อสส.แถลงเตรียมฟ้อง "พ่อมดราเกซ" คดีทุจริตปล่อยกู้แบงก์บีบีซี. 1,600 ล้าน รอเชือดอีก 20 สำนวน เสียหายกว่าหมื่นล้าน ตามล่าทรัพย์สินอีก 20 ล้านดอลล่าร์ เจ้าตัวถึงไทย 21.30 น. คืนนี้
วันนี้ ( 30 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) สำนักงานอัยการสูงสุด สนามหลวง นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายเศรษฐกิจและทรัพยากร นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคณะกรรมการอัยการ(ก.อ.)รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และคณะร่วมกันแถลงข่าว การขอตัวนายราเกซ สักเสนา ชาวอินเดีย ฉายา “พ่อมดการเงิน” อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์บีบีซี เป็นผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศแคนาดากลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ว่า คดีนี้อัยการเริ่มติดตามตัวนายราเกซมาตั้งแต่ปี 2539 โดยมีการกล่าวหาว่านายราเกซ ร่วมกับนายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีต กก.ผจก.บีบีซี อนุมัติเงินกู้ให้กับบริษัท ซิตี้เทรดดิ้ง จำกัด จำนวน 1,657 ล้านบาทโดยทุจริต เกินอำนาจหน้าที่และไม่มีการประเมินราคาหลักประกันอย่างถูกต้อง ซึ่งอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องนายราเกซ แล้วฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์ ตามกฎหมายอาญา ม.83, 352, 353, 354 และฐานร่วมกับกรรมการผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคล เบียดบังทรัพย์ช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่กรรมการผู้จัดการเบียดบังทรัพย์นั้นไปอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 307 – 309 ,311,313และ315 โดยอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจฯพร้อมยื่นฟ้องคดีได้ทันทีหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำนายราเกซแล้วเสร็จตามกระบวนการทางกฎหมาย และมั่นใจว่าจะยื่นฟ้องได้ก่อนคดีหมดอายุความในวันที่ 20 ก.ค.53 อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เมื่อฟ้องคดีแล้วก็จะเท่ากับต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ในการสืบพยาน ส่วนจะคัดค้านการขอประกันตัวของนายราเกซในชั้นพิจารณาของศาล อัยการจะดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย นอกจากนี้นายราเกซยังตกเป็นผู้ต้องหาความผิดลักษณะเดียวกันอีก 20 สำนวน ความเสียหายกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งอัยการมีคำสั่งฟ้องและยื่นฟ้องผู้ต้องหาอื่นต่อศาลไปแล้วทุกคดี โดยในส่วนของนายราเกซ อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารเพื่อดำเนินการยื่นฟ้องต่อไป ขณะเดียวกัน ตนเองในฐานะอัยการสูงสุดก็จะทำหนังสือแจ้งต่อทางการแคนาดาด้วยว่า นายราเกซ จะต้องถูกดำเนินคดีทุจริตปล่อยกู้ในลักษณะเดียวกันให้บริษัทในเครือของตัวเองอีก 20 สำนวน เนื่องจากการยื่นคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน อัยการระบุถึงคดีของบริษัทซิตี้เทรดดิ้งฯ เป็นหลักและใช้คำว่าคดีอื่น ๆ แนบท้ายในคำร้อง ดังนั้นจึงต้องชี้แจงให้ทางการแคนาดาเข้าใจเพื่อให้การดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดนเป็นไปตามข้อตกลงในสนธิสัญญา
อัยการสูงสุด ยังกล่าวอีกว่า หลังจากที่ศาลฎีกาแคนาดา มีคำสั่งยกฎีกาของนายราเกซ เมื่อคืนวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้โทรศัพท์สอบถามไปยังนายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด หัวหน้าคณะที่เดินทางไปรับตัวนายราเกซ ทราบว่านายราเกซ ให้ความร่วมมือด้วยดี ไม่มีท่าทีขัดขืนซึ่งการนำตัวมาไม่ได้ใส่กุญแจมือ ขณะที่นายราเกซ ก็มีปัญหาสุขภาพต้องมีคนช่วยประคองเดิน โดยเมื่อรับตัวนายราเกซกลับมาแล้วเราก็จะต้องดูแลเรื่องสุขภาพด้วย ซึ่งการได้ตัวนายราเกซมาแม้จะช้าไปบ้างแต่ก็ขอขอบคุณหน่วยงานที่มีส่วนช่วยเหลือ อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บริษัท การบินไทยฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในฐานะผู้เสียหาย รวมทั้งศาลแคนาดา และอัยการฝ่ายต่างประเทศ ซึ่งการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนของนายราเกซ ใช้เวลายาวนานถึง 13 ปี ตั้งแต่เดือน ก.ค.ปี 2539 จนถึงวันนี้จึงได้ตัวกลับมา
"ในส่วนของทรัพย์สินของนายราเกซที่เหลืออยู่ทั้งในหมู่เกาะเกริร์นซี่ย์ ประเทศอังกฤษ และสวิสเซอร์แลนด์ รวมกว่า 20 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ อัยการก็จะติดตามนำทรัพย์ดังกล่าวต่อไป ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกพอสมควร วันนี้นายราเกซถึงสุวรรณภูมิ 21.30 น. เที่ยวบิน TG 615 คาดว่าเมื่อสอบปากคำแล้วเสร็จคงส่งสำนวนฟ้องได้สัปดาห์หน้า" นายจุลสิงห์กล่าว
ด้านนายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายเศรษฐกิจฯ กล่าวเสริมว่า ในส่วนของคดีทุจริตปล่อยเงินกู้ที่นายราเกซตกเป็นผู้ต้องหาอีก 20 สำนวน ก็ใกล้จะหมดอายุความ 15 ปี เช่นกัน ซึ่งขณะนี้อัยการกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมยื่นฟ้องต่อไป หลังจากฟ้องคดีบริษัท ซิตี้เทรดดิ้งฯ เป็นสำนวนแรกก่อน
ด้าน นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เปิดเผยว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพร้อมประสานกับทางตำรวจ เพื่อเตรียมสถานที่รอรับนายราเกซ สักเสนา ซึ่งถือเป็นผู้ต้องหาในคดีสำคัญ โดยจะออกทางประตู 3 ชั้น 2 ซึ่งเป็นช่องทางออกของผู้โดยสารตามปกติ แต่จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปควบคุมตัวนายราเกซ ตั้งแต่ลงจากเครื่องบินและนำออกจากสนามบิน ซึ่งคาดว่าจะมีสื่อมวลชนมารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในเวลา 14.00 น. ชุดนายตำรวจที่สอบสวนคดีของนายราเกซ จะมาประชุมเพื่อจัดทีมไปรับนายราเกซที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทันทีที่มาถึง เพื่อนำตัวไปสอบสวนที่กองปราบปรามทันที
พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาท์ รองผู้บังคับการตำรวจกองปราบปราม กล่าวว่า หลังจากนายราเกซเดินทางถึงเมืองไทย คาดว่าในเวลา 21.50 น.จะจัดตำรวจคอมมานโด 4 หมวด 50 นายดูแลความปลอดภัยตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิ จนถึงกองปราบปราม เมื่อมาถึงได้จัดเตรียมพนักงานสอบสวนไว้ กรณีถ้าได้รับการร้องขอว่าป่วยมากขอนอนที่โรงพยาบาล จะจัดแพทย์มาตรวจแล้วรอฟังความเห็นของแพทย์ หากแพทย์เห็นว่าสุขภาพดีจะนำตัวเข้าควบคุมที่ห้องขังกองปราบปรามที่มีการจัดเตรียมไว้แล้ว โดยจะมีตำรวจคอมมานโดเฝ้าห้องขังกว่า 20 นาย และรักษาการณ์โดยรอบกองปราบปราม แต่หากแพทย์วินิจฉัยว่าต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล จะนำตัวไปส่งที่โรงพยาบาลตำรวจ
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยนายราเกซ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แหล่งข่าวจากนายตำรวจระดับสูงของ สตช.เปิดเผยว่าได้จัดเตรียมกำลังดูแลรักษาความปลอดภัย นายราเกซ ตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน โดยอาจจะให้สวมใส่เสื้อเกราะกันกระสุนด้วย พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่คุ้มกันคล้ายกับบุคคลวีไอพี เนื่องจากมีทั้งคนได้และคนเสียประโยชน์จากคดีนี้ มีการจัดเตรียมอาวุธพิเศษคอยคุ้มกันตลอดการเดินทางถึงกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)
“บางทีอาจต้องจัดรถ กำหนดเส้นทางหลัก เส้นทางหลบหนี และอาจต้องใช้ตัวหลอก แทนนายราเกซด้วย นอกจากนี้ยังให้เฮลิคอปเตอร์จากกองบินตำรวจคอยสแตนด์บายเอาไว้ด้วย หากเกิดเหตุฉุกเฉินสามารถบินมารับตัวจากสุวรรณภูมิไปที่กองปราบได้เลย” นายตำรวจระดับสูง กล่าว