สื่อ-นักวิชาการ รุมจวก "นช.แม้ว" เดินเกมทำร้ายประเทศไทย แต่ถูกผลการกระทำย้อนเข้าตัว จนทำให้สิ้นบุญวาสนากลับมายิ่งใหญ่ ชี้ รัฐควรใช้จังหวะนี้ ตัดรากถอนโคนให้สิ้นซาก ด้วยการตอกตะปูที่ฝาโลงรุกช่วงชิงพื้นที่ข่าวสาร นำความจริงตีแผ่ให้ปชช. ทราบ จะได้ไม่หลงเป็นเหยื่อความไม่รู้ที่ "นช.แม้ว" ชอบนำความเท็จมาเป่าหู
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 20.30-22.00 น. ในวันอังคารที่ 29 ธ.ค. มี นายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม นักสื่อสารมวลชนอิสระ และอ.ชัยวัฒน์ สุรวิชัย ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเมืองภาคประชาชน มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีทบทวนสถานการณ์บ้านเมืองในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาแล้วมองไปข้างหน้าต่อจากนี้ว่า สถานการณ์การเมืองไทยจะนำไปสู่ทิศทางไหน
นายสนธิญาณ กล่าวประเด็นนี้ว่า เรื่องนี้ความคาดหวังของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นปัจจัยหลักสำคัญ ที่จะส่งผลต่อสถานการณ์บ้านเมือง โดยถ้าหากย้อนกลับไปดูช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา จะเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามจะดำเนินทุกอย่างไปสู่การนิรโทษกรรม คือ ไม่ต้องถูกลงโทษ รวมทั้งไม่ต้องถูกยึดทรัพย์ ซึ่งตนมองว่าเกมนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นฝ่ายตั้งรับด้านยุทธศาสตร์ เนื่องจากเมื่อจุดไฟเดือนเมษายนแล้ว ก็ถือเป็นความพ่ายแพ้ทางการเมืองระลอกแรกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทันที ทั้งนี้ สถานการณ์เดือนเมษายนที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการเดินเกมไปสู่ขั้นแตกหัก แต่ด้วยสถานการณ์ไม่เป็นใจ จากเดิมที่เป็นฝ่ายรุกรัฐบาล ก็กลับกลายเป็นฝ่ายตั้งรับแทน เพราะด้วยนิสัยที่แก้ไม่หายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ร้อนรน ใจร้อน จนไม่สามารถควบคุมแผนการได้ มิหนำซ้ำ ยังบวกกับนิสัยปากเร็วด้วย จึงทำให้ทุกอย่างพังหมด
นายสนธิญาณ กล่าวต่อว่า ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ต้องย้อนดูว่ามีที่มาอย่างไร โดยต้องยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีบริวารเป็นพวกฝ่ายซ้ายที่คลั่งแนวทางไม่เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น อาจมีความเป็นไปได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รู้เห็นเป็นใจในแผนการเดินเกมใต้ดิน ที่พวกฝ่ายซ้ายลงมือคิดแผนล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่เป็นผลดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะทำให้เกิดปัญหาคนภายนอกมองไม่จงรักภักดี
"คำพูดและการกระทำ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่ามันล้ำเส้น คือ การขอร้องความเมตตา หรือวิงวอนขอความยุติธรรม สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นการล่วงละเมิด และยิ่งสร้างปัญหาใหญ่ให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยตอนนี้ถือเป็นช่วงที่หนักหน่วงที่สุดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เผชิญสถานการณ์เช่นนี้ แต่ถ้าหากมองมุมกลับกัน พวกฝ่ายซ้ายมองเกมนี้ว่าเป็นแรงบวกที่ช่วยขับเคลื่อนทางการเมือง" นายสนธิญาณ กล่าว
นายสนธิญาณ กล่าวอีกว่า ส่วนทางรัฐบาล ต้องยอมรับว่าวางตัวได้ดี และเดินเกมอย่างชาญฉลาด มีชั้นเชิงเป็นมวย โดยหยิบฉวยโอกาสได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ออกมาตอบโต้ทางกัมพูชา แบบไม่ได้ใช้ความรุนแรงใดๆ ดังนั้น หากมองภาพรวมสถานการณ์เวลานี้ รัฐบาลยังถือว่ามีแต้มต่อ
อ.ชัยวัฒน์ กล่าวประเด็นเดียวกันว่า สำหรับตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คาดคะเนเกมผิด โดยเริ่มต้นจากการล้มประชุมอาเซียนฯ ที่พัทยา ซึ่งบอกว่าเป็นชัยชนะของกลุ่มคนเสื้อแดงที่บุกไปฉีกหน้าประเทศตัวเอง หวังบีบเกม นายอภิสิทธิ์ แต่งานนี้ดันผิดถนัดและถือเป็นสัญญาณพ่ายแพ้อีกครั้ง ที่เอาความเสียหายของประเทศมาเป็นชัยชนะของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งในส่วนนี้ถ้ารัฐบาลยังเดินหมากใช้อำนาจทางการเมืองควบคู่ไปกับอำนาจรัฐได้ดีเช่นครั้งนั้นอีก ก็จะทำให้รัฐบาลเป็นฝ่ายรุกต่อ แต่ทั้งนี้รัฐบาลต้องทำอย่างต่อเนื่องด้วย ไม่เช่นนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดงก็จะกลับมาอีก
"ประเด็นที่มีการออกเปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกหมายเอาชีวิต เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญของประเทศ เพราะสำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ สิ่งที่กลัวไม่ใช่ความตาย หากแต่เป็นกลัวความจริงต่างหาก ดังนั้น รัฐบาลต้องเอาความจริงไปให้กับประชาชน เพื่อทำให้ความเท็จของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถทำให้ผู้คนหลงเชื่อได้ ทางรัฐบาลจึงสมควรเปิดเกมเล่นสงครามข่าวสารให้เป็นประโยชน์ เพื่อเป็นเครื่องมือดักจับความเท็จ พ.ต.ท.ทักษิณ" อ.ชัยวัฒน์ กล่าว
นายสนธิญาณ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนขอแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ เรื่องชยุทธศาสตร์กับยุทธวิธี ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วกับการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินเกมผิด ทำให้ความเชื่อถือในสายตาประชาชน พ.ต.ท.ทักษิณ จัดได้ว่าอยู่ในขั้นล้มละลาย เพราะคิดว่าเดินยุทธศาสตร์เป็นต่อรัฐบาล แต่ในที่สุดดันแพ้ภัยตัวเอง สิ่งไม่ดีจึงย้อนเข้าตัวทำให้ประชาชนยิ่งเห็นความชั่วร้าย
อ.ชัยวัฒน์ กล่าวประเด็นเดียวกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ยุทธศาสตร์ที่น่ากลัว คือ การโฆษณาชวนเชื่อ ที่เป็นความจริงบ้างเป็นเท็จบ้าง ในการปลุกระดมประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ ผิดพลาดอยู่ที่ทางรัฐบาล ไม่ยอมชี้แจงให้ประชาชนทราบความจริง จึงทำให้ผู้คนบางกลุ่มยังหลงเชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ ทั้งนี้ แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะชอบปั่นหัวพวกเสื้อแดง หรือปั่นพวกผู้ใหญ่หัวหงอกบางคน แต่สุดท้ายแล้วก็เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลายเป็นคนที่หัวขาดแน่นอน
"พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามต่อรอง โดยใช้เงิน 76,000 ล้านบาทให้เป็นประโยชน์ ซึ่งตรงนี้เป็นตัวหลอกล่อ ว่าจะมีการแบ่งเงิน หากสู้แล้วได้รับชัยชนะ ซึ่งในความจริงแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยอมเสียเงินก้อนดังกล่าวให้ใครแน่นอน เพราะถ้าหากกลุ่มคนเสื้อแดงไปรวมตัวคุยกัน ก็จะทราบว่าข้อเสนอของแต่ละคนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ หยิบยื่นให้ มีความแตกต่างกัน เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพวกขายพ่อค้าเร่ขายฝัน หรือขายของเก๊ หลอกคนให้ยอมเป็นทาส" อ.ชัยวัฒน์ กล่าว
นายสนธิญาณ กล่าวว่า ตนอยากยืนยันว่าเวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จบสิ้นแล้วสำหรับประเทศไทย เพราะหมดโอกาสกลับมามีอำนาจ หรือสร้างความปั่นป่วนให้แก่ประเทศ ซึ่งตนอยากให้ประชาชนมองการเมืองไทยออกเป็น 2 ด้าน คือ แม้ปีหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาสร้างความวุ่นวายให้แก่ประเทศไทย แต่มองอีกมุม ถ้ารัฐบาลวางแผนรัดกุม ใช้โอกาสนี้ขจัดคนกลุ่มนี้ออกไป พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะจบสิ้นถาวรทันที
"ที่ผ่านมายุทธศาสตร์ พ.ต.ท.ทักษิณ ยิ่งเดินเกมรุก หรือยิ่งประกาศว่าจะล้มกระดาน ก็ยิ่งทำให้แพ้ เพราะผู้คนเกิดความเบื่อหน่าย โดยเฉพาะยิ่งไปสมคบกับศัตรูของชาติ ก็ยิ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากเกิดความระอาในการกระทำ พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนี้ ยังทำให้ภาพของฝ่ายรัฐบาล เป็นฝ่ายที่ถูกต้องโดยธรรมชาติ เนื่องจากไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประเทศ" นายสนธิญาณ กล่าว