อดีตประธานรัฐสภา แนะทุกฝ่ายให้ลดทิฐิ ยันไม่มีรัฐธรรมนูญ ฉบับไหน ตอบสนองได้ทุกฝ่าย ระบุหากพรรคการเมืองเห็นพ้องตรงกันจะแก้ไขในประเด็นไหน ก็สามารถดำเนินการได้ ชี้รธน.ปี 50 สุดโต่ง แต่ยอมรับปี 40 มีจุดบอดตรวจสอบฝ่ายบริหารยาก
วันนี้ (7 ม.ค.) ที่รัฐสภา นาย โภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภาที่มีความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงความขัดแย้งในรัฐบาลกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องการแก้ไขก่อน 2 เรื่อง คือ มาตรา 190 และ เขตเลือกตั้งส.ส. เป็นเขตเดียวเบอร์เดียวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่แต่ละฝ่ายจะตั้งใจแก้ประเด็นไหน และแก้ไขแค่ไหน ทั้งนี้ต้องดูต้นเหตุของปัญหาก่อนที่จะแก้ไขในเรื่องนั้นๆด้วย ตัวอย่างเช่น ตอนมีรัฐธรรมนูญ 40 แม้มีข้อดีเรื่องสิทธิเสรีภพามากมาย แต่ก็มีจุดอ่อน ตอนนั้นตนและนาย ชุมพล ศิลปอาชา เป็นคณะกรรมการปฏิรูปการเมืองและกฎหมาย ก็พยายามชี้ให้เห็นปัญหาเช่น การตรวจสอบฝ่ายบริหารได้ยาก เมื่อมีการใช้รัฐธรรมนูญมาเรื่อยๆก็พบปัญหาดังกล่าวขึ้นจริง ตนและทุกพรรคการเมืองได้ออกทีวีพร้อมกันและทุกพรรคเห็นพ้องว่า ต้องแก้ไขให้ตรวจสอบฝ่ายบริหารง่ายขึ้น และฝ่ายการเมืองไม่ต้องยุ่งกับองค์กรอิสระ รวมถึงอะไรที่ไม่ชัดเจนก็ต้องตัดออก ตอนนั้นเมื่อทุกพรรคเห็นพ้องกัน 4-5 เรื่องใหญ่ๆก็สามารถแก้ไขได้เลย ไม่ต้องรออะไร แต่สุดท้ายก็เกิดการรัฐประหารก่อน และมีการร่างรัฐธรรมนูญ 50 ทั้งนี้ การเมืองไทยตลอดมา เมื่อมี การยึดอำนาจได้ ก็มีการแก้รัฐธรรมนูญกันไปอีกแบบหนึ่งสุดโต่งไปมา หลักการทางรัฐธรรมนูญจึงไม่นิ่ง ปัญหาก็สะสม แต่เดิมจะเห็นว่า เป็นปัญหาสะสมเชิงองค์กร เช่น นายกฯจะให้มาจากไหนแน่ ส.ส.เป็นรัฐมนตรีได้หรือไม่ เป็นต้น
เมื่อถามว่า เมื่อทั้งฉบับ 40 และ 50 มีปัญหาทั้งคู่ ถึงเวลาจะมายกเครื่องกันใหม่หรือยัง นายโภคิน กล่าวว่า ขณะนี้ตนอยากให้ทุกฝ่ายละทิฐิ มองกันยาวๆ และไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใดจะตอบสนองฝ่ายใดได้ดีที่สุด เพียงแต่ต้องตอบสนองต่อหลักการ และการใช้ การตีความขององค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้อง ต้องทำอย่างมีสปิริต เป็นไปตามตามหลักนิติรัฐที่ต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ ไม่ใช่พูดกันหรือทำกันแบบไม่เข้าใจ เมื่อฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยปราศจากอคติ ทุกอย่างก็จะดีขึ้น ส่วนฝ่ายการเมืองจะแก้ไขรัฐธรรมนูญจะ 2 หรือ 6 ประเด็น แล้วจะทำให้การเมืองดีขึ้นหรือไม่นั้น ต้องมองว่า กติกาที่มีอยู่เป็นไปตามหลักการหรือไม่ แต่ตอนนี้ ต่างฝ่ายต่างก็มองแบบอคติ เมื่อไม่ชอบก็ยกเหตุผลมาคัดค้าน ส่วนนักวิชาการด้านรัฐธรรมนูญที่หลังๆไม่ค่อยกล้าออกมาให้แง่คิดต่อสังคมเรื่องแก้รัฐธรรมนูญมากนัก เพราะตอนนี้ความขัดแย้งในบ้านเมืองลงลึกมาก จากเดิมที่ออกมาแสดงความคิดเห็น ตอนนี้อาจจะไม่กล้าออกมา เพราะถ้าพูดตรงไปตรงมา ก็กลัวว่า จะถูกฝ่ายคัดค้านต่อต้านเช่นกัน
เมื่อถามว่า หากนำรัฐธรรมนูญ 40 กลับมาใช้จะช่วยคดีพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯได้หรือไม่ นายโภคิน กล่าวว่า ก็เป็นเหตุผลของแต่ละฝ่ายที่ยกมาสู้กัน ฝ่ายที่ไม่ชอบฉบับ 40 พอมีคนชูประเด็นว่า จะนำฉบับ 40 กลับมา ก็อ้างว่า พวกนี้ต้องการนำกลับมาช่วยพ.ต.ท. ทักษิณ ซึ่งตนมองว่า สำหรับคดีของพ.ต.ท. ทักษิณ สังคมมองว่า เมื่อมีการยึดอำนาจแล้วคณะทหารตั้งกรรมการไปตรวจสอบ อย่างนี้ยอมรับกันว่าเป็นธรรมหรือไม่ ถ้ายอมรับว่าเป็นธรรม เรื่องก็จบ แต่ถ้าไม่ยอมรับว่าเป็นธรรม ก็มีกระบวนการที่จะแก้ไขให้ถูกต้องได้
เมื่อถามว่า มองวิกฤตการเมืองขณะนี้อย่างไร นายโภคิน กล่าวว่า ก็เห็นอย่างที่ทุกคนเห็น แต่ตนอยากให้สังคม ละอคติ ละทิฐิต่อกันให้ได้มากที่สุด และเมตตา ให้อภัยกันให้มาก ไม่เช่นนั้นสังคมจะอยู่ไม่ได้ แต่ตอนนี้ ไม่ว่าประเด็นใดก็มีทิฐิกันหมด ทุกเรื่องจึงกลายเป็นเรื่องขึ้นมาหมด ส่วนกรณีปัญหาความรับผิดชอบทางการเมืองรมช.สาธารณสุขกับ กฎเหล็ก 9 ข้อของนายกฯ ตนไม่ขอวิจารณ์