที่ยังไม่สำเร็จนี้ยังมีกลิ่นไม่ดีถึงบัญชีการแต่งตั้งกันอย่างโจ๋งครึ่ม
“พล.ต.ท.สัณฐาน”จะเคยได้ยินได้ฟังเรื่องทำนองนี้มาก่อนหรือเปล่า เขาลือกันสนั่นกรุงก็เลยเอาเรื่องมาฟ้องให้รู้ไว้
เป็นที่รับรู้กันในแวดวงตำรวจว่า หากใครอยากเป็นผู้กำกับการสถานีเกรดเอก็ต้องเป็นเด็กนาย เป็นเด็กนักการเมืองในสายมฤตยูดำแห่งลุ่มแม่น้ำตาปี หรือสายหมอผีบุรีรัมย์ จะเข้าวินทันที ถ้าเป็นพวกเกาเหลาไร้เส้นก็ต้องมีของอย่างว่ามาเสนอสูงถึง 8 หลัก
ยกตัวอย่างเช่น สน.ห้วยขวางมีแหล่งอบายมุขแน่นในพื้นที่ ต้องแข่งหนักกับตำแหน่งผู้กำกับใช้ทั้งกำลังภายในและกระเป๋าต้องหนักซะด้วย ที่แข่งกันเดือดไม่แพ้สน.ห้วยขวางก็เป็นโรงพักสุทธิสาร บางรัก ลุมพินี และแม้กระทั่งสน.พญาไทไปถึงสน.คลองตัน
จนกระทั่งมีการเรียกขานตั้งฉายาใหม่ให้นครบาลว่า เป็นตลาดหลักทรัพย์แหล่งลงทุนของตำรวจ เพราะมีการปั่นราคาจากการเลื่อนตำแหน่งเป็นว่าเล่น
จะปล่อยให้เป็นไปตามฉายาได้อย่างไร “พล.ต.ท.สัณฐาน”ต้องรีบออกตรวจหาความจริง
ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้ยินมาว่า เรื่องหาเศษหาเลยเงินจากแหล่งอบายมุขก็มี “คำสั่งลับ”ให้ตำรวจเข้าเกียร์ว่างแต่เดินหน้าเก็บเต็มที่ แถมวิธีการลำเลียงท่อน้ำเลี้ยงก็เปลี่ยนไป เป็นลักษณะกินสองต่อแล้วเข้าฮอส ไม่ใช่กินตามสายบังคับบัญชาเหมือนที่ผ่านมา
คนวงในให้ข้อมูลว่าการส่งส่วยในนครบาลปัจจุบัน ผู้มีอำนาจของหน่วยงานบางคนจะขอส่วนแบ่งโดยตรงไปยังตำรวจตั้งแต่ระดับสารวัตรขึ้นไป และยังรับส่วยที่ส่งขึ้นไปตามสายบังคับบัญชาอีกทอดหนึ่งด้วย อย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่า กินสองต่อแล้วเข้าฮอสได้อย่างไร
ถือว่าพื้นที่เมืองหลวงวันนี้อบายมุขบูมอย่างมาก ชักธงเปิดให้บริการทุกสน.ยิ่งกว่าสมัยไหนในอดีต สวนทางนโยบายของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่สั่งเข้มในเรื่องนี้ ด้านรักษาการผบ.ตร. พล.ต.อ.ปทีป ที่จ่อจะได้หย่อนก้นนั่งเก้าอี้เป็นตัวจริงในอีกไม่กี่อึดใจแล้ว ก็สั่งกำชับหนักแน่นทั้งจัดชุดเฉพาะกิจออกปราบปรามทลายแหล่งอบายมุขมาหลายครั้ง แต่เป็นเรื่องแปลกที่ตำรวจนครบาลกลับคิดจะงัดข้อ!
จึงฝากเตือนไปถึงนายตำรวจใหญ่บางคน ที่มีพฤติกรรมเย้ยกฎหมายท้านโยบายอย่างนี้ ระวังคนเขาจะเชื่อว่าที่เร่งทำมาหากินบนตำแหน่งขณะนี้ เป็นเพราะต้องเรียกของเก่าคืนจากที่ไปทำกระเป๋าใบใหญ่หมายเลข80หล่นใส่นักการเมืองหน้าดำ จนทำให้ได้ย้ายก้นจากภูธร !