“มาร์ค” ยันตั้งองค์กรอิสระแก้ปัญหา “มาบตาพุด” เป็นไปตามขั้นตอน รธน.มาตรา 67 วรรคสอง เชื่อออก พ.ร.บ.ภายหลังได้ พร้อมแจงนักลงทุน ชี้ “มาตรฐานเข้มงวด” นักลงทุนต้องยอมรับ หวังให้เกิดสมดุลสิ่งแวดล้อม
วันนี้ (12 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุม ครม. ถึงกรณีการตั้งองค์การอิสระเพื่อพิจารณาแก้ปัญหามาบตาพุด ตามมาตรา 67 วรรคสองว่า ครม.ให้ความเห็นชอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการมีคณะกรรมการประสานงานองค์การอิสระ ซึ่งจะเป็นผู้ให้ความเห็นต่อกรณีที่อาจจะมีผลกระทบรุนแรงทางด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสุขภาพ จากการอนุมัติระเบียบสำนักนายกฯ ดังกล่าว ทำให้กระบวนการที่จะดำเนินการตามมาตรา 67 วรรคสองสมบูรณ์แล้ว มีการดำเนินการในแง่กติกาเรียบร้อยแล้ว นั่นคือ การวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การวิเคราะห์ผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งครม.ได้อนุมัติประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนซึ่งตามระเบียบสำนักนายกฯ และการได้ความเห็นจากองค์การอิสระก็มีระเบียบสำนักนายกฯมารองรับเช่นเดียวกัน
นอกจากนั้น เท่าที่ติดตามบริษัทเอกชนเริ่มเข้าสู่กระบวนการนี้ การแก้ไขปัญหานี้คลี่คลายคืบหน้าไปมาก ความชัดเจนภาครัฐก็ถือว่าชัดเจนครบถ้วน สำหรับในอนาคตตัวองค์การอิสระจะมีกฎหมายมารองรับเป็น พ.ร.บ. ซึ่งทาง ครม.เสนอร่างให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปตรวจพิจารณาก่อนเสนอสภา
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการหารือข้อพิจารณาข้อห่วงใยให้มีความชัดเจน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันชัดแล้วเป็นการชวนเอกชนมาเข้ากระบวนการโดยเร็วที่สุด อยู่ที่ทางเอกชนจะร่วมมือกันทำ เพราะตกลงกันไว้อย่างนั้นว่า พร้อมเข้ามา ซึ่งเขาใช้คำว่า “โดยสมัครใจ” ในกระบวนการนี้ ซึ่งรัฐบาลขอใช้เวลาสักนิดให้กระบวนการเป็นที่ยอมรับ และน่าจะเดินได้
เมื่อถามว่า เอกชนมีความกังวลว่าระเบียบสำนักนายกฯจะไม่มีอำนาจเท่ากับพ.ร.บ.จนต้องนับหนึ่งใหม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่ ในรัฐธรรมนูญไม่ได้บ่งบอกว่าต้องมีกฎหมาย ไม่ได้บอกรายละเอียดไว้ว่าองค์การอิสระจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร เชื่อมั่นว่าจากการที่เปิดโอกาสให้ทุกฝ่าย มีส่วนร่วมพิจารณาย่างรอบคอบเป็นที่ยอมรับ กระบวนการนี้น่าจะเดินและศาลน่าจะยอมรับกระบวนการนี้
เมื่อถามด้วยว่า องค์การอิสระถ้าตัดสินอะไรไปก็จะมีข้อยุติจะไม่มีการนับหนึ่งใหม่ในอนาคต นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อย่าลืมว่าองค์การอิสระตามรัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นผู้ให้ความเห็นชอบ เป็นเพียงผู้ให้ความเห็น ผู้ที่จะตัดสินใจคือผู้ที่มีอำนาจในการออกใบอนุญาต เมื่อถามว่าคณะกรรมการประสานงานจะคัดเลือกแล้วเสร็จเมื่อไหร่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตามกรอบเวลาเป็นเวลา 60 วัน
เมื่อถามว่าฐานการผลิตที่ประเทศญี่ปุ่นออกมาแสดงความเป็นกังวล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนยินดีจะพบ เพราะนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตาสหกรรมได้ปรารภกับตนอยากให้พบกับทางประธานกลุ่มเจทโต้ ยินดีพบและจะชี้แจง มันเป็นข้อกฎหมาย ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
เมื่อถามว่า ทางแบงก์ชาติออกมาระบุว่าเอ็นพีแอลจะเกิดขึ้นจากวงเงินทั้งหมดจะยิ่งทำให้ปัญหามากขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตามที่ได้ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ทางสมาคมธนาคารยืนยันว่าจะไม่น่าจะเกิดปัญหาเรื่องนี้ เมื่อถามอีกว่า เป็นไปได้หรือไม่จะให้บริษัท กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ช่วยเหลือกรณีที่บริษัทไม่ปล่อยสินเชื่อในการลงทุน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า บริษัท กรุงไทย ระบุว่าหากบริษัทไหนไม่ปล่อย เขายินดีจะรับเป็นลูกค้า ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าเขาพูดเล่นหรือไม่ตนไม่ทราบ
“ถ้าโครงการดีไม่มีปัญหา ต้องยอมรับว่าพอเรามีมาตรานี้ทำให้มาตรฐานเข้มงวดขึ้น เมื่อมาตรฐานเข้มงวดขึ้น ผมตอบไม่ได้ว่านักลงทุนจะตัดสินใจอย่างไร แต่ผมถือว่า การที่เราตกลงที่จะมีกติกาที่เข้มงวดขึ้น ประเทศไทยได้ตัดสินใจแล้วว่าธุรกิจที่จะมาอยู่ที่นี่ต้องได้มาตรฐานนี้ ถ้าเขาไม่พร้อมจะทำมาตรฐานนี้ อันนี้เราต้องยอมรับ เพราะเป็นการทำให้เกิดความสมดุลเรื่องสิ่งแวดล้อม คุ้มครองประชาชนจากการมีธุรกิจอุตสาหกรรมเข้ามา ไม่มีอะไรที่เราจะต้องไปสุดโต่งว่า ถ้าเขาไม่ยอมทำตามมาตรฐานนี้แล้วมันเป็นอันตรายกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ผมก็ไม่ว่าอะไร”
เมื่อถามว่า การลงพื้นที่มาบตาพุดวันเสาร์ที่ 16 นี้จะมีมาตราอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไปตามมาตรการเยียวยาทั้งหลาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ ครม.ได้อนุมัติงบประมาณค่อนข้างมาก และต้องการที่จะสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในพื้นที่ว่าเขาได้รับการดูแลในเรื่องผลกระทบต่างๆ จริงๆ
เมื่อถามว่า ก่อนหน้าที่เคยให้ทางสภาพัฒน์พิจารณา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้รายงานมาเลย ซึ่งตนก็ทวงทุกครั้งที่ประชุมครม.เศรษฐกิจ เมื่อถามว่า มีอะไรที่เกิดความล่าช้า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เขาบอกว่าไม่ได้ล่าช้ากำลังทำอยู่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะมีผลกระทบต่อแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ ตามที่เรากำลังพูดถึง เมื่อถามว่า สภาพัฒน์ฯ บอกหรือไม่ว่าจะส่งกลับมาเมื่อไหร่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เขาบอกว่าอีกไม่นาน ตัวกฎหมายใหม่ที่รอ ส่วนการจะออกเป็นกฎหมายฉบับนี้แล้วจะถอนฉบับเก่าออกหรือไม่นั้นให้กระทรวงทรัพย์ จะตอบวันที่ 19 ม.ค.นี้