ประธาน กมธ.ทหาร สภาฯ เซ็งกองทัพยังไม่ให้เข้าชมจุดบึ้ม จ่อลากคดีค้นบ้าน “เสธ.แดง” - กห.สั่งพักราชการ ร่วมสอบด้วย อ้างไม่อยากเห็นทหารแตกแยก ปูด ทบ.จัดซื้อ 6 ล้อขนทหาร แพงเกินจริง ส่อเอี่ยวแก๊งออฟโฟร์พรรคร่วม หวั่นมีปัญหาซื้อยุทโธปกรณ์จากญี่ปุ่นขัดสนธิสัญญาจนแห้วได้ของ
วันนี้ (27 ม.ค.) ที่รัฐสภา พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า จากกรณีที่ กมธ.ทำหนังสือขออนุญาตไปตรวจสอบกองทัพบกบริเวณที่เกิดเหตุยิงระเบิด เอ็ม 79 ปรากฏว่ากองทัพบกมีหนังสือแจ้งมาเมื่อเย็นวานนี้ (26 ม.ค.) ว่าไม่สะดวกให้เข้าไปตรวจสอบ ทั้งนี้ กมธ.มีเจตนาเข้าไปฟังบรรยายสรุปและร่วมระดมความคิด เมื่อมีการปฏิเสธมาแบบนี้จึงดูไม่เหมาะสม นอกจากนี้ ตัวบุคคลที่รู้เรื่องก็ไม่ค่อยมาชี้แจงต่อ กมธ. อย่างไรก็ดี กองทัพบกรับปากว่า จะส่งตัวแทนมาให้ข้อมูลในวันพรุ่งนี้ (28 ม.ค.) เวลา 09.30 น.แทน ซึ่งมั่นใจว่าการชี้แจงคงจะไม่เหมือนเดิม เพราะตอนนี้มีการพิสูจน์ชัดแล้วว่ามีการยิงเอ็ม 79 เข้าไปจริง นอกจากนี้ กมธ.ยังได้เชิญผู้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการเข้าตรวจค้นบ้าน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และการสั่งพักราชการ มาชี้แจงถึงอำนาจหน้าที่ กฎระเบียบด้วย เพราะหากทำ 2 มาตรฐาน กองทัพจะได้รับความเสียหาย ซึ่งไม่อยากเห็นกองทัพแตกแยก
ด้าน นายฐนโรจน์ โรจนกุลเสฏฐ์ ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ โฆษก กมธ.กล่าวว่า กองทัพบกน่าจะชี้แจงต่อสาธารณะให้กระจ่าง เพราะถ้าภายหลังผลพิสูจน์ออกมาชัดว่าโดนยิงจริง แต่กลับออกมาปฏิเสธจะทำให้กองทัพบกขาดความน่าเชื่อถือ จึงไม่ควรปิดข่าวให้เงียบ ทั้งที่รู้กันอย่างโจ่งครึ่ม และการยอมรับก็ไม่มีอะไรเสียหาย ไม่ใช่ดิสเครดิตใคร และไม่เสียต่อภาพรวมของประเทศ เพราะอาจเป็นไปได้ว่าสาเหตุที่ยิงเกิดจากความขัดแย้งส่วนตัว
ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ กมธ.กำลังตรวจสอบกรณีการจัดซื้อรถขนทหาร 6 ล้อ ขนาด 2 ตันครึ่ง งบประมาณ 5 พันล้านบาทของกองทัพบก ซึ่งใช้วิธีการจัดซื้อแบบพิเศษ ซึ่งปรากฏว่าบริษัท อิทธิพร จำกัด ตัวแทนการจัดซื้อจากบริษัทอีซูซุประเทศญี่ปุ่น ชนะการเปิดซอง โดยเสนอราคา 4,994 ล้านบาทเศษ จำนวน 1,474 คัน เฉลี่ยตกคันละ 3.38 ล้านบาทเศษ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงราคากลางมาก และราคารถยังแพงเกินไป เพราะเบื้องต้น ราคาตลาดของรถอีซูซุ 6 ล้อ ธรรมดา อยู่ที่คันละ 2 ล้านบาทกว่าๆ ซึ่งเมื่อกองทัพบกขอให้บริษัทลดราคาลง ปรากฏว่าบริษัทแจ้งว่าลดได้เพียงคันละ 1,500 บาท นอกจากนี้บริษัทนี้ เกี่ยวข้องกับแก๊งออฟโฟร์ ในเครือพรรคร่วมรัฐบาล ที่ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์
พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า การที่ซื้อยุทโธปกรณ์จากประเทศญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นเคยลงนามในสนธิสัญญาการไม่ส่งสินค้ายุทโธปกรณ์ออกนอกประเทศ จึงไม่แน่ใจว่าการจัดซื้อครั้งนี้จะมีปัญหา คล้ายกับการจัดซื้อรถหุ้มเกราะจากประเทศยูเครน ซึ่งจนบัดนี้ยังไม่สามารถส่งสินค้าให้ไทยได้ ตนจึงทำหนังสือสอบถามไปยังเอกอัคราชทูตญี่ปุ่น และประธาน กมธ.ทหารของญี่ปุ่น ว่ามีข้อขัดแย้งในการส่งมอบหรือไม่หากมีการจัดซื้อ และการประชุม กมธ.วันที่ 28 มกราคม จะเชิญฝ่ายทหารและบริษัทที่เข้าร่วมประกวดราคาชี้แจง
