"ปานเทพ" ยกฉายา "ทักษิณาธาน" ให้ "นช.แม้ว" หลังชาวทวิตรู้ทันเหลี่ยม เข้าไปโพสต์แสดงความเห็น สปีชีส์ปลิ้นปล้อน-ลวงโลก "แม้ว" สูสี "นาธาน" เย้ย เวลานี้ "เหลี่ยม" เป๋!! หนีศาล หนีเมียหัวซุกหัวซุน ยังต้องหนีความเจ็บปวดในทวิต ด้าน "นพ.เกษม" ชี้ "แม้ว" มีปัญหาพฤติกรรม โดยชอบหลงตัวเองมากเกินไป จนทำให้ไม่กล้ายอมรับฟังผู้อื่น แถมยังชอบหลีกหนีความจริง จนอาจถึงขั้นสติแตกกู่ไม่กลับ ถ้าเจอสถานการณ์บีบคั้นมาก
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "คนในข่าว"
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-22.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 14 ม.ค. มี น.ส.รัตน์ติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนพ.เกษม ตันติผลาชีวะ กรรมการบริหารราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย และอดีตนายกสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย 2 สมัย มาร่วมวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมทางจิตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นายปานเทพ กล่าวเปิดประเด็นถึงกรณี ฉายา "ทักษิณาธาน" ในโลกไซเบอร์ ว่า ได้มาจากนักร้อง นาธาน โอมาน ที่มีชื่อเสียงในทางลบ ก็เหมือนกับทางด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีพฤติกรรมคล้ายกับ นาธาน โดยตนเอาคำพูดพวกนี้มาจากโลกไซเบอร์ เพราะมีผู้คนที่เห็นภาพ นาธาน ไปถ่ายรูปในประเทศต่างๆ ก็เป็นที่คล้ายคลึงกับการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เป็นที่มาของคำว่า "ทักษิณาธาน" ในโลกไซเบอร์
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ที่ตนเชิญชวนทุกคนที่เล่นอินเทอร์เน็ตให้ช่วยกันเข้าไปในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ เพื่อโพสต์ข้อความถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เพื่ออยากให้คนอยาก พ.ต.ท.ทักษิณ รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนที่หลงตัวเองมาก โดยดูจากปีแรกตอนที่เข้าสู่เส้นทางการเมือง ไม่มีใครรู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เอารูปตัวเองไปติดอยู่ข้างป้าย ส.ส.ทั่วประเทศ จนได้รับชัยชนะด้วยนโยบายที่ถึงใจประชาชน
"ในการหาเสียงทุกครั้ง จะสังเกตได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบพูดฉายเดี่ยว ก็แสดงว่าเป็นคนที่ไม่พร้อมจะพูดอะไรกับใคร เพราะอยากพูดคนเดียว ไม่อยากได้รับการยอมรับร่วมกับใคร รวมทั้ง กลัวการโต้แย้ง โดยดูได้จากเหตุการณ์ ยุบรวมพรรค เพื่อป้องกันฝ่ายค้านซักฟอกข้อมูล และอภิปรายนายกรัฐมนตรี ในขณะเดียวกัน หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ซื้อสื่อ หรือไม่เช่นนั้น ก็ใช้อำนาจรัฐจัดการกับสื่อที่นำเสนอข้อเท็จจริง เพราะกลัวปฏิกิริยา กลัวตอบคำถามไม่ได้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง และข้อโต้แย้งต่างๆ ไม่ว่าจะจากฝ่ายค้านหรือสื่อมวลชน หรือจากองค์กรอิสระ พ.ต.ท.ทักษิณ จะหลบเลี่ยงการเผชิญหน้า แล้วชอบหาวิธีเยียวยาจิตใจ ว่ามีคนรักตัวเองเยอะๆ พ.ต.ท.ทักษิณ คงเจ็บปวดกับคำว่านักโทษหนีอาญาแผ่นดิน ดังนั้น ต้องเริ่มต้นหาวิธีเยียวยา ไม่ว่าจะเป็นการโฟนอิน หรือวิดีโอลิงก์ รวมทั้งการเล่นทวิตเตอร์ เพื่อพูดคุยกับผู้คน เพราะอยากได้รับคำชม ให้ดูว่ามีคนรักมาก จึงทำให้เกิดพฤติกรรมป่วนประเทศ" นายปานเทพ กล่าว
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ที่ตนเชิญชวนทุกคนให้ทวิตเตอร์ไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่ออยากให้อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาสู่โลกแห่งความจริง เพราะในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ คิดว่าตัวเองมีคนรักเยอะ ในทางตรงกันข้าม ก็มีคนไม่เห็นด้วยเยอะมากกว่า โดยดูได้จากในทวิตเตอร์แต่ละปีจะมีการโหวตที่สุดแต่ละด้าน ปรากฏว่าครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับการโหวตในหัวข้อหมวดสัตว์ ดังนั้น มันสะท้อนว่าผู้เล่นทวิตเตอร์รู้พฤติกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็นเช่นไร
"หลังๆ พ.ต.ท.ทักษิณ รับไม่ได้ที่ถูกผู้คนรุมต่อต้าน ถึงขั้นหลายหน้าไปจากโลกไซเบอร์หลายวัน และกลับมาบอกว่า ได้รับคำแนะนำว่าไม่ควรเข้ามาเล่นทวิตเตอร์บ่อย และไม่อยากตอบโต้ใครในเวลานี้ แสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อัดอั้นตันใจ เห็นภาพคนในทวิตเตอร์พูดข้อเท็จจริงเกี่ยวตัวเอง จนรับไม่ได้" นายปานเทพ กล่าว
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า พฤติกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากจะหนีศาล หนีสื่อ หนีการตรวจสอบขององค์กรอิสระ หนีภรรยา ล่าสุด ยังต้องหนีทวิตเตอร์ด้วย ดังนั้น ผู้ที่เข้าไปตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ ในทวิตเตอร์ อย่าเพิ่งตั้งข้อสงสัยว่าทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ตอบ เพราะมันแปลว่าอ่านแล้วตอบไม่ได้ เนื่องจากเป็นการตอกย้ำโลกของความเป็นจริงว่าเป็นเช่นไร
นพ.เกษม กล่าวถึงพฤติกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวกับทางการแพทย์ว่า เป็นการกระทำที่ส่อไปในทางมีปัญหาทางด้านบุคลิกภาพที่ผิดปกติแบบหลงตัวเอง ดังนั้น จึงทนไม่ได้กับอะไรที่ตัวเองไม่ได้กำกับ ต้องการให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้อำนาจการควบคุมตัวเอง หรือยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง ฉะนั้น คนประเภท พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อเจออะไรที่ไม่คาดฝัน อย่างวิธีการที่ให้คนไปตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ ในทวิตเตอร์ อาจทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้เสียสติได้ เพราะเวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่คิดว่าหอกที่เคยใช้ทิ่มแทงคนอื่น จะย้อนกลับมาสู่ตัวเอง จนสร้างความเจ็บปวด ทั้งนี้ ต้องย้อนกลับไปดูในช่วงวัยเด็กด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับความอิ่มเอมในความรักหรือไม่ มีอะไรบ้างที่ขาด ได้รับการอบรมคุณธรรมจริยธรรมอย่างไร เพราะทุกอย่างล้วนมีผลต่อความรู้สึกผิดจิตสำนึกของตัวเอง โดยถ้าหากทรยศประเทศชาติได้ ก็ถือว่าเป็นคนที่บกพร่องทางศีลธรรมและจริยธรรมเป็นอย่างมาก
นายปานเทพ กล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามยึดความเก่งเป็นหลัก และเอาความประสบความสำเร็จเป็นที่ตั้ง โดยไม่สนใจเรื่องคุณธรรมหรือจริยธรรม ดังนั้น คนที่หลงตัวเอง จะไม่พูดถึงคุณสมบัติที่ไม่ได้มีอยู่ในตัวเอง จึงต้องหยิบยกประเด็นอื่นขึ้นมา ทั้งนี้ ตนมองไปที่ครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าแท้จริงแล้วเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จจริงหรือไม่ เพราะทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับความมีคุณธรรมและจริยธรรมที่หล่อหลอมจิตใจด้วยว่ามีมากน้อยแค่ไหน ฉะนั้น ต้องย้อนดูว่า บิดามารดา พ.ต.ท.ทักษิณ เลี้ยงดูในวัยเด็กเป็นอย่างไร มีการอบรมสั่งสอนที่ดีหรือไม่
นพ.เกษม กล่าวถึงสภาพจิตใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาประเทศไทย เพื่อมาสู้คดีครั้งแรก สีหน้าและแววตาบ่งบอกถึงความมั่นอกมั่นใจ แต่พอหลังฟังคำตัดสินของศาล สีหน้าแววตาก็เปลี่ยนไปเป็นหดหู่และสิ้นหวังทันที ยิ่งเวลานี้รู้สึกกับตัวเองว่าจะไม่ชนะ จะเริ่มทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด เหมือนเมื่อตอนเดือนเมษายนปีที่แล้ว ที่พูดจากลับไปกลับมา หลุดในสิ่งที่ไม่น่าควรจะหลุด เรื่องการแจกเงินทองให้กับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยยิ่งนานวันสิ่งที่เคยพูดไป ก็ยิ่งมัดตัวเอง เพราะจะทำให้หมดความน่าเชื่อในที่สุด
"สภาพจิตใจตอนนี้ ไม่ต้องบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รู้สึกอย่างไร เพราะสถานการณ์ต่างๆ ได้บีบคั้นจนแทบไม่เหลือทางเดิน ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ ก็ชักไม่มี เหลืออีกสักกี่ประเทศที่จะให้ไป ดูไบจะให้อยู่ถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดังนั้น ที่ว่าจะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ซึ่งหมายถึงการเลือกตั้ง ที่ชนะด้วยวิธีซื้อเสียง แบบนี้ประชาธิปไตยของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมาได้อย่างไร ดังนั้น ทุกอย่างขัดแย้งกับตัวเองหมด เนื่องจากคนเราโกหกตัวเองไว้มาก บางทีจะพูดอะไรก็ไม่เต็มปากเต็มคำ ดูเหมือนหลอกตัวเองตลอดเวลา" นพ.เกษม กล่าว
นายปานเทพ กล่าวเสริมว่า ปกติแล้วคนที่อยู่ต่างประเทศนานๆ ย่อมมีความเหงาเป็นธรรมดา แต่สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องยิ่งกว่านั้น เพราะในเมื่อไปอยู่ไกลแล้วยังถูกผู้คนรุมประฌามและยิ่งประจาน ก็ทำให้ไม่มีความสุข ดังนั้น ต้องช่วยกันบำบัดจิตใจให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยการใช้วิธีหนามหยอก ต้องเอาหนามบ่ง โดยเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ทวิตเตอร์ในการตอบโต้ผู้อื่น เราก็ใช้ทวิตเตอร์ตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่นกัน
นพ.เกษม กล่าวถึงพฤติกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ชอบหนีความจริง ว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับการที่จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับสู่โลกของความเป็นจริง เพราะในเรื่องกลไกของจิตใจ คนแบบนี้จะหนีความจริงตลอด เพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด ดังนั้น การจะเอาความจริงมาเผชิญหน้ากับ พ.ต.ท.ทักษิณ บางทีอาจจะใช้ไม่ได้ผล เพราะอาจถูกต่อต้านจากความรู้สึกและในที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องหาทางหลีกเลี่ยง
"สิ่งที่จะสร้างความเจ็บปวดให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ มากที่สุด คือ หากย้อนมองดูตัวเองว่า ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะอยู่ในอำนาจ ก็ทำอะไรไม่ได้ พอหลังพ้นไปแล้ว มีนอมินี มีทหาร มีตำรวจ มีนักวิชาการ มีสื่อ มีทุกอย่างอยู่ในมือหมด แต่ก็ยังไม่ชนะ แล้วมาถึงตอนนี้ อำนาจรัฐก็ไม่มีในมือ ผู้คนที่มีอยู่ ก็ไม่รู้จะไว้ใจได้หรือเปล่า ดังนั้น การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อว่าคนพวกนี้รักตัวเอง คอยดูต่อไป สิ่งเหล่านี้จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เจ็บปวดที่สุด และผลสุดท้าย แม้แต่คนในครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อย่าเพิ่งนึกว่าจะไว้ใจ เพราะเคยทำให้ครอบครัวตัวเองเจ็บช้ำขนาดไหน ไปทำอะไรที่หักหาญน้ำใจเขาไว้ ไปยกย่องใคร และเอาอะไรไปให้ใคร ฉะนั้น วันใดวันหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องทนทุกข์กับผลกรรมก่อไว้" นพ.เกษม กล่าว
นายปานเทพ กล่าวถึงวันที่ 26 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ซึ่งศาลจะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์ฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าคดีนี้เชื่อมั่นในความยุติธรรมของศาลไทย และขอให้ทุกฝ่ายมีความเชื่อมั่นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้รับทรัพย์สินคืนกลับมา เพราะเป็นทรัพย์ที่หามาได้ก่อนเล่นการเมือง ดังนั้น ตรงนี้เป็นสัญญาณที่ดี แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการอำพรางอะไรไว้หรือไม่ เนื่องจากดูประวัติจะเห็นว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยเคารพกระบวนการยุติธรรมไทยมาตลอด
"ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ เวลานี้ดูโรยแรงและหมองคล้ำ ดูขาดความเชื่อมั่น โดยแน่นอนว่าเวลาแม่ทัพเป็นแบบนี้ คนที่อยู่ข้างหลังก็ใจหาย ยิ่ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุมเกมได้ดีเท่าไหร่ ทุกอย่างก็จะยิ่งจบเร็วมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งจบเร็วที่ว่า หมายถึงสังคมจะเข้าสู่สภาวะปกติเร็วขึ้น"นายปานเทพ กล่าว