“หัวขวด” ปั้นน้ำท้า “ประยุทธ์” รัฐประหารโค่นเสื้อแดง

สามเกลอหัวขวดหน้าสลอนตั้งโต๊ะสร้างราคา จัดคิว 29 ม.ค.บุกเลขานุการ ทบ.ปั้นน้ำเป็นตัวอ้าง' “ประยุทธ์” เตรียมก่อการรัฐประหารหวังสยบเสื้อแดง กัดติดคืนที่ดินเขายายเที่ยง เนื้อเต้นจี้ศาลฎีกาดำเนินคดี “มาร์ค” ข้อหาแทรกแซงศาลคืนทรัพย์พ่อแม้ว

วันนี้ (27 ม.ค.) ที่ชั้น 6 ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.กล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงมีข้อมูลความเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติเกี่ยวกับกระแสข่าวรัฐประหาร หากเกิดขึ้นจริงครั้งนี้ไม่ได้เป็นการยึดอำนาจมาจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ เพราะนายอภิสิทธิ์ไม่มีอำนาจแท้จริงมาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่เป็นการยึดอำนาจอธิปไตยจากประชาชน และเพื่อสลายความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเป็นการกระชับอำนาจให้ฝ่ายอำมาตย์เท่านั้น ส่วนนายอภิสิทธิ์จะยังมีอำนาจต่อไปหรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ

ดังนั้น ในวันที่ 29 ม.ค.ตั้งแต่เวลา 12.00-17.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงจะเดินทางไปตั้งเวที “ผูกมิตรทหารกล้า ต่อต้านขี้ข้าอำมาตย์” ที่หน้าประตูทางเข้าสำนักงานเลขานุการกองทัพบก เพื่อสอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ.ว่าจะทำการรัฐประหารจริงหรือไม่ และยังเป็นการแสดงความผูกพันสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างประชาชนกับทหารส่วนใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ ให้ยืนข้างประชาชนยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งนี้ หากไม่มีเหตุการณ์อะไรเราจะสลายตัวอย่างสงบในช่วงเย็นวันเดียวกัน

นอกจากนี้ วันที่ 2 ก.พ.ตั้งแต่เวลา 12.00-17.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงจะเดินทางไปชุมนุมที่กองทัพอากาศ เนื่องจากการประชุมเมื่อวันที่ 23 ม.ค. ผบ.ทอ.มีท่าทีตอบสนองต่อการรัฐประหาร กลุ่มคนเสื้อแดงจึงต้องเดินทางไปสอบถามเช่นกัน

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ขอถาม พล.ต.วริศ โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ในฐานะน้องคนสุดท้องบูรพาพยัคฆ์ ที่นำทหารกำลังพลขึ้นตรงกว่า 1,000 นาย ตบเท้าโดยอ้างว่าต้องการปกป้อง พล.อ.อนุพงษ์ และกองทัพนั้นถือว่าฟังขึ้น หากจะอ้างเหตุผลว่าเป็นเพราะ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ออกมาแสดงความคิดเห็นโจมตี พล.อ.อนุพงษ์ และกองทัพ ต้องบอกว่าฟังไม่ขึ้น หากกองทัพไม่มีปัญญาจัดการกับ พล.ต.ขัตติยะเพียงคนเดียวก็ควรยุบกองทัพไปเสีย ให้ประชาชนเป็นคนจัดการเองดีกว่า การออกมาเคลื่อนไหวของ พล.ร.2 ขอฟันธงเลยว่าเพื่อแสดงแสนยานุภาพ เพื่อต้องการข่มขู่คนเสื้อแดงและพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งยังเป็นการหาเรื่องเอากำลังพลออกมา ถือเป็นสัญญาณที่ไม่ปกติ สอดคล้องกับมติ ครม.เมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ให้ทหารเป็นผู้ช่วยตำรวจในการควบคุมสถาการณ์หากมีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เหมือนเป็นการหาเหตุผลให้ทหารออกมาโดยไม่ต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ

อย่างไรก็ตาม หาก พล.ต.วริศ ต้องการปกป้อง พล.อ.อนุพงษ์จริง ก่อนหน้านี้นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคยออกมาแสดงความเห็นโขกสับ พล.อ.อนุพงษ์ ทำไมไม่เคยรู้สึกรู้สาอะไรเลย ทำไมไม่นำทหารออกมาตบเท้าบ้าง หรือ ผบ.ทบ.ถูกนายสนธิตบหัวได้ ต่างจากกรณีของ พล.ต.ขัตติยะ ที่ออกมาบอกว่า ผบ.ทบ.หน่อมแน้มกลับทำไม่ได้

นายณัฐวุฒิกล่าวด้วยว่า กรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงไปชุมนุมที่เขายายเที่ยงเพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี คืนที่ดินบนเขายายเที่ยง จนกรมป่าไม้มีคำสั่งให้ พล.อ.สุรยุทธ์ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและส่งมอบที่ดินคืนให้รัฐภายใน 30 วันนั้น กลุ่มคนเสื้อแดงจะยังติดตามตรวจสอบกรณีนี้ต่อไป เมื่อครบ 30 วันจะส่งตัวแทนประสานงานกับกรมป่าไม้เพื่อเดินทางไปตรวจสอบในที่ดินดังกล่าวว่า พล.อ.สุรยุทธ์ พ้นจากการครอบครองและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเพื่อคืนที่ดินให้กับรัฐจริงหรือไม่ ส่วนกรณีเขาสอยดาวนั้น ภายในสัปดาห์หน้านายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง จะเดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อสอบถามความคืบหน้าคดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องมา 6 ปีว่าเป็นเพราะอะไร มีสาเหตุอะไร และจะเดินทางไปกรมที่ดินในฐานะผู้ออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าวกว่า 1 พันไร่ด้วย

ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.กล่าวว่า ถึงแม้จะมีกระแสข่าวการปฏิวัติแต่รัฐบาลกลับไม่มีท่าทีวิตก เป็นเพราะมีคนในรัฐบาลบางคนไปร่วมประชุมเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ด้วยใช่หรือไม่ และไม่แปลกใจที่นายสุเทพกล้าออกมาการันตีว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ปฏิวัติ เป็นเพราะได้ไปคุยด้วยกันมาใช่หรือไม่ และก่อนที่จะถึงวันชุมนุมใหญ่คนเสื้อแดง หากมีการทำรัฐประหารจริง ขอให้พี่น้องคนเสื้อแดงถือว่าวันนั้นเป็นวันชุมนุมใหญ่ เจอรถถังที่ไหนให้ไปล้อมที่นั่น ประชาชนต่างจังหวัดก็ให้ไปยึดศาลากลางจังหวัด และขอท้าว่าถ้าแน่จริงให้ปฏิวัติเลย ไม่ต้องขู่ รอบนี้ขอเดิมพันแผ่นดินไปเลยระหว่างทหารกับประชาชน

ขณะที่ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช.กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าวันนี้ยังมีแนวความคิดจะแก้ปัญหาบ้านเมืองอย่างโง่ๆ โดยการยึดอำนาจยังมีอยู่ โดยไม่ได้พิจารณาผลจากวันที่ 19 ก.ย.49 ว่าได้ทำให้ประเทศจมปลักในหลุมปัญหามากยิ่งขึ้น แทนที่จะพ้นวิกฤต การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่เขายายเที่ยง และเขาสอยดาว สร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ แต่สร้างความกระเทือนต่อสถานะอำมาตย์มีความหวั่นไหวจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างสามัญชนธรรมดา ดังนั้นจึงต้องการกระชับอำนาจให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

ด้าน นายจตุพรกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์มีมติไม่ร่วมแก้รัฐธรรมนูญกับพรรคร่วมรัฐบาล และให้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแถลงว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้ตกลงกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า มีเงื่อนไขในการตกลงที่ชัดเจน 2 ข้อ คือ 1.ต้องไม่นิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ 2. ต้องไม่คืนทรัพย์สินให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงอยากถามว่าอำนาจในการคืนหรือไม่คืนทรัพย์สินนั้นเป็นของนายอภิสิทธิ์และรัฐบาลอย่างนั้นหรือ นายอภิสิทธิ์คิดว่าตัวเองสั่งศาลได้ใช่หรือไม่ ขอเรียกร้องให้ประธานศาลฎีกาดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และพยายามแทรกแซงศาล หากไม่ดำเนินการจะมีประชาชนไปร้องทุกข์กล่าวโทษประธานศาลฎีกาในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยเช่นกัน