xs
xsm
sm
md
lg

“ยะใส” จับตา “เทพประทาน” ถูกเขี่ยทิ้ง-จวก “เติ้ง” ตะโกนสั่งแก้ รธน.ข้างสนาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ยะใส” จับตาพลิกเกมโหวตในสภา หลัง ปชป.ไม่ร่วมสังฆกรรม แต่อาจเปลี่ยนท่าทีตามสถานการณ์ เชื่อ “เทพประทาน” ถูกเซ้งเก้าอี้แน่ จวก “เติ้ง” หลงตัวเป็นเพลย์เมกเกอร์คอยตะโกนสั่งลูกทีมข้างสนาม ยันจุดยืนพันธมิตรฯ ไม่เปลี่ยน ต้านแก้ รธน. ถ้าไม่ทำเพื่อส่วนรวม “รองอธิการฯ มสธ.” อ่านเกม “เพื่อแม้ว” มีนัยซ่อนเร้น ชูประเด็นแก้ รธน. ก่อชนวนปั่นสถานการณ์พิเศษ


 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "คนในข่าว" 

วานนี้ (26 ม.ค.) รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-22.00 น. วันอังคารที่ 26 ม.ค. มี นายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้มีการเชิญ นายคมสัน โพธิ์คง รองอธิการบดี ม.สุโขทัยธรรมาธิราช และนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์หลังพรรคประชาธิปัตย์แสดงจุดยืนไม่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาล

นายคมสันกล่าวประเด็นนี้ว่า การออกมาแสดงจุดยืนเช่นนี้ ถือว่าเป็นการออกหน้าของพรรคประชาธิปัตย์ที่น่าพอใจ เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อเข้าสู่กระบวนการไปแล้ว อาจมีอะไรเกิดขึ้นมากกว่านั้น หรืออาจมีความพยายามแก้ไขให้คล้ายกับรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งเวลานี้ร่างกฏหมายของ นพ.เหวง โตจิราการ ยังคงค้างคาอยู่ในสภา ฉะนั้น เป็นเรื่องที่น่าจับตามอง เนื่องจาก 2 ประเด็นที่ระบุว่าอยากจะแก้ไข แท้จริงแล้วอาจจะเป็นเป้าหลอกของคนบางกลุ่ม

นายสุริยะใสกล่าวประเด็นเดียวกันว่า เรื่องนี้น่าชื่นชมพรรคประชาธิปัตย์กับจุดยืนดังกล่าว แต่ตนคิดว่า จุดที่สำคัญจริงๆ คือ เกมในสภา เพราะไม่แน่ว่าตอนโหวตจะมีการพลิกเกมอะไรหรือไม่ โดยเรื่องนี้ แม้พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ได้เป็นเจ้าภาพในการสังฆกรรมแก้รัฐธรรมนูญ แต่ก็คิดว่าเป็นแค่การกระทำเพื่อเอาตัวในสถานการณ์เช่นนี้ เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองใหญ่ และมีคะแนนเสียงอยู่ลำดับที่ 2 ดังนั้น แน่นอนว่าจุดยืนทางการเมือง ต้องใช้สถานการณ์แต่ละช่วงเวลาเป็นตัวแปร

นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้จับตามองต่อไปว่า 2 พรรคร่วม จะเดินเกมต่ออย่างไร ซึ่งตนคิดว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์เลือกวิธีเช่นนี้ พรรคร่วมต้องคิดหนักแน่นอน ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่ ว่าจะสลับขั้วไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย หรือเอาเรื่องนี้ไปผสมโรงกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตนเชื่อว่าไม่ธรรมดาแน่

“คุณบรรหารอย่ามัวแต่คิดว่าตัวเองเป็นเพลย์เมกเกอร์ หรือผู้จัดการทีม ที่คอยอยู่ข้างสนาม ดูลูกทีมเล่นเกม เพราะสิ่งที่เห็น มันไม่หมูแล้ว เวลานี้ประชาชนรู้ทันเกมนักการเมืองพวกนี้หมด” นายสุริยะใสกล่าว

นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า ตนคิดว่าเวลานี้ในพรรคประชาธิปัตย์ย่อมเกิดแรงสั่นสะเทือน เนื่องจากถ้าหากคนในพรรครู้สึกว่าพูดคุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่รู้เรื่อง ก็อาจได้เห็นคนอีกปีกหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ อาศัยช่วงเวลานี้ลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่าง ซึ่งอาจจะเป็นการยึดพื้นที่ของนายสุเทพ จึงอยากให้จับตาดูให้ดีๆ ไม่แน่ว่า นายสุเทพ อาจจะหลุดจากเก้าอี้ก่อน 2 พรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นได้

“สิ่งที่เกิดขึ้นมันสะท้อนบารมีพรรคประชาธิปัตย์ ว่าอย่างน้อยก็ได้ทำให้อำนาจต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาลลงลด รวมทั้งแสดงถึงฐานะของผู้จัดการรัฐบาลอย่างนายสุเทพ ที่สั่นคลอนแน่นอน หรือถ้าคิดไปไกลกว่านั้น บางทีพรรคประชาธิปัตย์อาจมีการจัดระเบียบกันใหม่ และอาจทบทวนบทบาทนายสุเทพ ด้วยการเซ้งตำแหน่งผู้จัดการรัฐบาล ส่วนกรณีที่มีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า เกมนี้คือการเล่น 2 หน้าของพรรคประชาธิปัตย์ ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้น” นายสุริยะใสกล่าว

นายคมสันกล่าวถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่อกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ทางพรรคเพื่อไทยไม่ขอออกหน้าเป็นผู้เริ่มเกมนี้ เพราะกลัวคนมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยในร่างกฏหมายของคนฝั่งพรรคเพื่อไทย คือร่างของ นพ.เหวง ปัจจุบันยังคงค้างคาอยู่ในสภา ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงไม่กล้าออกตัวเรื่องนี้มาก แต่ทั้งหมดไม่ได้หมายความว่า เมื่อมีการจุดประเด็นขึ้นมาแล้ว ทางพรรคเพื่อไทยจะไม่เล่นด้วย ทั้งนี้ สำหรับตนแล้วคิดว่า การแก้รัฐธรรมนูญ 2 มาตราเป็นเพียงแค่เป้าลวง ที่นำมาสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งเหตุที่ยก 2 มาตรานี้ขึ้นมา เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นความสนใจผู้คน

“เกมนี้พรรคเพื่อไทยได้ผลประโยชน์ เพราะจะเห็นได้ว่า เวลานี้เสียงในพรรคร่วมและเสียงในรัฐบาลอยู่ในช่วงแตกหัก ดังนั้น พรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องโดดร่วมแก้รัฐธรรมนูญ เนื่องจากตอนนี้ก็เหมือนได้เปรียบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกมเวลานี้ถือว่าเข้าทางพรรคเพื่อไทยเต็มๆ” นายคมสัน กล่าว

นายสุริยะใสกล่าวถึงท่าทีของพรรคชาติไทยพัฒนาที่นายชุมพล ศิลปอาชา ออกมาบิดเบือนและเหมารวมว่าพันธมิตรฯ มีท่าทีสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญในตอนแรก ว่า สิ่งที่นายชุมพลพูด ถือเป็นความจริงครึ่งเดียว ซึ่งเรียกง่ายๆว่าเป็นการบิดเบือน ทั้งที่จริงๆแล้ว ท่าทีพันธมิตรฯ ไม่ได้คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบหัวชนฝา เพียงแต่ต้องการให้นักการเมืองถามตัวเองก่อนว่า คิดแก้เพื่อประโยชน์ส่วนรวมหรือไม่ และอยากให้ตอบคำถามด้วยว่า รัฐธรรมนูญปี 2540 และปี 2550 ไม่ดีอย่างไร ไม่ใช่หาหนทางแก้ไขโดยไม่มีเหตุผลจำเป็น

นายคมสันกล่าวถึงสัญญาณพิเศษขณะนี้ว่า หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์หนาหู ซึ่งตนมองว่าเรื่องปฏิวัติ อาจจุดชนวนโดยอาศัยประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญขึ้นมาสร้างสถานการณ์พิเศษ โดยแม้ทหารออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่มีทางทำเช่นนั้น แต่ตนก็คิดว่าที่ผ่านมาก่อนการปฏิวัติไม่เคยเห็นทหารยอมรับสักครั้ง

นายสุริยะใสกล่าวประเด็นนี้ว่า ตอนนี้ถือเป็นเกมอุ่นเครื่อง ถือเป็นภาวะที่สมควรใช้อำนาจตามกฏหมายจัดการทุกอย่าง เพราะถ้าหากรัฐบาลไม่ทำงาน คนก็จะคาดหวังอยากได้คนใหม่มาทำหน้าที่แทน ดังนั้น เวลานี้ในเมื่อรู้คำตอบอยู่แล้วว่าปฏิวัติไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ก็ต้องกลับมาตั้งโจทย์กันใหม่ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดการปฏิวัติ
นายเติมศักดิ์ จารุปราณ
นายสุริยะใส กตะศิลา
นายคมสัน โพธิ์คง
กำลังโหลดความคิดเห็น