เคาะข่าวริมโขง : อ่านเกม “แม้ว” ปลุกมวลชนขู่ ต่อรองคดียึดทรัพย์ หลังเจ้าตัวยังไม่ยอมแพ้ พยายามดิ้นกลับเข้าสู่อำนาจ โดยมี 3 ทางเลือกกำหนดชะตาชีวิต เผย “แม้ว” รู้หากเดินเกมแรงจะยิ่งแพ้เร็ว จึงกำลังคิดหาแผนใหม่บีบเกมเจรจา
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันพุธที่ 13 มกราคม มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.กมลพร วรกุล รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ได้เชิญ นายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ และพล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ โฆษกพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยในรายการ ถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีการสั่งพักราชการ เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และกรณีคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ที่ใกล้งวดขึ้นมาทุกขณะ
น.ส.กมลพร กล่าวเปิดประเด็น เสธ.แดง ว่าหลังจากที่ถูก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เซ็นคำสั่งพักราชการ เสธ.แดง ซึ่งภายหลังจากที่เจ้าตัวรู้ ก็ถึงขั้นสติแตก ขู่กระทืบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. บอกว่า 2 มาตรฐาน หากสั่งพักราชการจริง ก็ไม่ต้องมาเผาผีกัน เพราะการทำเช่นนี้ เท่ากับ พล.อ.อนุพงษ์ ตกอยู่ภายใต้อำนาจอำมาตย์
นายประพันธ์กล่าวประเด็นนี้ว่า สุภาษิตคำพังเพยของไทยระบุไว้ว่า หากหมาเห่าก่อนมักจะไม่กัด หรือถ้าเป็นคนพูดจริง ทำจริง ก็ไม่มีทางพูดจาข่มขู่เช่นนี้ โดยกรณีสั่งพักราชการ เสธ.แดง เพราะมีความผิด 2 ข้อ คือ หนีไปต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต และให้สัมภาษณ์ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา ซึ่งในเมื่อ พล.อ.ประวิตร เซ็นคำสั่งดังกล่าวไปแล้ว เวลานี้ เสธ.แดง ควรสำนึกในความผิดที่ได้ทำ แต่เวลานี้ พฤติกรรมของ เสธ.แดง กลับยิ่งก้าวร้าวมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไป ทางต้นสังกัดของ เสธ.แดง จะต้องส่งเรื่องผลการสอบสวนไปให้ศาลทหารพิจารณาความผิดอีกครั้งหนึ่ง โดย เสธ.แดง อาจจะโทษอื่นๆ เพิ่มอีก
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวเสริมว่า ในระเบียบของกระทรวงกลาโหม หากข้าราชการจะเดินทางออกนอกประเทศ จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา ดังนั้น เรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้วว่า เสธ.แดง กระทำความผิดจริง เพราะได้เดินทางไปกัมพูชา เพื่อพบ สมเด็จฯ ฮุนเซน และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงถือว่ากระทำผิดกฏ และก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เนื่องจาก พอ พล.อ.อนุพงษ์ ทราบเรื่อง ก็ได้สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ เสธ.แดง กลับกล่าวหาผู้บังคับบัญชาด้วยถ้อยคำที่หยาบคายและรุนแรง
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวอีกว่า การสั่งพักราชการ เสธ.แดง ตนเห็นว่าเหมาะสมแล้ว เพราะมันจะสะท้อนให้เห็นว่า พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ กล้าปฏิบัติตามกฏระเบียบของกองทัพหรือไม่ โดยครั้งนี้ ต้องยกเครดิตให้แก่ทั้งสองคน เนื่องจากได้ตัดสินใจด้วยวิธีที่ดีที่สุด เพื่อดำรงความอยู่รอดของกองทัพ
น.ส.กมลพร กล่าวประเด็นต่อไปว่า ทางพรรคเพื่อไทยได้แต่งตั้ง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง จ.บุรีรัมย์ นอกจากนี้ ยังมีการยกย่องให้เป็นนักรบดำ ผู้ที่จะไปต่อกรกับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่ครองอำนาจในจ.บุรีรัมย์อยู่
นายชัชวาลย์กล่าวว่า เรื่องการเมือง หากเปรียบเป็นมวยระหว่าง พล.อ.พัลลภ กับนายเนวิน แล้ว ต้องยอมรับว่าสู้นายเนวินไม่ได้ เพราะชั้นเชิงทางการเมืองเหนือกว่า ดังนั้น การที่พรรคเพื่อไทยวางกลยุทธ์ส่ง พล.อ.พัลลภ ไปคุมยุทธศาสตร์การเลือกตั้งที่ จ.บุรีรัมย์ จึงเป็นแค่การส่งคนไปกวนสมาธินายเนวินให้กังวลใจเท่านั้น
น.ส.กมลพร กล่าวเปิดประเด็นถึงกรณียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ที่ศาลจะตัดสินในวันที่ 26 ก.พ.นี้ พล.ร.ท.ประทีป กล่าวประเด็นนี้ว่า คดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นตัววางกลยุทธ์ เพื่อเดินเกมต่อไปว่า ท้ายที่สุดแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ จะเลือกสู้วิธีไหน แต่สำหรับตนแล้วคิดว่า เวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้ตัวดีแล้วว่า หากเดินเกมรุนแรง คนที่จะเสียและพ่ายแพ้เร็วคือตัวเอง ดังนั้น จึงพยายามคิดหาทางใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงในการกลับเข้าสู่อำนาจ ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 3 ทางเลือก คือ 1.ปั่นป่วนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 2.ปลุกระดมปฏิวัติโดยมวลชน และ3.บีบเกมให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ยุบสภา แต่ในส่วนทางเลือกที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ แค่ปลุกระดมมวลชนเพื่อข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น
น.ส.กมลพร กล่าวว่า มีคนนำประเด็นที่นักวิชาการ ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการเมืองไทยปีนี้ร้อนระอุแน่ แต่ถึงอย่างไรสถานการณ์ก็ไม่แตกหัก ดังนั้น จึงมีการนำประเด็นนี้ไปถาม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งเจ้าตัวก็ได้นำไปถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้รับคำตอบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องยึดทรพย์ แต่อยากให้คนเสื้อแดงดำเนินวิธีทางของตัวเอง โดยในส่วนเรื่องคดี 76,000 ล้านบาท หากประเทศเป็นประชาธิปไตยจริง เรื่องนี้ ต้องนำกลับมาทบทวนหรือพูดจาตกลงกันอีกครั้ง ซึ่งถ้าหากมีการยึดทรัพย์ทั้งหมดหรือบางส่วน ก็เท่ากับว่าเป็นการกระทำที่ปล้นกลางแดด
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันพุธที่ 13 มกราคม มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.กมลพร วรกุล รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ได้เชิญ นายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ และพล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ โฆษกพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยในรายการ ถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีการสั่งพักราชการ เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และกรณีคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ที่ใกล้งวดขึ้นมาทุกขณะ
น.ส.กมลพร กล่าวเปิดประเด็น เสธ.แดง ว่าหลังจากที่ถูก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เซ็นคำสั่งพักราชการ เสธ.แดง ซึ่งภายหลังจากที่เจ้าตัวรู้ ก็ถึงขั้นสติแตก ขู่กระทืบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. บอกว่า 2 มาตรฐาน หากสั่งพักราชการจริง ก็ไม่ต้องมาเผาผีกัน เพราะการทำเช่นนี้ เท่ากับ พล.อ.อนุพงษ์ ตกอยู่ภายใต้อำนาจอำมาตย์
นายประพันธ์กล่าวประเด็นนี้ว่า สุภาษิตคำพังเพยของไทยระบุไว้ว่า หากหมาเห่าก่อนมักจะไม่กัด หรือถ้าเป็นคนพูดจริง ทำจริง ก็ไม่มีทางพูดจาข่มขู่เช่นนี้ โดยกรณีสั่งพักราชการ เสธ.แดง เพราะมีความผิด 2 ข้อ คือ หนีไปต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต และให้สัมภาษณ์ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา ซึ่งในเมื่อ พล.อ.ประวิตร เซ็นคำสั่งดังกล่าวไปแล้ว เวลานี้ เสธ.แดง ควรสำนึกในความผิดที่ได้ทำ แต่เวลานี้ พฤติกรรมของ เสธ.แดง กลับยิ่งก้าวร้าวมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไป ทางต้นสังกัดของ เสธ.แดง จะต้องส่งเรื่องผลการสอบสวนไปให้ศาลทหารพิจารณาความผิดอีกครั้งหนึ่ง โดย เสธ.แดง อาจจะโทษอื่นๆ เพิ่มอีก
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวเสริมว่า ในระเบียบของกระทรวงกลาโหม หากข้าราชการจะเดินทางออกนอกประเทศ จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา ดังนั้น เรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้วว่า เสธ.แดง กระทำความผิดจริง เพราะได้เดินทางไปกัมพูชา เพื่อพบ สมเด็จฯ ฮุนเซน และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงถือว่ากระทำผิดกฏ และก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เนื่องจาก พอ พล.อ.อนุพงษ์ ทราบเรื่อง ก็ได้สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ เสธ.แดง กลับกล่าวหาผู้บังคับบัญชาด้วยถ้อยคำที่หยาบคายและรุนแรง
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวอีกว่า การสั่งพักราชการ เสธ.แดง ตนเห็นว่าเหมาะสมแล้ว เพราะมันจะสะท้อนให้เห็นว่า พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ กล้าปฏิบัติตามกฏระเบียบของกองทัพหรือไม่ โดยครั้งนี้ ต้องยกเครดิตให้แก่ทั้งสองคน เนื่องจากได้ตัดสินใจด้วยวิธีที่ดีที่สุด เพื่อดำรงความอยู่รอดของกองทัพ
น.ส.กมลพร กล่าวประเด็นต่อไปว่า ทางพรรคเพื่อไทยได้แต่งตั้ง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง จ.บุรีรัมย์ นอกจากนี้ ยังมีการยกย่องให้เป็นนักรบดำ ผู้ที่จะไปต่อกรกับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่ครองอำนาจในจ.บุรีรัมย์อยู่
นายชัชวาลย์กล่าวว่า เรื่องการเมือง หากเปรียบเป็นมวยระหว่าง พล.อ.พัลลภ กับนายเนวิน แล้ว ต้องยอมรับว่าสู้นายเนวินไม่ได้ เพราะชั้นเชิงทางการเมืองเหนือกว่า ดังนั้น การที่พรรคเพื่อไทยวางกลยุทธ์ส่ง พล.อ.พัลลภ ไปคุมยุทธศาสตร์การเลือกตั้งที่ จ.บุรีรัมย์ จึงเป็นแค่การส่งคนไปกวนสมาธินายเนวินให้กังวลใจเท่านั้น
น.ส.กมลพร กล่าวเปิดประเด็นถึงกรณียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ที่ศาลจะตัดสินในวันที่ 26 ก.พ.นี้ พล.ร.ท.ประทีป กล่าวประเด็นนี้ว่า คดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นตัววางกลยุทธ์ เพื่อเดินเกมต่อไปว่า ท้ายที่สุดแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ จะเลือกสู้วิธีไหน แต่สำหรับตนแล้วคิดว่า เวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้ตัวดีแล้วว่า หากเดินเกมรุนแรง คนที่จะเสียและพ่ายแพ้เร็วคือตัวเอง ดังนั้น จึงพยายามคิดหาทางใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงในการกลับเข้าสู่อำนาจ ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 3 ทางเลือก คือ 1.ปั่นป่วนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 2.ปลุกระดมปฏิวัติโดยมวลชน และ3.บีบเกมให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ยุบสภา แต่ในส่วนทางเลือกที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ แค่ปลุกระดมมวลชนเพื่อข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น
น.ส.กมลพร กล่าวว่า มีคนนำประเด็นที่นักวิชาการ ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการเมืองไทยปีนี้ร้อนระอุแน่ แต่ถึงอย่างไรสถานการณ์ก็ไม่แตกหัก ดังนั้น จึงมีการนำประเด็นนี้ไปถาม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งเจ้าตัวก็ได้นำไปถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้รับคำตอบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องยึดทรพย์ แต่อยากให้คนเสื้อแดงดำเนินวิธีทางของตัวเอง โดยในส่วนเรื่องคดี 76,000 ล้านบาท หากประเทศเป็นประชาธิปไตยจริง เรื่องนี้ ต้องนำกลับมาทบทวนหรือพูดจาตกลงกันอีกครั้ง ซึ่งถ้าหากมีการยึดทรัพย์ทั้งหมดหรือบางส่วน ก็เท่ากับว่าเป็นการกระทำที่ปล้นกลางแดด