นายกัว เซิงคุน เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ เขตปกครองตนเองกวางสีและชนกลุ่มน้อยชาวจ้วง และนายหลี่ หรงหรง ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและบริหารทรัพย์สินของรัฐ สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อกระชับสัมพันธ์ พร้อมร่วมพูดคุยวางแผนในการพัฒนาด้านการค้าและการลงทุนร่วมกันระหว่างไทย-จีน
วันนี้ (14 ม.ค.) นายกัว เซิงคุน เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ เขตปกครองตนเองกวางสีและชนกลุ่มน้อยชาวจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
โดยในโอกาสนี้ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ฯ กวางสี ได้นำคณะนักธุรกิจจีน 20 คนเดินทางมาด้วย ซึ่งนักธุรกิจจีนจากมณฑลกวางสีได้เข้าพบหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยรวมทั้งนักธุรกิจไทย ซึ่งในการเยือนนี้ ยังส่งผลให้นักธุรกิจจีนตกลงใจที่จะร่วมลงทุนในการสร้างท่าเรือร่วมกันในประเทศไทยด้วย
ทั้งนี้ เขตปกครองพิเศษกวางสี ยังมีประชากรกว่า 51 ล้านคน ขนาด GDP ประมาณ 800,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีที่แล้วถึง 14% และเป็นจุดที่รัฐบาลจีนมอบหมายให้เป็นประตูสู่อาเซียนด้วย ด้านเลขาธิการพรรคฯ เขตปกครองตนเองกวางสี ได้ถือโอกาสนี้ประชาสัมพันธ์ งานมหกรรมแสดงสินค้าจีน-อาเซียน ครั้งที่ 7 ณ นครหนาน ระหว่างวันที่ 20-24 ตุลาคม 2553 พร้อมกับเชิญให้นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยือนเขตปกครองตนเองกวางสีเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ยิ่งแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป
จากนั้น นายหลี่ หรงหรง ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและบริหารทรัพย์สินของรัฐ สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน โดยประธานคณะกรรมการตรวจสอบและบริหารทรัพย์สินของรัฐ ได้กล่าวยืนยันว่าความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทย-จีน ที่มีมาโดยตลอดจะยังคงมีต่อไปอย่างแน่นอน ซึ่งในการมาเยือนไทยในครั้งนี้ ได้มีการคาดหวังที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับไทยให้มากขึ้น โดยทราบว่าขณะนี้ประเทศไทยมีความต้องการด้านการลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็ค เพื่อพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ด้านนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีที่จีนให้ความสนใจที่จะร่วมมือในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งในช่วงปี 2552-2555 ประเทศไทยได้ประกาศการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามยังมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ โดยรัฐบาลได้หาลู่ทางจัดการด้านการเงิน ทั้งเรื่องเงินกู้ และความร่วมมือทางด้านเงินทุนระหว่างภาครัฐกับภาครัฐ และภาครัฐกับเอกชน
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความชื่นชมจีนที่ประสบความสำเร็จในการรักษาการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในปีที่ผ่านมาซึ่งประเทศต่างๆ ประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจีนมีศักยภาพในการเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ในโอกาสการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกันถึงภาพรวมเศรษฐกิจเอเชียตะวันออก โดยผู้นำต่างเชื่อมั่นว่าภูมิภาคนี้จะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงและมั่นคง และเศรษฐกิจจะเคลื่อนตัวจากภูมิภาคอเมริกาและยุโรปมาสู่ภูมิภาคเอเชียอย่างแน่นอน
วันนี้ (14 ม.ค.) นายกัว เซิงคุน เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ เขตปกครองตนเองกวางสีและชนกลุ่มน้อยชาวจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
โดยในโอกาสนี้ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ฯ กวางสี ได้นำคณะนักธุรกิจจีน 20 คนเดินทางมาด้วย ซึ่งนักธุรกิจจีนจากมณฑลกวางสีได้เข้าพบหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยรวมทั้งนักธุรกิจไทย ซึ่งในการเยือนนี้ ยังส่งผลให้นักธุรกิจจีนตกลงใจที่จะร่วมลงทุนในการสร้างท่าเรือร่วมกันในประเทศไทยด้วย
ทั้งนี้ เขตปกครองพิเศษกวางสี ยังมีประชากรกว่า 51 ล้านคน ขนาด GDP ประมาณ 800,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีที่แล้วถึง 14% และเป็นจุดที่รัฐบาลจีนมอบหมายให้เป็นประตูสู่อาเซียนด้วย ด้านเลขาธิการพรรคฯ เขตปกครองตนเองกวางสี ได้ถือโอกาสนี้ประชาสัมพันธ์ งานมหกรรมแสดงสินค้าจีน-อาเซียน ครั้งที่ 7 ณ นครหนาน ระหว่างวันที่ 20-24 ตุลาคม 2553 พร้อมกับเชิญให้นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยือนเขตปกครองตนเองกวางสีเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ยิ่งแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป
จากนั้น นายหลี่ หรงหรง ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและบริหารทรัพย์สินของรัฐ สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน โดยประธานคณะกรรมการตรวจสอบและบริหารทรัพย์สินของรัฐ ได้กล่าวยืนยันว่าความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทย-จีน ที่มีมาโดยตลอดจะยังคงมีต่อไปอย่างแน่นอน ซึ่งในการมาเยือนไทยในครั้งนี้ ได้มีการคาดหวังที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับไทยให้มากขึ้น โดยทราบว่าขณะนี้ประเทศไทยมีความต้องการด้านการลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็ค เพื่อพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ด้านนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีที่จีนให้ความสนใจที่จะร่วมมือในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งในช่วงปี 2552-2555 ประเทศไทยได้ประกาศการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามยังมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ โดยรัฐบาลได้หาลู่ทางจัดการด้านการเงิน ทั้งเรื่องเงินกู้ และความร่วมมือทางด้านเงินทุนระหว่างภาครัฐกับภาครัฐ และภาครัฐกับเอกชน
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความชื่นชมจีนที่ประสบความสำเร็จในการรักษาการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในปีที่ผ่านมาซึ่งประเทศต่างๆ ประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจีนมีศักยภาพในการเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ในโอกาสการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกันถึงภาพรวมเศรษฐกิจเอเชียตะวันออก โดยผู้นำต่างเชื่อมั่นว่าภูมิภาคนี้จะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงและมั่นคง และเศรษฐกิจจะเคลื่อนตัวจากภูมิภาคอเมริกาและยุโรปมาสู่ภูมิภาคเอเชียอย่างแน่นอน