“วรวัจน์” ปากมัน!! ปูดศาล องค์กรอิสระ ตัวเร่งปฏิวัติ ชี้กองทัพไร้เอกภาพทำเองยาก เชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญคงไม่เกิด เหตุประชาธิปัตย์เกรงใจพันธมิตรฯ ส.ว.สรรหา ยักไหล่ โพลพระปกเกล้าชี้ “เพื่อไทย” นำ ปชป.โด่ง โวไม่แปลก พรรคอื่นเจาะฐานอีสาน-เหนือ ไม่ได้เลยต้องไปแย่งกันเอง ลั่นยุบสภาฯ รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เกิด
วันนี้ (22 ม.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย คณะทำงานการเมืองและยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองขณะนี้หลังจากเกิดเหตุยิงอาวุธเอ็ม 79 ถล่มชั้น 6 ใกล้ห้องทำงานของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่า จากเหตุดังกล่าวทำให้มองว่าอำนาจนอกระบบกำลังเข้ามาครอบงำมากขึ้น เกรงว่าจะมีความพยายามนำไปสู่การปฏิวัติรอบใหม่ ซึ่งในอนาคตจะเอากำลังทหารออกมาปฏิวัตินั้นจะไม่เกิดขึ้นเพราะกระแสสังคมส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย โดยเฉพาะทหารระดับล่างก็ไม่เข้าร่วม จะมีเพียงเฉพาะระดับหัวเท่านั้นสิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าเอกภาพภายในกองทัพไม่เข้มแข็งเพียงพอที่จะกระทำการปฏิวัติ ดังนั้น การปฏิวัติรอบใหม่ จะไม่ได้มาจากแนวทางของกองทัพ อาจใช้องค์กรอิสระหรือศาลเป็นตัวเร่งให้เกิดการปฏิวัติให้เร็วยิ่งขึ้น
นายวรวัจน์ยังกล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งในรัฐบาลชุดนี้ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ปัญหาที่เกิดกับพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มีการซูเอี๋ย แต่เป็นแค่การวัดใจกับพรรคประชาธิปัตย์จะร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ซึ่ง เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะพยายามเยื้อให้ถึงที่สุด เพราะยังมีปัญหาภายในพรรคและพรรคร่วมรัฐบาล ปล่อยโยนให้เป็นเรื่องของสภาให้ฟรีโหวต แต่สุดท้ายเชื่อว่ารัฐธรรมนูญจะไม่ได้แก้เพราะเกรงใจกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและ ส.ว.สรรหา เพราะได้อานิสงส์การได้เป็นรัฐบาลจากการเคลื่อนไหวพันธมิตรฯ
“โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ประกาศชัดเจนว่าจะเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ขวางแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 หากสถานการณ์เปลี่ยนไป เกิดบานปลายมีการชุมนุม อาจเป็นเหตุให้รัฐบาลชิงยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนก็ได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์เองก็ไม่อยากให้แก้ไขเปลี่ยนการเลือกตั้งจากเขตใหญ่ เป็นเขตเล็ก อาจโดนแย่งพื้นที่เดิม ในที่สุดเชื่อว่าจะแก้ไขรัฐธรรมจะไม่เกิดขึ้น” นายวรวัจน์กล่าว
นายวรวัจน์ยังตั้งข้อสังเกตกรณีสถาบันพระปกเกล้าเปิดโพลพบว่า พรรคเพื่อไทยยังครองคะแนนนิยมของประชาชนมากเหนือพรรคประชาธิปัตย์ และยังพบว่าหากมีการเลือกตั้งประชาชนจะไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์สูงสุดนั้นว่า หากดูผลสำรวจโพลอาจทำให้พรรคเพื่อไทยรู้สึกดี แต่หากมองให้ลึกซึ้งไม่มีผลดีแต่อย่างใด เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานถือว่าจบไปแล้วเพราะกระแสแน่นมาก ไม่มีทางที่พรรคใดไปเจาะพื้นที่ได้ ยกเว้น พื้นที่ในภาคกลาง ภาคใต้ ที่เป็นพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนทั้งพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย รวมทั้งพรรคการเมืองใหม่ ต่างมุ่งแย่งพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะง่ายกว่าพื้นที่พรรคเพื่อไทย จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดสถาบันพระปกเกล้าจึงต้องเปิดผลโพลล์ในช่วงนี้ หรือมีนัยยะทางการเมืองแอบแฝงมากกว่าหรือไม่ จากผลโพลอาจสะท้อนกดดันพรรคประชาธิปัตย์ ไม่กล้ายุบสภาและเพื่อนำไปต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาล เพราะหากยุบสภาในช่วงเวลานี้แล้วให้มีการเลือกตั้งใหม่ รัฐบาลชุดนี้จะไม่มีโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาลได้อย่างแน่นอน