"ผ่าประเด็นร้อน"
ถ้าพิจารณากันอีกมุมหนึ่งถือว่าเป็นผลดีไม่น้อย สำหรับการเคลื่อนไหวของ “คนเสื้อแดง” ที่กำลังไล่บี้ให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรีจนต้องคืนที่ดินบริเวณเขายายเที่ยง จ.นครราชสีมา ให้กับกรมป่าไม้หลังจากมีการตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีสิทธิ์ในการครอบครอง เนื่องจากที่ดินดังกล่าวไม่ได้ตกทอดกันมาจากบรรพบุรุษหรือเป็นผู้สืบสันดาน เช่น พ่อมาสู่ลูก เป็นต้น ตามที่เคยมีมติคณะรัฐมนตรีผ่อนผันให้กับผู้ที่เข้าไปบุกรุกป่าสงวนเสื่อมโทรมในบริเวณดังกล่าว โดยจัดสรรให้ทำกินตามที่กำหนดเอาไว้
กรณีของ พล.อ.สุรยุทธ์ ในที่สุดก็ต้องคืนที่ดินบนเขายายเที่ยงให้กับกรมป่าไม้ ส่วนจะดำเนินการในทันที เนื่องจากเจ้าตัวก็ไม่ประสงค์ที่จะครอบครองต่อไป อีกทั้งที่ผ่านมาก็ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์จากที่ดินดังกล่าว ไม่ได้ครอบครองเพื่อทำธุรกิจแต่อย่างใด หรือว่าต้องรอให้กรมป่าไม้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อคืนสิทธิ์ในที่ดินพร้อมๆกับที่ดินแปลงอื่นในบริเวณเดียวกัน หรือพร้อมกันทั่วประเทศ ก็ต้องว่ากันไปในภายหลัง
อย่างน้อยผลดีของการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงก็ทำให้มีการพูดถึงเรื่องของการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นสมบัติสาธารณะ การักษาทรัพยากรธรรมชาติ การรักษาป่าต้นน้ำลำธาร ก็นับว่าเป็นผลดี แต่ที่สำคัญก็คือ อย่าเลือกปฏิบัติ หรือแค่การเคลื่อนไหวเพื่อหวังผลทางการเมืองแบบ “ซ่อนเร้นแอบแฝง” อย่างที่หลายฝ่ายกำลังเข้าใจกันอยู่เวลานี้
เพราะการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ซึ่งก็คือ “ลูกน้อง” ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีขี้โกงที่กำลังหลบหนีคดีทุจริตต้องการกดดันให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ลาออก เพื่อกระทบชิ่งไปถึง พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ขณะเดียวกันอีกนัยหนึ่งเป้าหมายของคนพวกนี้ก็คือสิ่งที่อยู่ “เหนือ” ขึ้นไปต่างหาก
หากพิจารณาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนไม่ว่าใครก็ย่อมมองออกว่า พล.อ.สุรยุทธ์ มีความใกล้ชิด พล.อ.เปรม มีตำแหน่งเป็นองคมนตรี ถือว่าเป็นที่ปรึกษาและประธานที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์ ดังนั้นหากทำลาย พล.อ.สุรยุทธ์ ลงได้ก็ย่อมกระเทือนกันไปเป็นทอดๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และที่ผ่านมาความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ และเครือข่ายก้ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านของการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของ “เหวง โตจิราการ” ที่ไม่รับรองสถานะของสถาบันองคมนตรี รวมไปถึงความพยายามในการแก้ไขในหมวดพระมหากษัตริย์ เป็นต้น
ดังนั้น จึงเชื่อว่าการเคลื่อนไหวของ คนเสื้อแดง ที่มีเป้าหมายเฉพาะหน้าเพื่อหวังผลทางการเมือง ต้องการกดดันให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ลาออก เพื่อให้เกิดแรงกระเพื่อมไปไกลเท่านั้นเอง ไม่ได้มีเจตนาเพื่อที่จะต้องการสร้างมาตรฐานทางกฎหมาย หรือเพื่อที่จะรักษาทรัพยากรธรรมชาติจากการบุกรุกของนายทุนและผู้มีอิทธิพลทั้งที่เป็นนักการเมือง ข้าราชการระดับสูงหรือบุคคลทั่วไปเลยแม้แต่น้อย
เพราะถ้าคนกลุ่มนี้แน่จริงนอกจากจะเรียกร้องต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ แล้ว ก็ต้องหันเหหัวเรือไปกดดันรัฐบาลและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และกรมป่าไม้ให้มีการตรวจสอบที่ดินในลักษณะเดียวกันกับกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ ถือครอง หรือกรณีการครอบครองในลักษณะอื่นๆโดยมิชอบ โดยไม่มีข้อยกเว้น เนื่องจากเป็นการสร้างบรรทัดฐานเดียวกัน ซึ่งคนเสื้อแดงไม่ว่าจะมีแกนนำชื่ออะไรก็ตามจะต้องดำเนินการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง อย่าได้หยุดเพียงแค่นี้เป็นอันขาด เพราะหากไม่ดำเนินการต่อถือว่ามีลักษณะซ่อนเร้น หวังผลทางการเมืองเท่านั้น ทำให้ความชอบธรรมต้องลดลงไปอีก
ที่ผ่านมาหากจำกันได้ยังมีพื้นที่ป่าสงวน หรือพื้นสาธารณะอีกหลายแห่งในหลายจังหวัดที่ยังมีปัญหาคาราคาซัง ไม่ได้ดำเนินการแก้ไขสะสางให้เกิดความชัดเจน เนื่องจากมีปัญหาจากผู้มีอิทธิพล ซึ่งมีทั้งนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงเข้าไปครอบครองจับจองเอาไว้ เช่น ที่อำเภอวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา แถวไร่ “พีเค” ที่เขาใหญ่ หรือที่ดินบริเวณอำเภอเกาะสมุย ที่มีนักการเมืองดังทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลเข้าไปครอบครองในลักษณะ “ตัวแทน” จำนวนมาก และที่ลืมไม่ได้เป็นอันขาดก็น่าจะเป็นบริเวณเขากระโดงที่มีการระบุว่าเป็นการบุกรุกที่ดินของการรถไฟของนักการเมืองใหญ่ในจังหวัดบุรีรัมย์ ก็ต้องสะสางพร้อมกันไปด้วย
นอกเหนือจากนั้น สิ่งที่อยากเห็นไปอีกก็คือการทวงความชอบธรรมให้กับที่ดินของ “คุณยายเนื่อม” ที่เคยนำที่ดินไปถวายวัด แต่กลับกลายเป็นว่าถูกนักฉ้อฉลใจบาปรวมหัวกันแปลงสภาพกลายมาเป็นสนามกอล์ฟอัลไพน์ในทุกวันนี้ หรือแม้แต่ที่ดินรัชดา ก็ยังไม่เห็นคนเสื้อแดงสักคนลุกขึ้นมาทวงถามความชอบธรรมกันเลยสักแอะเดียว
อย่างไรก็ดีหากพิจารณากันตามความเป็นจริงปัญหาการบุกรุกและครองป่าสงวนแห่งชาติโดยมิชอบทั้งที่อยู่ในลักษณะเดียวกับกรณีของ พล.อ.สุรยุทธ์ รวมไปถึงกรณีอื่นๆรวมกันแล้วทั่วประเทศมีอยู่นับล้านๆไร่ ที่ยังไม่มีดำเนินการตามกฎหมาย และที่สำคัญคนที่ครอบครองจากพวกนายทุนและนักการเมืองแล้ว ยังมีชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ซึ่งในที่นี้เชื่อว่าต้องมีคนเสื้อแดงรวมอยู่ด้วยจำนวนไม่น้อย และคำถามก็คือบรรดาแกนนำจะดำเนินการแบบสองมาตรฐานหรือไม่
ขณะเดียวกันหากพิจารณาเฉพาะกรณีของที่ดินบริเวณเขายายเที่ยงจากการตรวจสอบเบื้องต้นก็ยังพบว่าเฉพาะกรณีการถือครองที่ดินในลักษณะขายต่อกันมาแบบ พล.อ.สุรยุทธ์ มีอยู่นับร้อยแปลง และแม้ว่า พล.อ.สุรยุทธ์ อาจรีบคืนที่ดินให้กรมป่าไม้ก่อนเพื่อป้องกันปัญหาบานปลาย แต่รายอื่นก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและเรียกคืนเหมือนกัน และเมื่อมาถึงแบบนี้ก็เชื่อว่าย่อมมีเสียงโวยวาย หรือเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเพื่อความยุติธรรมพร้อมกันทั่วประเทศ ก็จะยิ่งไปกันใหญ่
ดังนั้นเชื่อว่า สิ่งที่คนเสื้อแดงของ ทักษิณ กำลังเคลื่อนไหวกันอยู่ในเวลานี้ ก็เพียงแค่ต้องการทำลายองคมนตรีบางคน ซึ่งในที่นี้หมายถึง พล.อ.เปรม และ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นหลัก เพื่อหวังผลกระทบชิ่งให้ “เหนือ” ไปกว่านั้น แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดที่จะจริงจังในการปกป้องทรัพยากรของชาติแต่อย่างใด แต่ถ้าไม่ใช่ก็ต้องเคลื่อนไหวต่อ อย่าหยุดเพียงแค่นี้เป็นอันขาด !!